ขอนแก่น 31 พ.ค.-ตำรวจขอนแก่นและอุดรธานี จับกุมสาวใหญ่วัย 49 คดีร่วมกับพวกฉ้อโกงเงินพระวัดดังในจังหวัดขอนแก่นไปกว่า 7 ล้านบาท พบเคยก่อเหตุเมื่อ 2 เดือนก่อน เหยื่อสูญเงินกว่า 34 ล้านบาท ใช้วิธีตีสนิทพระ ออกอุบายต้องการทำบุญสมทบทุนสร้างวัดในต่างประเทศ
ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดขอนแก่น ร่วมกับชุดสืบสวนภูธรจังหวัดอุดรธานี นำหมายศาลจังหวัดขอนแก่น เข้าจับสาวใหญ่ อายุ 49 ปี ชาว ต.บ้านเลื่อม อ.เมือง จังหวัดอุดรธานี ในข้อหาฉ้อโกง โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น หลังจากได้ร่วมกันกับพวกฉ้อโกงเงินจากพระสงฆ์รูปหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น ไปกว่า 7 ล้านบาท ซึ่งผู้เสียหายแจ้งความ กระทั่งตำรวจสืบทราบว่า พักอาศัยอยู่หมู่บ้านใน ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี จึงร่วมกันนำหมายศาลเข้าตรวจสอบ พบอยู่ที่บ้าน จึงแสดงหมายจับ นำตัวสอบสวนที่ สภ.เมืองขอนแก่น โดยมี พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น ร่วมสอบสวน แต่ผู้ต้องหาให้การภาคเสธ
ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น กล่าวว่า การจับกุมตัวครั้งนี้ เนื่องจากประมาณต้นเดือนที่ผ่านมา มีผู้เสียหายเป็นพระสงฆ์ของวัดชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น แจ้งความที่ สภ.เมืองขอนแก่น ว่าถูกหลอกฉ้อโกงเงินไปกว่า 7 ล้านบาท โดยจากการสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหารายนี้ ตีสนิทกับพระรูปนี้เกือบหนึ่งปีแล้ว ใช้วิธีการเข้าไปทำบุญและขอเช่าวัตถุมงคลกับพระอยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งเกิดความสนิท คุ้นเคย ไว้เนื้อเชื่อใจ ก่อนวางแผนกับพวกเพื่อฉ้อโกงเอาเงินจากพระ
โดยช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผู้ต้องหาและพวก 1 คน มาที่วัดขอบูชาปี่เซียะกับพระรูปดังกล่าว ราคา 400,000 บาท จ่ายเป็นเงินสด พร้อมบริจาคเงินในตู้บริจาคตู้ละ 1,000 บาท เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้ตนเอง ต่อมาเริ่มออกอุบายว่า ต้องการทำบุญด้วยการสมทบทุนสร้างวัดในต่างประเทศ แต่มีปัญหาเรื่องการเงิน อ้างบัญชีธนาคารถูกอายัด ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ จึงต้องหาเงินไปเดินเรื่องขอปลดล็อกบัญชีกับทางธนาคารก่อน หากปลดล็อกได้จะนำเงินไปสร้างวัด จากนั้นให้ผู้ร่วมขบวนการอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร เจ้าหน้าที่ ปปง. ติดต่อเข้ามาพูดคุย จนพระหลงเชื่อ ทยอยโอนเงินรวมกว่า 7 ล้านบาท
นอกจากการก่อเหตุกับพระสงฆ์ที่ตกเป็นผู้เสียหายรายล่าสุดแล้ว ข้อมูลจากชุดสืบสวน ยังระบุว่า เมื่อ 2 เดือนก่อน ผู้ต้องหารายนี้ ยังก่อเหตุในลักษณะเดียวกันกับผู้เสียหายรายหนึ่งในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี สูญเงินกว่า 34 ล้านบาท แต่ผู้เสียหายยื่นประกันตัวออกไป ก่อนจะมาก่อเหตุอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย