ภูมิภาค 26 มิ.ย. – ผลตรวจกลุ่มเสี่ยงคลัสเตอร์โรงงาน อ.สทิงพระ จ.สงขลา ออกมาเป็นลบ แต่ยังคงต้องให้กักตัวในศูนย์กักกัน รอดูอาการอย่างใกล้ชิด ส่วน จ.กาญจนบุรี ยังพบแรงงานเมียนมาลอบข้ามแดนเข้าไทยอย่างต่อเนื่อง
คลัสเตอร์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในโรงงาน อ.สทิงพระ จ.สงขลา กว่า 10 แห่ง มีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 1,000 คน ล่าสุดผลการตรวจประชาชนกลุ่มเสี่ยงออกมาแล้วเป็นลบ แต่ยังต้องให้กักตัว 14 วัน ดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะคลัสเตอร์โรงงานสงขลาแคนนิ่ง ซึ่งพบผู้ป่วยติดเชื้อทั้งในส่วนของพนักงานและผู้สัมผัสร่วมบ้านแล้ว 646 คน เพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อในชุมชน จึงได้ตั้งศูนย์กักตัวโควิด-19 บริเวณวัดบ่อประดู่ ต.วัดจันทร์ อ.สทิงพระ มีชาวบ้านที่สัมผัสเสี่ยงกักตัว 13 คน ทั้งหมด
สำหรับ อ.สทิงพระ มีผู้ป่วยติดเชื้อจำนวนมากจากคลัสเตอร์โรงงาน โดยเฉพาะจากโรงงานสงขลาแคนนิ่ง เนื่องจากมีพนักงานทำงานอยู่จำนวนมากในทุกตำบล จึงต้องเปิดศูนย์ไว้เป็นสถานที่กักตัว แต่มีส่วนหนึ่งที่อยู่ระหว่างการกักตัวที่บ้าน ส่วนผู้ป่วยที่ติดเชื้อได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทั้งหมดแล้ว ขณะที่คลัสเตอร์โรงงานอุตสาหกรรมในสงขลามี 10 แห่ง ที่พบผู้ติดเชื้อสะสมแล้ว 962 คน ผู้สัมผัสร่วมบ้านติดเชื้อ 118 คน รวมมีผู้ติดเชื้อในคลัสเตอร์โรงงานอุตสาหกรรม 1,191 คน
ส่วนที่ จ.กาญจนบุรี เพียง 2 วัน สามารถจับกุมแรงงานเมียนมาลอบเข้าเมืองใน 2 อำเภอ ได้เกือบ 30 คน โดยจุดแรก บริเวณบ้านห้วยน้ำขาว ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ได้ชาวเมียนมา 14 คน เป็นชาย 6 คน หญิง 8 คน ส่วนคนขับรถที่พาแรงงานเข้าเมืองอาศัยความมืดและความชำนาญในพื้นที่หลบหนีไปได้
จากการสอบสวนทราบว่าทั้งหมดเดินทางมาจากหลายเมืองในเมียนมา เพื่อไปยังทำงานที่สวนนงนุช จ.ชลบุรี โดยจ่ายเงินให้นายหน้าก่อนเดินทางคนละ 20,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงประสานสาธารณสุขตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ก่อนส่ง สภ.เมืองกาญจนบุรี ดำเนินคดี
อีกจุดบริเวณบ้านท้ายเหมือง หมู่ 3 ต.บ้องตี้ อ.ไทรโยค ชายแดนพื้นที่ อ.ไทรโยค จับกุมแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย สัญชาติเมียนมา ได้อีก 15 คน เป็นชาย 6 คน หญิง 9 คน จึงตรวจวัดอุณหภูมิ ตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ก่อนคุมตัวส่งดำเนินคดี และผลักดันกลับประเทศเมียนมา
ที่ จ.อ่างทอง พบสาวท้อง 9 เดือน ติดโควิด-19 จากผู้ป่วยที่นอนอยู่เตียงข้างๆ ที่ปกปิดข้อมูล ขณะพักรักษาตัวอยู่ที่ตึกสูตินารีเวช โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.อ่างทอง เนื่องจากมีภาวะโรคเบาหวานในครรภ์ รวมถึงมีภาวะที่จะคลอดก่อนกำหนด ทำเอาเจ้าตัวถึงกับร้องไห้ เพราะช็อก และกลัวว่าลูกในท้องจะได้รับผลกระทบ รวมถึงเป็นห่วงลูกที่บ้านอีก 3 คน ตอนนี้ไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่ใช่ความผิดของตนเองที่ต้องมาติดโควิด-19 อย่างนี้ ตอนนี้เป็นทุกข์มาก อยากกลับบ้านที่สุด ใครจะรีบผิดชอบ ทั้งเปิดเผยว่าเข้ารักษาตัวเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ต่อมาวันที่ 15 มิถุนายน มีผู้ป่วยเข้ามารับการรักษาและนอนพักอยู่เตียงใกล้กัน ต่อมาภายหลังตรวจพบว่าผู้ป่วยคนดังกล่าวติดเชื้อโควิด-19 และปกปิดข้อมูล ไม่ยอมแจ้งเจ้าหน้าที่ ทำให้ผู้ป่วยทั้งหมดและเจ้าหน้าที่มีความเสี่ยงสูง การตรวจครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ผลออกมาเป็นลบ กระทั่งเมื่อวานผลออกมาว่าตนติดโควิด-19
ขณะที่บุคลากรทางการแพทย์คนหนึ่งโพสต์ระบายความในใจ หลังผู้ป่วยที่เข้ามารักษาปกปิดข้อมูล จนทำให้มีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ผู้ป่วย ญาติผู้ป่วย ต้องถูกกักตัวถึง 50 คน และต้องปิดตึกผู้ป่วย เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ รวมถึงเพิ่มภาระให้กับโรงพยาบาลในจุดอื่นๆ ระบุขอให้ผู้ป่วยอย่าปกปิดข้อมูล และไม่ต้องกลัวความผิด พร้อมติดแฮชแท็ก #59ชีวิตต้องรอด ทำให้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่เป็นจำนวนมาก รวมถึงตำหนิผู้ป่วยที่ปกปิดข้อมูล ทำให้เกิดความเสียหาย โดยบางรายอยากให้ดำเนินคดีกับผู้ที่ปกปิดข้อมูล .-สำนักข่าวไทย