บุรีรัมย์ 9 มิ.ย. – ครอบครัวร้องขอความเป็นธรรมกรณีลูกชาย อายุ 22 ปี ถูกรุ่นพี่รุมทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต หลังรักษาตัวอยู่ 8 วัน ขณะที่ผู้บริหารสถาบันเผยรุ่นพี่ 12 คน ก่อเหตุจริง เตรียมไล่ออก
หลังจากมีผู้โพสต์เฟซบุ๊กนำเสนอข้อมูลและข้อร้องเรียนเกี่ยวกับกรณีน้องชายถูกรุ่นพี่มหาวิทยาลัยชื่อดังย่านปทุมวัน ทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส ก่อนนำส่งโรงพยาบาล แต่ท้ายที่สุดหลังจากรักษาไป 8 วัน น้องชายเสียชีวิต ก่อนนำร่างไร้วิญญาณกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดในจังหวัดบุรีรัมย์
ผู้เสียชีวิตคือ น้องปลื้ม อายุ 22 ปี นักศึกษาปี 2 คณะวิศวกรรมโยธา ซึ่งพี่ชายให้ข้อมูลว่าเป็นการเสียชีวิตโดยผิดธรรมชาติ หลังจากเข้ารักษาอาการบาดเจ็บเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง จากนั้นวันที่ 5 มิถุนายน เสียชีวิตลง ทั้งที่เป็นคนแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว จากนั้นพี่ชายได้ค้นหาหลักฐานด้วยตนเอง กระทั่งพบภาพจากกล้องวงจรปิดของมหาวิทยาลัยที่พบภาพกลุ่มบุคคลหิ้วร่างของน้องชายออกจากตึก
จากนั้นเมื่อตรวจสอบข้อมูลโทรศัพท์ของน้องชาย ปรากฏแชทผ่านไลน์ส่วนตัว และมีคนเปิดเผยว่ามีการกระทำรุนแรงระหว่างกิจกรรมเตรียมรับน้องใหม่ จึงเชื่อว่าน้องชายเสียชีวิตจากการถูกทำโทษของรุ่นพี่ นอกจากนี้ยังได้คลิปวงจรปิดในช่วงเวลาใกล้เคียงกับขณะเกิดเหตุ แต่ยังไม่ชัดเจนถึงพฤติกรรม แต่พบเห็นเพียงแค่การหิ้วร่างน้องชายออกมา
เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (7 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยเดินทางไปงานสวดพระอภิธรรมน้องปลื้ม ที่ตำบลหนองกี่ อำเภอหนองกี่ โดยพบกับมารดาของผู้เสียชีวิต และคณะผู้บริหารของมหาวิทยาลัยที่เป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรม และมอบเงินช่วยเหลือครอบครัวในเบื้องต้น ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของครอบครัว
รองอธิการบดี บอกว่า ภายหลังทราบเรื่องที่เกิดขึ้น มหาวิทยาลัยไม่ได้นิ่งนอนใจ พร้อมตั้งกรรมการสืบหาข้อเท็จจริงจนทราบว่ามีใครเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งได้เรียกนักศึกษากลุ่มดังกล่าวมาสอบถาม มีนักศึกษารุ่นพี่ 12 คน ยอมรับสารภาพว่าทำร้ายน้องปลื้มจริง ส่วนข้อมูลว่าใครทำร้ายในลักษณะใดนั้น เป็นข้อมูลของตำรวจที่อยู่ในสำนวนคดี
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มีการเสนอชื่อนักศึกษาทั้งหมดให้อธิการบดีลงนามลงโทษขั้นสูงสุด คือไล่ออก เหลือเพียงขั้นตอนการลงนามเท่านั้น พร้อมกันนี้ได้แสดงความเสียใจกับครอบครัวที่ต้องสูญเสียลูกชาย จากเหตุการณ์ดังกล่าว มหาวิทยาลัยจะร่วมกันหามาตรการป้องกันและแก้ไขอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย
ด้านแม่ของผู้เสียชีวิต บอกว่า ขอบคุณมหาวิทยาลัยที่ให้ความร่วมมือ ทั้งเรื่องภาพจากกล้องวงจรปิดในคืนเกิดเหตุ แม้จะไม่เห็นภาพช่วงที่เกิดเหตุแต่น่าจะเป็นหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่าน้องถูกทำร้ายร่างกายก่อนเสียชีวิต ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุ ซึ่งไม่ได้ติดใจสถาบัน เพราะเชื่อว่าเกิดจากการกระทำของบุคคลกลุ่มหนึ่ง เรียกร้องให้ผู้ก่อเหตุออกมายอมรับผิดกับสิ่งที่ได้กระทำไป พร้อมให้มากราบขอขมาศพลูกชายด้วย.-สำนักข่าวไทย