สุราษฎร์ธานี 26 มิ.ย. – คดีอุ้มฆ่านักธุรกิจค้าหอยถ่วงทะเลที่ จ.สุราษฎร์ธานี เกือบ 2 เดือนแล้วที่ยังไม่พบศพ และยังจับกุมผู้ต้องหาไม่ได้ ล่าสุดกองปราบฯ ลงพื้นที่ค้น 12 เป้าหมาย เชิญตัวพยานสอบปากคำเพิ่ม
วันนี้ พลตำรวจตรีนภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 พร้อมกำลังร่วมกับตำรวจกองปราบปราม นับ 100 นาย ลงพื้นที่ อ.ไชยา และอำเภอใกล้เคียงใน จ.สุราษฎร์ธานี ตรวจค้น 12 เป้าหมาย ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย และเชิญตัวพยานมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่กองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยเป็นภรรยาและญาติสนิทของผู้ต้องหารวมอยู่ด้วย และห้ามผู้สื่อข่าวบันทึกภาพ
พลตำรวจตรีนภันต์วุฒิ กล่าวสั้นๆ ว่าการตรวจค้น 12 เป้าหมายในวันนี้ได้พยานในการรวบรวมหลักฐานทางคดีเพิ่ม ซึ่งเป็นประโยชน์ในรูปคดี ส่วนการเชิญตัวพยานมาสอบปากคำมีทั้งที่เกี่ยวข้องโดยตรงและเกี่ยวข้องกับการครอบครองสถานที่หลายราย หลายอำเภอ
คดีนี้เกิดขึ้นจากการที่นางสาวจินดาหรา วศินทรัพย์ อายุ 31 ปี ไลฟ์เฟซบุ๊กขอความช่วยเหลือ หลังนายโกศล หรือตุ้ม เรืองดุก อายุ 45 ปี สามีนักธุรกิจค้าขายหอยและรับซื้ออาหารทะเลรายใหญ่ของ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี หายตัวไป หลังจากที่มีเพื่อนมารับจากที่บ้านพักไปดื่มสุรากับเพื่อนที่ศาลาข้างบ้านเลขที่ 89 หมู่ 5 ต.ตะกรบ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี แล้วหายตัวไป พบเพียงรอยคราบเลือดจำนวนมากลากเป็นทางยาวมาจนถึงถนนหน้าหมู่บ้าน จากพยานหลักฐานเชื่อว่าเป็นการอุ้มฆ่าฝังและถ่วงทะเล เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาพลตำรวจเอกสุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่คลี่คลายคดีด้วยตัวเอง จนนำไปสู่การออกหมายจับกุมผู้ต้องหา 8 คน ทั้งหมดถูกแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยไม่มีเหตุอันควรและจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ล ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยมีหรือใช้อาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย และจนถึงขณะนี้เป็นเวลาเกือบ 2 เดือนแล้วที่ยังไม่พบศพ และยังจับกุมผู้ต้องหาไม่ได้
คดีสะเทือนขวัญนี้เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค. นับถึงปัจจุบันถือว่าเป็นเวลา 55 วันแล้ว จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถจับผู้ต้องหาทั้ง 8 คนได้เลย.-สำนักข่าวไทย