ฆ่าโบกปูนในบ้าน ที่แท้ฝีมือหลานชาย

สระบุรี 7 มิ.ย. – ยายวัย 74 ปี ผงะ! เจอกลิ่นเหม็นในบ้านลูกชาย โร่แจ้งตำรวจตรวจสอบ พบศพลูกชายถูกฆ่าโบกปูนในบ้าน ด้านตำรวจรวบทันควัน ที่แท้ฝีมือหลานชายมาทวงเงินค่าแรงแล้วไม่ได้ จึงสังหารด้วยด้ามจอบ ก่อนโบกปูนทับ


เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (7 มิ.ย.) ร.ต.อ.พิภาค ม่วงช้าง รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองสระบุรี รับแจ้งจากนางลำเพียร พรหมเมืองเก่า อายุ 74 ปี บ้านเลขที่ 76 หมู่ 9 ต.หนองปลาไหล อ.เมืองสระบุรี ว่า ขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยมาตรวจสอบที่บ้านของลูกชาย ซึ่งอยู่ติดกัน หลังจากที่ตนได้เข้าไปในบ้านของลูกชาย ซึ่งไม่อยู่บ้านหลายวัน โดยตนเองได้เข้าไปดูในห้องนอนลูกชาย พบกองปูนคล้ายคนถูกโบกไว้ข้างเตียงในบ้าน และยังมีกลิ่นเหม็นคล้ายซากคนตายโชยออกมา ไม่รู้ว่าเป็นใครหรือซากอะไร

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่กู้ภัย เดินทางมายังที่เกิดเหตุ พบเป็นบ้านไม้กึ่งปูน สร้างเป็นร้านค้า รับจ้างติดตั้งอะลูมิเนียมติดกระจก ภายในร้านมีกระจกแผ่นอะลูมิเนียมวางกองเต็มไปหมด เมื่อเจ้าหน้าที่เปิดประตูเข้าไปในห้องนอน พบปูนขาวโบกลักษณะคล้ายโบกทับคนนอนไว้กับพื้นข้างกำแพงในห้อง โดยมีกลิ่นเหม็นฟุ้งเต็มห้อง จึงให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำค้อนปอนด์เข้าไปทุบปูนออก พบศพเป็นชาย ทราบชื่อภายหลัง คือ นายไพโรจน์ พรหมเมืองเก่า อายุ 55 ปี เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 1 เดือน สภาพเน่าเปื่อย โดยผู้ตายไม่สวมเสื้อ สวมกางเกงยีนส์ขายาว เข็มขัดหนัง 1 เส้น จึงบันทึกภาพในที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำศพส่งตรวจที่โรงพยาบาล มศว องครักษ์ จ.นครนายก เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดต่อไป


ด้านนางลำเพียร พรหมเมืองเก่า อายุ 74 ปี เล่าว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านของลูกชายตน ซึ่งสร้างเป็นร้านค้าไว้รับเหมางานกระจกอะลูมิเนียมทั่วไป โดยลูกชายตนชื่อ นายไพโรจน์ อายุ 55 ปี อยู่กินกับภรรยาใหม่ ชื่อนางเพ็ญ อายุราว 40-50 ปี แต่ตัวภรรยานั้นจะไปๆ มาๆ ที่บ้านหลังนี้ ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงวันที่ 22-23 พ.ค.ที่ผ่านมา ตนทราบว่าลูกชายไม่อยู่บ้าน ก็ไม่ได้เอะใจ นึกว่าไปรับเหมางานนอกบ้าน ไม่กลับเป็นเรื่องธรรมดา หลังจากนั้นไม่กี่วัน นางเพ็ญ ภรรยาของลูกชายได้เดินทางมาหาตนที่บ้าน พร้อมมานั่งคุยปรับทุกข์กับตนว่า สามีคือนายไพโรจน์นั้น ทราบข่าวว่าไปเที่ยวเมืองลาว และคิดว่ากลับไปหาภรรยาที่อยู่เมืองลาวด้วย แต่ตนเองไม่ได้สนใจ จนนางเพ็ญเดินทางกลับบ้านที่ อ.หนองแค

กระทั่งเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (6 มิ.ย.) ตนเองเห็นว่าบ้านของลูกชายนั้น อยู่บ้างไม่อยู่บ้าง ก็เลยอยากให้หลานเขยกับหลานสาวมาอยู่แทน บ้านจะได้ไม่สกปรก จนช่วงบ่ายโมง วันที่ 6 มิ.ย. ตนกับลูกชายอีกคนมาเปิดประตูดูในห้องดังกล่าว พร้อมเข้าไปในห้อง ก็ได้กลิ่นเหม็นคล้ายซากสัตว์ และเห็นปูนโบกไม้กับพื้นห้องมองคล้ายโบกทับคน แต่วันนั้นยังไม่สนใจ จนกระทั่งมาวันนี้ ตนกับหลานชายสงสัย จึงได้แจ้งผู้ใหญ่บ้านและตำรวจมาที่บ้านหลังดังกล่าว จึงทราบว่าลูกชายของตนถูกฆ่าโบกปูนไว้

ด้านนายคงฤทธิ์ หวาดด้วงดี อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นหลานเขยของนางลำเพียร เล่าว่า ช่วงเช้าตนเองได้เข้ามาในบ้านที่เกิดเหตุ เพราะยายเพียรจะให้ตนมาอยู่บ้านแทนพ่อตาตน คือ นายไพโรจน์ เพราะยายเห็นว่าไม่ค่อยมีคนอยู่ เกรงบ้านจะสกปรก ตนจึงเข้ามาเพื่อที่จะทำความสะอาดให้ใหม่ กระทั่งตนและยาย พร้อมอาได้เข้ามาในห้องนอน พบปูนโบกทับคล้ายคนและมีกลิ่นเหม็น ยายจึงไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน


ต่อมาไม่นาน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดสระบุรี ได้ออกหาข่าวและกดดันผู้ต้องหาในพื้นที่ที่น่าสงสัย กระทั่งได้เชิญตัวนายอนุภาพ กัญญา อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นหลานชายของผู้ตาย มาเค้นสอบปากคำ จนให้การรับสารภาพในเบื้องต้นว่า ตนเองเป็นคนฆ่าลุงตัวเอง เพราะที่ผ่านมาผู้ตายไม่จ่ายค่าแรงที่ช่วยทำงานติดตั้งกระจก รวมเป็นเงินเกือบ 30,000 บาท ที่ค้างไว้ โดยลงมือฆ่าผู้ตายประมาณวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยตนเองเดินเข้ามาหาผู้ตายในห้องนอน จากนั้นได้ทวงเงินค่าแรง แต่ผู้ตายไม่ยอมให้ ตนจึงโมโห ใช้ด้ามจอบข้างห้องทุบใบหน้าผู้ตายจนเสียชีวิต โดยตนทำเพียงคนเดียว หลังจากนั้นก็ออกไปหาซื้อปูนขาวมาโบกทับร่างของผู้ตายไว้ และทำทีไม่รู้เรื่อง จนกระทั่งมาถูกจับกุมได้ใกล้บ้านที่เกิดเหตุ. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เมียติด GPS รถผัว ตามง้อถึงบ้าน ฝ่ายชายเมิน ยิงดับ

ภรรยาติด GPS รถสามี ตามง้อไม่สำเร็จ ซัดด้วยลูกโม่ตายคาใต้ถุนบ้าน คาดปมทะเลาะหึงหวง คิดจบชีวิตตัวเองตาม แต่พ่อสามียึดปืนไว้ทัน

ครูสูญเงิน 1.2 ล้านบาท มิจฉาชีพหลอกเป็นที่ดิน-จนท.ธนาคาร

ครูสาวชาวอุบลราชธานี ถูกมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นหน่วยงานราชการ และเจ้าหน้าที่ธนาคาร ใช้เบอร์ธนาคารโทรหาจึงหลงเชื่อ สูญเงินกว่า 1.2 ล้านบาท

สุราษฎร์ฯ คลื่นลมแรง น้ำทะเลหนุนสูงท่วมบ้าน-รีสอร์ต

ฝนตกหนัก-คลื่นลมแรง น้ำทะเลหนุนสูงซัดบ้านพัก-รีสอร์ต อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี พังเสียหาย 4 หลัง เตือนเรือประมงงดออกจากฝั่ง

New threats in Los Angeles as wildfire switches direction

ไฟป่าแอลเอเปลี่ยนทิศสร้างปัญหาใหม่

ลอสแอนเจลิส 12 ม.ค.- รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐเกิดภัยคุกคามใหม่วานนี้ เมื่อไฟป่าที่โหมไหม้เผาหลายพื้นที่ทั่วเทศมณฑลลอสแอนเจลิสหรือแอลเอเคาน์ตี้ได้เปลี่ยนทิศทาง ทำให้ต้องสั่งอพยพประชาชนเพิ่มเติม และกลายเป็นปัญหาท้าทายใหม่สำหรับทีมนักดับเพลิง พื้นที่เขตแคลิฟอร์เนียใต้เผชิญไฟป่ามาตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม โดยเกิดไฟป่าพร้อมกัน 6 จุดทั่วแอลเอเคาน์ตี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 11 คน  ผู้สูญหาย 13 คน  บ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างเสียหายหรือถูกทำลายรวมแล้วกว่า 10,000 หลัง คาดว่าความเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินจะเพิ่มขึ้นอีก เมื่อเจ้าหน้าที่สามารถเข้าตรวจสอบพื้นที่ประสบภัยได้อย่างละเอียด ขณะนี้ยังคงมีประชาชน 153,000 คนอยู่ภายใต้คำสั่งอพยพ และอีก 166,800 คน เสี่ยงต้องอพยพเนื่องจากมีการประกาศเคอร์ฟิวในทุกพื้นที่ที่มีการอพยพประชาชนหนีไฟป่า ขณะเดียวกันเครื่องบินกองทัพอากาศของเม็กซิโกได้ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐเมื่อวานนี้ เพื่อนำทีมบุคคลากร 74 คนจากกองทัพบกและคณะกรรมาธิการป่าไม้แห่งชาติ ไปช่วยปฏิบัติการดับไฟป่าที่กำลังลุกไหม้ลามไม่หยุดทั่วเขตแคลิฟอร์เนียใต้ ภารกิจด้านมนุษยธรรมดังกล่าวครอบคลุมทั้งปฏิบัติการดับไฟป่าและปกป้องพลเรือน ขณะที่กงสุลเม็กซิโกในเมืองแอลเอประกาศไม่ปิดทำการและเสนอให้ที่พักพิงกับผู้ประสบภัยชาวเม็กซิโก ไม่ว่าจะมีสถานะเป็นผู้อพยพหรือไม่ ปัจจุบันมีชาวเม็กซิโกหรือลูกหลานชาวเม็กซิโกอาศัยอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนียคิดเป็นเกือบร้อยละ 30 ของประชากรทั้งรัฐ.-820(814).-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กล้อง CCTV จับภาพผู้ต้องสงสัย 2 ราย ก่อเหตุ จยย.บอมบ์

กล้อง CCTV จับภาพผู้ต้องสงสัย 2 ราย คาดเป็นคนร้ายก่อเหตุ จยย.บอมบ์ ปัตตานี มีผู้บาดเจ็บ 10 ราย ทั้งเจ้าหน้าที่ อส. ตำรวจ และชาวมาเลเซีย

พิธีสืบพระชะตาหลวง

รัฐบาลจัดยิ่งใหญ่ พิธีสืบพระชะตาหลวง เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคล

รัฐบาลจัดพิธีสืบพระชะตาหลวงและพิธีแห่ไม้ค้ำโพธิ์หลวง อย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคล

เรือใบคาตามารันพร้อม 38 ชีวิต ล่มทะเลภูเก็ต

เรือใบคาตามารันล่ม ขณะนำนักท่องเที่ยวพร้อมลูกเรือรวม 38 ชีวิต ออกไปดำน้ำบนเกาะราชา จ.ภูเก็ต ล่าสุดทุกคนได้รับการช่วยเหลือกลับเข้าฝั่งปลอดภัย