ฉะเชิงเทรา 19 มิ.ย.- คลิปภาพกล้องวงจรปิดของร้านค้าแห่งหนึ่งในจังหวัดฉะเชิงเทรา จับภาพรถจักรยานยนต์ 2 คัน ขี่ด้วยความเร็วประกบกันมา ระหว่างนั้นเกิดเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด และภาพจากพลเมืองดีที่ตามถ่ายภาพรถจักรยานยนต์ของกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุไว้ได้
ต่อมานางนิศารัตน์ รัตนเลิศ อายุ 46 ปี นำคลิปดังกล่าวมาร้องเรียนผู้สื่อข่าว โดยเล่าว่าลูกชายของตนคือนายเอ นามสมมติ อายุ 16 ปี ถูกกลุ่มวัยรุ่นขับมอเตอร์ไซต์ตามไล่ยิงขณะซ้อนรถเพื่อน พร้อมนำภาพจากกล้องวงจรปิดมาให้เพื่อเป็นหลักฐานทางคดี
นายเอ เผยว่าตนเองเรียนที่วิทยาลัยเทคนิคฉะเชิงเทรา ช่างไฟฟ้ากำลังปี 2 ซึ่งช่วงนี้ได้เรียนออนไลน์อยู่ที่บ้านไม่ได้ไปวิทยาลัย ขณะเกิดเหตุได้ซ้อนรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นรถของตน โดยมีนายบี ซึ่งเป็นเพื่อนขับกลับบ้านพัก ระหว่างที่ขับมาถึงถนนวัดบ้านนา ต.บางกะไห อ.เมืองฉะเชิงเทรา จู่ๆ ก็สังเกตเห็นรถจักรยานยนต์ขี่ตามหลังมา ลักษณะเป็นวัยรุ่นและสวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบ ตนเองเห็นท่าไม่ดีจึงบอกนายบีให้เร่งเครื่องหนี ระหว่างนั้นรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวพยายามจี้เข้ามา และพยายามถีบรถของตน แต่ถีบไม่โดน จังหวะนั้นคนซ้อนท้ายรถจักรยนต์คันก่อเหตุได้ชักอาวุธปืนขึ้นมายิงใส่พวกตน 1 นัด แต่ไม่โดน
ตนเองและนายบี จึงพยายามขี่รถหนีมาจอดขอความช่วยเหลือบริเวณห้องเช่าข้างถนน ขณะนั้นเห็นรถจักรยานยนต์ของกลุ่มวัยรุ่นขี่ผ่านไป ทีแรกนึกว่าจะไม่มีอะไรแล้ว แต่กลุ่มวัยรุ่นคันดังกล่าวได้ขี่ไปตามเพื่อนมาอีก 1 คัน รวมทั้งสิ้น 4 คัน เมื่อตนเห็นกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้กำลังจะจอดรถจึงรีบวิ่งหนี โดยหนึ่งในผู้ก่อเหตุขว้างระเบิดปิงปองขึ้นฟ้า ไปหล่นบนหลังคาห้องเช่า แต่ระเบิดกับด้าน ส่วนวัยรุ่นที่เหลือหลังวิ่งตามพวกตนไม่ทัน ได้ใช้มีดฟันรถจักรยานยนต์ของตนจนเสียหาย ก่อนตนเองจะรีบโทรศัพท์บอกนางนิศารัตน์ แม่ของตน เพื่อเดินทางไปแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองฉะเชิงเทรา
ส่วนสาเหตุที่ตนเองและเพื่อนถูกยิงนั้น คาดว่าจะเป็นการยิงเช็คสถาบัน หากกลุ่มผู้ก่อเหตุขี่รถเข้ามาใกล้แล้ว และรู้ว่าเป็นสถาบันเดียวกันก็จะไม่เกิดเรื่อง แต่ถ้าหากเป็นคนละสถาบันก็จะตามไล่ยิง
นางนิศารัตน์ แม่ของนายเอ อยากจะฝากถึงตำรวจให้ช่วยติดตามตัวกลุ่มวัยรุ่นผู้ก่อเหตุ มาดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด ไม่อยากให้เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวใคร โชคดีที่ลูกชายของตนไม่เป็นอะไร ทำไมกลุ่มวัยรุ่นต่างสถาบันถึงนิยมความรุนแรง พอเวลาเกิดเรื่องขึ้นมาไม่สงสารพ่อแม่ที่ส่งมาเรียนหนังสือบ้างหรือ ก็อยากจะฝากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้มาดำเนินคดี.-สำนักข่าวไทย