เปิดหลักฐานเด็ดมัด “ลุงพล” นำไปสู่หมายจับ

มุกดาหาร 2 มิ.ย. – เมื่อวานนี้ ศาลจังหวัดมุกดาหาร อนุมัติหมายจับ “ลุงพล” ใน 3 ข้อหา คดี “น้องชมพู่” โดยหลักฐานสำคัญที่มัดตัว “ลุงพล” มีทั้งดีเอ็นเอที่ได้จากเส้นขน กางเกง รองเท้า และจากการให้ปากคำของพยานแวดล้อมทั้งหมด ด้านแม่ของ “น้องชมพู่” ขอบคุณ ผบ.ตร.ที่นำทีมสอบสวนมือดีมาร่วมคลี่คลายคดี และมอบความยุติธรรมให้ครอบครัวตน


คดี “น้องชมพู่” วัย 3 ขวบ หายตัวปริศนาไปจากบ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 ก่อนถูกพบเป็นศพในสภาพเปลือยในป่าบนภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้านของน้องชมพู่เพียง 1.8 กิโลเมตร ในวันที่ 14 พฤษภาคม และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เคยแถลงยืนยันคดีนี้การพิสูจน์หลักฐานทางคดี เชื่อได้ว่า น้องชมพู่ไม่สามารถเดินขึ้นไปบนภูเหล็กไฟได้ด้วยตัวเอง เพราะขนาดผู้ใหญ่เดินขึ้นไปยังเหนื่อย ทำให้เชื่อได้ว่า มีผู้พาขึ้นไป และทำให้ถึงแก่ความตาย ขณะที่ตำรวจมุกดาหารบอกให้รอเกาะติดความคืบหน้าคดีในสัปดาห์นี้ เพราะหลักฐานทั้งหมดที่เคยรวบรวมได้ ผลทางนิติวิทยาศาสตร์ออกแล้ว และสอดคล้องกับพยานบุคคลที่เคยมี ทำให้เมื่อวานนี้ (1 มิ.ย.) ตำรวจหอบหลักฐานทั้งหมดไปขอศาลออกหมายจับคนร้าย

และล่าสุดศาลได้อนุมัติหมายจับ นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล อายุ 44 ปี ลุงเขยของน้องชมพู่ ใน 3 ข้อหา คือ 1. พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันควร ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000-300,000 บาท 2. ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกิน 9 ปี เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย โทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี และ 3. กระทำการใดๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพ หรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 2 ปี หรือปรับตั้งแต่ 10,000-40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากการกระทำผิดเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือเพื่ออำพรางคดี ผู้กระทำต้องระวางโทษเป็น 2 เท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น


ส่วนหลักฐานสำคัญที่นำไปสู่การออกหมายจับครั้งนี้ เป็นหลักฐานบริเวณจุดพบศพน้องชมพู่ ที่มีทั้งกางเกง รองเท้า และเส้นขน 3 เส้น ที่ตรวจดีเอ็นเอด้วยวิธีพิเศษ เพราะไม่พบรากขน ทำให้การตรวจครั้งแรกพบเพียงเชื่อมโยงกับเพศหญิง ซึ่งระบุได้ว่าเป็นญาติทางสายเลือดฝั่งแม่เด็ก ซึ่งอาจเป็นไปได้ทั้งเส้นขนของน้องชมพู่เอง แม่ พี่สาว ป้า น้า ยาย แต่การตรวจด้วยวิธีพิเศษที่มีเครื่องมือเพียง 2 เครื่อง ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือ ที่ไทยและสิงคโปร์ พบความเข้ากันได้มากที่สุดกับ “ป้าแต๋น” ภรรยาของลุงพล ทำให้เส้นขนกลายเป็นหลักฐานเด็ดมัดตัวลุงพล ควบคู่ไปกับหลักฐานเด็ดอีกชิ้นที่เป็นเส้นผมที่ตกอยู่ในรถของลุงพล ซึ่งเส้นผมดังกล่าวเป็นเส้นผมกลุ่มเดียวกับเส้นผม 36 เส้นของน้องชมพู่ที่ถูกตัดด้วยมีด ความยาวเส้นละประมาณ 1 เซนติเมตร และถูกพบบริเวณจุดที่พบศพของน้องชมพู่ ทั้งยังมีเส้นผมของคนใกล้ชิดคนร้ายที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ทั้งที่คนใกล้ชิดไม่ได้ขึ้นไปบนภูเหล็กไฟ นอกจากนี้ การเข้าเครื่องจับเท็จของลุงพลก็มีพิรุธ ประกอบกับคำให้การของพยานแวดล้อม ทุกอย่างขมวดรวม บ่งชี้ได้ว่า คดีนี้ลุงพลเท่านั้นที่จะพาตัวน้องชมพู่ขึ้นไปบนภูเหล็กไฟได

ขณะที่การสันนิษฐานของตำรวจ คือ ลุงพลได้พาตัวน้องชมพู่ออกจากบ้านไปซ่อนไว้ ก่อนกลับมาทำธุระ และหาพยานอ้างอิง (การสันนิษฐานนี้สามารถโยงไปกับข้อหาที่ 1 ได้) จากนั้นพาน้องชมพู่ขึ้นไปทิ้งบนภูเหล็กไฟ ทำให้น้องขาดน้ำและอาหารจนถึงแก่ความตาย (โยงได้กับข้อหาที่ 2) ก่อนจัดฉากอำพรางคดีให้หลงเชื่อว่าเป็นเหตุฆาตกรรม ด้วยการตัดเส้นผม ทำให้คล้ายกับเป็นเรื่องมนต์ดำเขมร (เชื่อมโยงกับการตั้งข้อหาที่ 3) ส่วนรายละเอียดทั้งหมด ผบ.ตร.เตรียมแถลงในวันนี้ ขณะที่ “ทนายตั้ม” นายษิทรา เบี้ยบังเกิด บอกว่า 10.00 น. วันนี้ จะให้สัมภาษณ

ด้านนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่ของน้องชมพู่ ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวทันทีที่ทราบว่า ลุงพลถูกออกหมายจับ โดยตกเป็นผู้ต้องหาในคดีน้องชมพู่ ซึ่งแม่บอกว่า คนคนนี้ควรจะมีความเมตตาสงสารน้องชมพู่มากกว่าคนอื่นที่ไม่เคยรู้จัก เชื่อว่าหากลุงพลมีจิตสำนึก น้องชมพู่คงไม่ตาย


ส่วนที่ลุงพลเคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่า สงสัยลุงพล เพราะเห็นลุงพลให้ข่าวกับสื่อ มีลักษณะพูดกลับไปกลับมา อย่างเช่น ลุงพลเคยบอกว่า ลุงพลมาเติมลมรถที่บ้าน แล้วน้องชมพู่ร้องตามลุงพล ถ้าเอาน้องไปด้วยคงไม่ตาย สิ่งนี้คือครั้งแรกที่เขาให้สัมภาษณ์ จากนั้นก็ออกมาแก้ข่าวว่าจำวันผิด

กรณีที่พระอาจารย์บุญมาออกมาให้ข่าว ลุงพลก็ออกมาให้ข่าวโต้พระอาจารย์บุญมา พ่อแบมออกมาพูด เขาก็ออกมาโต้พ่อแบม และตำรวจก็ไม่ได้สอบสวนแค่ลุงพลคนเดียว ตำรวจสอบสวนคนทั้งหมู่บ้าน รวมทั้งตนเองและนายอนามัยด้วย พร้อมฝากถึงสังคม ในฐานะที่ตนเคยตกเป็นผู้ต้องสงสัยฆ่าลูกตัวเองว่า ตนเลือกที่จะนิ่งและปลง ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนตอนนั้น และยอมรับว่า ชดใช้กรรมที่ถูกสังคมด่า และลุงพลเขาต้องชดใช้กรรมในสิ่งที่ทำกับน้องชมพู่ ตนอยากบอกกับชมพู่ว่า ลูกได้รับความยุติธรรมแล้วนะ

นอกจากนี้ แม่ของน้องชมพู่ ยังได้ขอบคุณ ผบ.ตร.ที่นำทีมสอบสวนมือดีมาร่วมคลี่คลายคดี และในโอกาสวันคล้ายวันเกิดตนเอง วานนี้ (1 มิ.ย.) รู้สึกว่าได้รับพรวิเศษ เป็นของขวัญชิ้นใหญ่ที่ตำรวจมอบความยุติธรรมให้ครอบครัวตนเอง

อย่างไรก็ตาม แม่บอกว่า หากผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ตอนนี้ยังไม่มีความรู้เรื่องกฎหมาย ขอปรึกษาผู้ที่มีความรู้ในด้านนี้ก่อน เชื่อว่าต้องมีคนอยากให้ความช่วยเหลือบ้าง ตนเคยบอกผู้ต้องหาก่อนหน้านี้แล้วว่า ใครที่ทำอะไรไว้ ก็ให้มอบตัว โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา แต่ตอนนี้คุณไม่มีโอกาสนั้นแล้ว. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” ลั่นฟ้อง “ธนพร” อยู่ที่ทนายหากขอโทษแล้วจบหรือไม่

ทำเนียบ 21 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลั่นฟ้อง “ธนพร” อยู่ที่ทนายหากขอโทษแล้วจบหรือไม่ ย้ำวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่สุจริต ไม่มีข้อเท็จจริง ต้องรับผิดชอบ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมอบอำนาจทนายความยื่นฟ้อง นายธนพร ศรียากูล ผอ.สถาบันวิเคราะห์การเมือง ฐานความผิดหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ถ้า นายธนพร ขอโทษ จะเลิกแล้วต่อกันหรือไม่ว่า แล้วแต่ทนายความตนได้มอบหมายไปแล้วเมื่อวานนี้ (20 ส.ค.) ส่วนจะฟ้องเฉพาะนายธนพร หรือจะมีบุคคลอื่นด้วยหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า อะไรที่เกินเลยเป็นการพูดที่ไม่รับผิดชอบทำลายเกียรติยศ เกียรติภูมิ ของผู้อื่น ก่อให้เกิดความสับสนเป็นภัยต่อปัญหาของประเทศก็คงฟ้อง เมื่อถามว่าที่ผ่านมาก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันแต่ไม่เคยมีการส่งฟ้องกันใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ไม่จริง มีการฟ้องกันมาเยอะแล้ว ถ้าไปทำลายเกียรติภูมิของเขาหรือครอบครัวเขาก็ฟ้องกันทั้งนั้น ถ้าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตไม่ผิดอะไร แต่ถ้าวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่สุจริต นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จอันนี้เป็นเรื่องที่ควรรับผิดชอบ และต้องถามผู้ที่วิจารณ์ว่า วิจารณ์ไปโดยที่ไม่มีข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ ทำอย่างนี้ได้หรือเปล่า ต้องย้อนไปถามผู้ทำผิดอย่ามาย้อนถามผู้เสียหาย.-316.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! มือยิง “กำนันเล้น” หนีกบดานเกาะลันตา

กระบี่ 21 ส.ค. – ไล่ล่าเกือบ 20 วัน จับได้แล้วมือยิง “กำนันเล้น” กำนันคนดัง จ.ตรัง หนีกบดานเกาะลันตา จ.กระบี่ เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกดดัน 3 วัน 3 คืน สุดท้ายไม่รอด เจ้าหน้าที่บุกจับ นายธวัชชัย อายุ 33 ปี ผู้ต้องหายิง นายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนัน ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา คดีนี้อุกอาจและสะเทือนขวัญคนในพื้นที่มาก เพราะคนร้ายไปรอดักยิงกำนันถึงหน้าบ้าน ขณะที่กำนันกำลังขับรถเข้าบ้าน และใช้อาวุธสงคราม M16 ในการก่อเหตุ ซึ่งกำนันเล้น เป็นกำนันคนดังในจังหวัด และเป็นประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด หลักฐานสำคัญในตอนนั้น คือ ภาพจากกล้องวงจรปิด โดยคนร้ายใส่ชุดดำ สวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า บุกไปก่อเหตุหน้าบ้านกำนัน […]

“ไชยา” สั่งปิดประชุมดื้อๆ หนีถกญัตติด่วน MOU 43-44

รัฐสภา 21 ส.ค.- งงทั้งห้องประชุม! “ไชยา” สั่งปิดประชุมดื้อๆ หนีถกญัตติด่วน MOU 43 และ 44 ด้านประธานวิปรัฐบาลบอกไม่รู้เรื่อง ยันไม่ได้ส่งสัญญาณให้ปิดประชุม ขณะที่ “ไชยา” อ้างเป็นข้อตกลง 2 วิปขอปิดประชุมเอง การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ภายหลังจากการพิจารณากระทู้ถามสด และกระทู้ถามทั่วไป เสร็จสิ้นแล้ว จึงเข้าสู่วาระพิจารณารับทรารายงานการประชุม เรื่องรายงานประจำปี 2567 ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ โดยมีการตกลกระหว่างวิปรัฐบาลกับวิปฝ่ายแล้วว่า หลังจากจากเสร็จสิ้นวาระรับทราบการประชุมแล้ว จะเข้าสู่การประชุมลับ เพื่อพิจารณาญัตติด่วนเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาบันทึกข้อตกลง MOU 43 และ 44 ของนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย แต่ปรากฏว่าภายหลังที่ประชุมรับทราบรายงานการประชุมกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เสร็จเรียบร้อยแล้ว นายไชยากล่าวต่อที่ประชุมว่า ใช้เวลาการประชุมมาพอสมควรแล้ว และสั่งปิดประชุมดื้อๆ ในเวลา 14.59 น. สร้างความงุนงงให้กับสส. เพราะตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่า จะพิจารณาญัตติด่วนเรื่อง MOU 43 […]

นายกฯ พกยาดม เข้าไต่สวนปมคลิปเสียง

ศาล รธน. 21 ส.ค.-“แพทองธาร” นายกฯ พกยาดม เข้าไต่สวนปมคลิปเสียง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 11.34 น ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้กลับมาเผยแพร่โทรทัศน์วงจรปิดอีกครั้ง หลังจากไต่สวนนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พยานในคดีปมคลิปเสียงสนทนา ระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เสร็จสิ้นโดยใช้เวลาไต่สวนนายฉัตรชัย ประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นได้เบิกตัวนางสาวแพทองธาร มาไต่สวนต่อ โดยเริ่มจากการกล่าวสาบานตน ก่อนให้การ ซึ่งเป็นที่สังเกตว่านางสาวแพทองธาร ได้พกยาดมสีเหลืองวางไว้ใกล้มือด้วย โดยหลังสาบานตนเสร็จก็ได้มีการตัดสัญญาณถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ อีกครั้ง.-319.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มือยิงถล่ม “กำนันเล้น” สารภาพแค้นส่วนตัว

ตรัง 22 ส.ค.- ตำรวจแถลงคดียิง “กำนันเล้น” แห่งตำบลนาวง จ.ตรัง ผู้ต้องหาสารภาพยิงถล่มจนตายเพราะแค้นส่วนตัว คุมตัวฝากขังศาล พร้อมค้านประกัน ที่ สภ.ห้วยยอด อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมตำรวจ ร่วมกันแถลงรายละเอียดผลการจับกุมนายธวัชชัย ผู้ต้องหาคดีฆ่านายบัณฑิต หรือ “กำนันเล้น” กำนันตำบลนาวง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา การสืบสวนสอบสวนแกะรอยจนรู้ตัวผู้ก่อเหตุ คือ นายธวัชชัย จึงยื่นขอศาลออกหมายจับเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ในข้อหา”ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนโดยผิดกฎหมาย และพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต” จากการสืบสวนสอบสวนร่วมกันของตำรวจหลายหน่วยกระทั่งทราบแหล่งกบดาน จนนำไปสู่การจู่โจมจับกุมที่ห้องเช่าในพื้นที่ ตำบลศาลาด่าน อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ เมื่อวานนี้ (21 ส.ค.) โดยใช้เวลา 18 วันในการปิดคดี “ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยมีสาเหตุมาจากความแค้นส่วนตัวที่สะสมจนถึงจุดแตกหักและลงมือก่อเหตุ” ขณะเดียวกันวันนี้ พนักงานสอบสวน ได้ควบคุมนำตัวนายธวัชชัย ส่งขออำนาจศาลจังหวัดตรัง ฝากขังผัดแรก พร้อมคัดค้านการประกันตัว โดยระหว่างคุมตัวลงมาขึ้นรถ […]

บุกจับปลัด อบจ. เรียกเงินผู้รับเหมา

22 ส.ค.- รวบคาโต๊ะทำงาน ตำรวจบุกจับปลัด อบจ.มุกดาหาร เรียกรับเงินผู้รับเหมา 7 โครงการ วงเงินกว่า 12 ล้านบาท แลกอนุมัติเบิกจ่ายงบฯ เจ้าหน้าที่บุกอ่านหมายจับ ว่าที่ร้อยเอก วัทธิกร ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร ตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ใช้อำนาจในตำแหน่ง โดยมิชอบ, ข่มขืนใจ บุคคลใดมอบให้ ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเอง  และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 และมาตรา 157 เป็นการเข้าทำการตรวจค้น จับกุมที่ห้องทำงานปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร  ก่อนหน้านี้ ผู้รับเหมาเข้าร้องเรียนกับ สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 4  ว่า ในระหว่างที่ผู้ถูกกล่าวหาอยู่ในตำแหน่งปลัด อบจ.มุกดาหาร ปฏิบัติหน้าที่นายก อบจ.มุกดาหาร ระหว่างนั้น ผู้เสียหายได้เข้าเป็นคู่สัญญา รับจ้างในโครงการปรับปรุงถนนลาดยางผิวทางแอสฟัลท์ติกคอนกรีตฯ 1 โครงการ วงเงินงบประมาณ 9,780,000 บาท โครงการเสริมผิวทางแอสฟัลท์ติกคอน กรีตฯ จำนวน 6 โครงการ วงเงินงบประมาณ […]

ผบ.ทอ. บินสวีเดน ลงนามจัดซื้อ “กริพเพน” 25 ส.ค.นี้

22 ส.ค.- กองทัพไทยเพิ่มแสนยานุภาพ เสริมความแข็งแกร่ง ลงนามจัดซื้อ “กริพเพน” กับสวีเดน อย่างเป็นทางการ 25 สิงหาคมนี้ การลงนามครั้งนี้ นำโดย พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ จะลงนามกับบริษัท SAAB AB ที่ประเทศสวีเดน ในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ ตามมติ คณะรัฐมนตรี ที่อนุมัติหลักการโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตี Gripen E/F ระยะที่ 1 จำนวน 4 เครื่อง ( วงเงิน 19,500 ล้านบาท ) การจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทนครั้งนี้ ไม่เพียงเพิ่มขีดความสามารถด้านความมั่นคงทางทหาร ในการเสริมศักยภาพป้องกันประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของคนไทยทุกคน และยังเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศในด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา และเทคโนโลยี ในการลงนามจัดซื้อ “กริพเพน” 25 สิงหาคมนี้ ทางประเทศสวีเดน จะมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสวีเดน เข้าร่วมในฐานะสักขีพยาน “มาริษ” ร่วมเป็นสักขีพยานจัดซื้อ “กริพเพน” […]

IOT ลุยบ้านหนองจาน สำรวจหมู่บ้านเขมรรุกล้ำอธิปไตยไทย

22 ส.ค.- IOT ลงพื้นที่บ้านหนองจาน สำรวจหมู่บ้านกัมพูชาปลูกรุกล้ำอธิปไตยไทย ชาวบ้านบอกแค้นใจ โดนเขมรยึดแผ่นดิน เมื่อเวลา 16.00 น. ที่ ต.หนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว กองทัพไทยนำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) 8 ประเทศ ลงพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงการรุกล้ำอธิปไตยแผ่นดินไทยของกัมพูชา และรายงานถึงหลักเขตที่ 46 – 48 ที่อยู่ด้านในพื้นที่ พร้อมรับทราบมาตรการควบคุมและป้องกันการกระทำผิดกฎหมายข้ามชาติ เช่น อาชญากรรมออนไลน์ และการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ทันทีที่คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว เดินสำรวจพื้นที่ ได้พบกับหมู่บ้านขนาดเล็ก พร้อมซากอาคาร บ้านเรือน และโรงงานที่ชาวกำพูชาได้ลักลอบมาสร้างไว้กว่า 200 ครอบครัว โดยก่อนหน้านั้นทหารได้ผลักดันให้ออกนอกพื้นที่โดยไม่ได้มีการใช้อาวุธแต่อย่างใด หลังจากดำเนินการเรียบร้อยแล้วได้มีการนำสแลน และวางแนวรั้วลวดหนาม เพื่อเป็นแนวป้องกัน ไม่ใช่การวางเพื่อกำหนดเส้นเขตแดน ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ช่วงที่คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว และสื่อมวลชนลงพื้นที่ มีชาวกัมพูชาพยายามที่จะมาแอบดูตามแนวปิดกั้น ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารต้องขอความร่วมมือไม่ให้เข้าไปใกล้ในบริเวณดังกล่าวมากจนเกินไป -สำนักข่าวไทย