เปิดไทม์ไลน์บึ้มสนั่น โรงงานผลิตเม็ดโฟมย่านบางพลี

สมุทรปราการ 5 ก.ค. – เปิดไทม์ไลน์ไฟโรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติก อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ล่าสุดมีนักผจญเพลิงบาดเจ็บ 11 คน ชาวบ้าน 15 คน บ้านเสียหาย 70 หลัง รถเสียหาย 15 คัน


เช้ามืดวันนี้เกิดเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่อโรงงานโฟมและเม็ดพลาดสติกในพื้นที่อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เกิดเพลิงไหม้และระเบิดเสียงดังสนั่นปลุกคนในรัศมี 5-10 กิโลเมตร ตื่นขึ้นมา พร้อมกับเห็นแสงเพลิงที่เกิดจากการระเบิดและสภาพความเสียหายของบ้านเรือน เราย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ในช่วงนั้นกัน

ภาพและเสียงระเบิดที่ดังสนั่นได้ปลุกให้คนในพื้นที่ตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ต้องตื่นขึ้นมาในช่วงเช้ามืดด้วยความตกใจ หลายคนบ้านถูกแรงระเบิดพังเสียหาย อีกหลายคนที่อยู่ไกลออกไปเมื่อได้ยินเสียงต่างหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายคลิปเหตุการณ์ไว้ ก่อนที่จะมีการส่งต่อข้อมูลสอบถามกันในโซเชียลถึงที่มาของเสียง กระทั่งมีรายงานว่าเกิดเหตุโรงงานผลิตเม็ดโฟมที่ชื่อว่า “หมิงตี้ เคมีคอล” ซึ่งเป็นบริษัทของไต้หวัน เกิดไฟไหม้ และระเบิดขึ้น


03.10 น. ความโกลาหลได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อรถดับเพลิงกว่า 30 คัน พร้อมอาสากู้ภัย ได้เข้าไปในพื้นที่เพื่อช่วยเหลือ และค้นหาผู้บาดเจ็บ ท่ามกลางเพลิงที่ลุกไหม้อย่างรุนแรง พร้อมกับเสียงระเบิดดังเป็นระยะ ซึ่งแรงอัดจากการระเบิดทำให้บ้านเรือนและโรงงานนับ 10 โรงที่อยู่โดยรอบเสียหายเป็นวงกว้าง ส่วนเศษซากโรงงานปลิวไปทั่วบริเวณ ทำให้การค้นหาผู้บาดเจ็บเป็นไปอย่างยากลำบาก ขณะที่การฉีดน้ำสกัดเพลิงยังทำได้แค่ควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัด แต่ยังดับไม่ได้

การทำงานแข่งกับเวลา กู้ภัยพบคนเจ็บอย่างน้อย 21 คน ส่วนใหญ่ถูกแรงอัดของระเบิดและกระจกที่แตกตกใส่ รวมถึงพบผู้ที่ติดอยู่ใต้โครงสร้างของโรงงาน 1 คน ส่วนรถยนต์เสียหายอีกหลายคัน

07.20 น. นายสมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอบางพลี สั่งอพยพประชาชนที่อาศัยอยู่ในรัศมี 5 กิโลเมตรของโรงงาน เพราะไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ และกังวลว่าไฟจะลามไปติดถังสารเคมีอีก 30 ตัน ที่เป็นสารไวไฟ และยังหลงเหลืออยู่ในโรงงาน หลังจากถังเคมีขนาด 20 ตัน ระเบิดไปแล้ว ด้านทีมแพทย์ พยาบาล และกู้ชีพ ได้เร่งประสานขอใช้ลานอเนกประสงค์ของมูลนิธิร่วมกตัญญู ตั้งศูนย์คัดกรองผู้บาดเจ็บ และเตรียมพร้อมสำหรับการอพยพ


08.00 น. การอพยพเริ่มต้นขึ้น โดยมีการแบ่งจุดอพยพเป็น 2 แห่ง คือ โรงเรียนเตรียมปริญญานุสรณ์ และ อบต.บางพลีใหญ่ ซึ่งการอพยพประชาชนยังไม่ทุลักทุเลเท่าการอพยพผู้ป่วยที่อยู่ในโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต เพราะที่นั่นนอกจากจะมีผู้ป่วยเดิม ผู้ป่วยโควิด-19 ที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจแล้ว ยังมีผู้ป่วยจากโรงงานที่ถูกลำเลียงส่งมาด้วย ทำให้ผู้เกี่ยวข้องต้องมาดูแลท่ามกลางการเฝ้าระวังขั้นสูงสุด พร้อมประกาศใครที่มีนัดตรวจวันนี้ หรือจะมาตรวจโควิด-19 ให้งดเดินทางมาโรงพยาบาลเป็นการชั่วคราว

11.00 น. ผ่านมา 8 ชั่วโมง นับแต่เกิดเหตุ กลุ่มควันจากโรงงานยังพวยพุ่ง และลมได้พัดเป็นทางยาวไกลหลายกิโลเมตร โดยเฉพาะเส้นทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ ที่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุ 2 กิโลเมตร มองเห็นควันสีดำได้ชัดเจน ส่วนกลิ่นสารเคมียังส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งกระจายไปทั่วพื้นที่

ขณะที่สภาพการจาจรบนถนนกิ่งแก้ว รถติดยาวเหยียดทั้งขาเข้าและขาออก รถกู้ภัย รถเจ้าหน้าที่ รถพยาบาล ต่างหมุนเวียนมาเฝ้าระวังสถานการณ์ และรอรับผู้ที่ยังอพยพออกไปไม่หมด เพราะหลายคนยังห่วงบ้าน และอีกหลายคนแม้ออกไปแล้วก็ขอกลับเข้ามาดูบ้าน ส่วนอีกหลายคนกังวลว่าอพยพมาแบบไม่มีอะไรติดตัว แล้วคืนนี้จะอยู่อย่างไร

12.10 น. กู้ภัยแจ้งข่าวด่วน กำลังถอนกำลังเจ้าหน้าที่ออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด เพราะสถานการณ์ขณะนี้คุมไม่อยู่ เกิดระเบิดปะทุมาอีกรอบ หวั่นเกิดระเบิดซ้ำ ต้องประสานรถโฟมจาก กทม. เข้าคุมสถานการณ์ และต้องกลับมาวางแผนใหม่อีกครั้ง

ด้านอธิบดีกรมควบคุมโรคเตือนประชาชนระวังควันพิษ เพราะเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ และตัวเลขล่าสุดมีนักผจญเพลิงบาดเจ็บ 11 คน ชาวบ้าน 15 คน บ้านเสียหาย 70 หลัง รถเสียหาย 15 คัน

13.00 น. ผู้ว่าฯ สมุทรปราการ เชิญตัวเจ้าของโรงงานเข้าให้ปากคำกับตำรวจ สภ.บางแก้ว ขณะรถดับเพลิงโฟมและเคมีขนาดใหญ่ของ ปภ. เริ่มทยอยเข้าพื้นที่ และเฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขึ้นบินสำรวจความเสียหาย พร้อมเตรียมโปรยสารเคมีเพื่อหวังควบคุมเพลิง

13.30 น. มีรายงานความสูญเสีย นายกรสิทธิ์ ราวพันธ์ อายุ 19 ปี อาสาสมัครกู้ภัย เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กน้องต้าร์ อะไรก้อได้ โพสต์ข้อความว่า “ในนามผู้บังคับบัญชา ขอแสดงความเสียใจ ขอให้น้องไปสู่ภพภูมิที่ดีไปอยู่บนสวรรค์ และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวด้วยนะครับ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บก็ขอให้หายไวๆ อาสาดับเพลิงไม่มีเงินเดือนเสียสละทุกอย่าง แม้แต่ชีวิตตัวเอง ไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นแต่มันก็เป็นอุบัติเหตุ ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ”

นอกจากนี้ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Speed leader team โพสต์ว่า “แอดมินรู้จักน้องทั้งในงานด้านอาสา และงานมาแชลที่เป็นลูกทีมของ #runnerService มาช่วยทำงานกันหลายครั้ง หลับให้สบายนะ น้องพอส”

เมื่อเรื่องราวถูกแชร์ออกไปได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กเข้ามาเขียนไว้อาลัยและแสดงความเสียใจกับครอบครัวของน้องเป็นจำนวนมาก.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบกสดุดีทหารกล้า จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ ขอพระราชทานยศทหารเลื่อนขั้นอย่างสมเกียรติ วันที่ 30 ก.ค. 68 กองทัพบกร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและส่วนราชราชการพื้นที่ จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้าที่สละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ จากเหตุการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยใน พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบให้คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ร่วมเป็นเกียรติในพิธีพระราชทานเพลิงศพของทหารหาญ จำนวน 4 นาย ดังนี้ 1.ส.อ.จิรายุ สิงห์อ้น ตำแหน่งพลลาดตระเวน กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 (ร้อย ลว.ไกล 6) กองพลทหารราบที่ 6 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ (25 ก.ค.68) ณ วัดตลาดราชมงคล อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พล.อ. ณัฐวุฒิ นาคะนคร รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีพระราชเพลิงศพ โดยกองทัพบกได้ดำเนินการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น ขอพระราชทานยศทหารเป็นร้อยโท […]

ทบ.ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบก ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน ประชาคมโลกต้องเห็นความเสียหาย ทั้งบ้านเรือน-โรงเรียน-โรงพยาบาล เร็วๆ นี้ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ เข้าดูพื้นที่บริเวณจุดปะทะ บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานีว่า จุดที่ฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงไปดูพื้นที่ปฏิบัติการทางทหาร บริเวณจุดที่เคยมีการปะทะกันนั้น เป็นบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี จึงเห็นมีภาพปรากฏถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้อาวุธจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งคงเป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ในบริบทของพื้นที่ทางยุทธการ และบริเวณนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายทางทหาร สำหรับฝ่ายไทยมีแผนจะจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน โดยฝ่ายไทยจะไม่เน้นการสร้างภาพลวงแบบฉาบฉวย แต่จะเน้นสื่อสารเชิงคุณภาพ สิ่งที่จำเป็นจะต้องสื่อถึงประชาคมโลกคือ ความเสียหายต่อบ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล ที่ฝ่ายทหารกัมพูชาจงใจพุ่งเป้าโจมตีไปยังเป้าหมายเหล่านั้น จนมีพลเรือน ประชาชน เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ลึกไกลเข้ามาภายในประเทศไทย และห่างจากพื้นที่สู้รบเข้ามาในไทยไกลมากถึง 10-30 กิโลเมตร พล.ต.วินธัย กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย รวมถึงขัดต่อหลักปฏิบัติทางทหารตามกฎหมายสากล และหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเจตนาละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับ ที่ห้ามการโจมตีพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบ กองทัพบกไทยขอยืนยันอีกครั้งว่า เราปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลักเท่านั้น และยึดมั่นในกติกาสากล โดยขอย้ำว่า ฝ่ายไทยไม่ได้รุกรานใคร แต่เรามีสิทธิชอบธรรมในการปกป้องประชาชนและผืนแผ่นดินของเรา.-313.-สำนักข่าวไทย

เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก

ทำเนียบ 30 ก.ค.-โฆษกรัฐบาล เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก พร้อมประณามกัมพูชาละเมิดมนุษยธรรมร้ายแรง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ประณามการกระทำของรัฐบาลและกองทัพกัมพูชาอย่างรุนแรง กรณีการใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายที่เป็นสถานพยาบาลของไทยในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐานและเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน พร้อมกันนี้นายจิรายุ ยังเปิดภาพโรงพยาบาลบางส่วนที่ได้รับความเสียหาย ได้แก่ โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) คำโปรย, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โคก, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซำเม็ง “ประเทศไทยขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกจับตามองและประณามการกระทำดังกล่าว ซึ่งต่างจากประเทศไทยที่ยึดมั่นในหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด โดยปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียแก่พลเรือ” โฆษกรัฐบาล ระบุ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุข ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น. พบว่า จากการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชา ได้ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตแล้ว 15 ราย ในพื้นที่จ.อุบลราชธานี และศรีสะเกษ บาดเจ็บสาหัส 12 […]

เหตุพลุระเบิด เสียชีวิตเพิ่มเป็น 10 คน

สุพรรณบุรี 30 ก.ค. – เหตุพลุระเบิด จ.สุพรรณบุรี พบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ที่โรงพยาบาล รวมเสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บ 1 ราย สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย คืบหน้าเหตุพลุระเบิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี ล่าสุด พล.ต.ต.วัชรินทร์ ประสพดี ผู้บังคับการภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิต จำนวน 10 ราย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 9 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล 1 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ขณะนี้ได้สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงประสานชุด EOD เข้าเก็บกู้ดินปืน เนื่องจากตรวจสอบพบหลุมขนาดใหญ่สีดำจำนวน 2 หลุม และดินปืนจำนวนหนึ่ง อีกทั้งยังพบร่างผู้เสียชีวิต ชิ้นส่วนจำนวนหนึ่งบริเวณที่เกิดเหตุ ส่วนข้อมูลการตรวจสอบ พบว่าบ้านหลังนี้มีการลักลอบผลิตพลุไล่นก.-สำนักข่าวไทย