เปิดคำสารภาพ ปมแค้นลวงสาวหมกป่ากก เซ่นรักสี่เส้า

นครสวรรค์ 22 พ.ค. – ตำรวจจับกุมผู้ก่อเหตุฆาตกรรมสาววัย 27 ปี หมกป่ากกริมคลองชลประทานที่นครสวรรค์ได้แล้ว โดยปมสังหารมาจากเรื่องชู้สาว เซ่นรักสี่เส้า หึงหวงฝ่ายหญิงปันใจให้ชายอื่น ด้านสามีผู้ตายยอมรับสุดเจ็บปวดที่ภรรยาถูกชู้ฆ่า


ย้อนกลับไปเมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ ได้เข้าปิดล้อมบ้านของนายสมภพ รักษาเลิศ หรือ “กั้ง” อายุ 30 ปี อาชีพช่างไฟ ในตำบลตาคลี อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ หลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยฆ่า น.ส.มนชญา เศษวารี หรือ “ฝ้าย” อายุ 27 ปี ก่อนนำศพไปทิ้งไว้ในป่ากก ริมคลองชลประทานชัยนาท-ป่าสัก บ้านหนองจิกรี หมู่ 8 ต.ตาคลี โดยนายสมภพไหวตัวทัน หนีเข้าไปซ่อนอยู่ในห้องนอน และปิดประตูล็อกไว้ พร้อมกับพกปืนลูกซองติดตัวไว้ตลอดเวลาตำรวจจึงต้องให้ญาติเข้าไปเกลี้ยกล่อม นายสมภพจึงยอมมอบตัว

นายสมภพ สารภาพว่าได้ลวงให้ผู้ตายขี่รถจักรยานยนต์ออกมาหาเพื่อพูดคุยปัญหา จึงเก็บอารมณ์ไม่อยู่ ปรี่เข้าไปซ้อมและชกผู้ตายจนแน่นิ่ง เมื่อผู้ตายฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ก็ได้ยกมือไหว้และขอโทษ พร้อมขอให้จากกันแต่โดยดี ซึ่งหลังจากสิ้นคำขอสุดท้าย ปรากฏว่านายสมภพทำใจไม่ได้ เพราะแค้นที่เคยส่งเสียเลี้ยงดูอย่างดีแต่กลับมาถูกตีจาก จึงตัดสินใจคว้าท่อนไม้ตีผู้ตายอย่างรุนแรง ลากศพไปอำพรางในป่ากก จากนั้นได้นำกระเป๋าสะพายของผู้ตายยัดใส่ใต้เบาะรถจักรยานยนต์และขี่รถเอาไปทิ้งลงคลองอีกจุดเพื่ออำพรางคดี


นายสมภพ เปิดเผยปมสังหารด้วยว่า รู้สึกหึงหวงและแค้นที่ผู้ตายปันใจ ซึ่งผู้ตายมีสามีแล้ว และแอบคบหากับตนเองแบบลับๆ แต่ยังมีชายอีกคนเข้ามาพัวพันกลายเป็นรักสี่เส้า ก่อนหน้านี้เคยลวงผู้ตายมาทำร้ายร่างกาย พร้อมไล่ให้ออกจากชีวิต สุดท้ายกลายเป็นว่ายังคงตัดใจไม่ได้ จึงพยายามติดต่อเพื่อพูดคุยปรับความเข้าใจ แต่กลับกลายเป็นว่าผู้ตายเริ่มตีตัวออกห่าง จนทำให้ความแค้นปะทุเดือดอีกครั้ง จึงตัดสินใจออกอุบายให้ผู้ตายขี่รถมาหาและก่อเหตุ

อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีได้นำตัวนายสมภพไปส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดนครสวรรค์ ในคดีครอบครองอาวุธปืนก่อน พร้อมอายัดการประกันตัว เพื่อคุมตัวไว้สอบปากคำเพิ่มเติมเกี่ยวคดีฆาตกรรม เนื่องจากขณะนี้ยังต้องรอสอบปากคำพยานรายอื่นๆ อีกทั้งยังต้องทำการค้นหาวัตถุพยานเพิ่มเติม


ด้านสามีของผู้ตาย เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า อยู่กินกับผู้ตายมานาน และมีบุตรด้วยกัน 2 คน ก่อนหน้าที่ภรรยาจะเสียชีวิตไม่กี่วัน เพิ่งจัดงานเผาศพบุตรสาวคนเล็ก อายุ 2 ขวบ ที่ประสบอุบัติเหตุเดินตกท่อระบายน้ำหน้าบ้านจนกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรามานานนับปี กระทั่งมาเสียชีวิตก่อนหน้าเพียงไม่กี่วัน โดยตนเองทราบตั้งแต่แรกว่าน่าจะเป็นฝีมือของนายสมภพ จึงให้ข้อมูลกับตำรวจ เนื่องจากก่อนหน้านี้ภรรยาถูกนายสมภพทำร้ายร่างกายจนหน้าบวมปูด แต่ภรรยาไม่เอาเรื่อง ซึ่งตนเองทำอะไรไม่ได้เพราะรักภรรยา และยอมได้ทุกอย่าง อีกทั้งนายสมภพ ยังพูดหยามว่า “ส่งเมียคืนให้แล้วและอย่าให้ผู้ตายมายุ่งกับเขาอีก” ไม่เช่นนั้นจะฆ่าให้ตาย จนกระทั่งมาพบว่าภรรยาถูกฆ่าตายจริง ยอมรับว่าเจ็บปวดกับเรื่องนี้อย่างมาก เพราะนอกจากจะรู้ว่าภรรยามีชู้กับนายสมภพมานาน ยังมาถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมอีก


ขณะที่ชุดสืบสวน สภ.ตาคลี ได้ตรวจสอบรถจักรยานยนต์ของผู้ตายที่กู้ขึ้นมาจากคลองชลประทาน พบว่าในช่องเก็บของใต้เบาะรถ มีกระเป๋าของผู้ตาย ภายในมีอุปกรณ์การเสพยาเสพติดจำนวนมาก

ส่วนเมื่อช่วงบ่าย นักประดาน้ำได้ลงพื้นที่ค้นหาวัตถุพยานเพิ่มเติมในจุดที่ผู้ต้องหานำรถจักรยานยนต์นำไปทิ้ง และพบโทรศัพท์มือถือของผู้ตายในสภาพถูกไฟเผา และพบเศษซากของฟอยล์ห่อบุหรี่ที่ถูกไฟเผา รวมถึงพบเสื้อคอปกแขนยาวเปื้อนเลือด ซึ่งเป็นของผู้ต้องหาที่ใส่ในวันก่อเหตุ จึงนำวัตถุพยานส่งมอบให้ตำรวจเพื่อใช้ประกอบสำนวนคดี. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงเหตุทหารรัวยิงชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ยังคุมตัวไม่ได้

15 ส.ค.- กองทัพบกแจงเหตุทหารหนีออกจากหน่วยพร้อมอาวุธปืน รัวยิงกลางดึก ชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ราย จนท.เร่งล่า ยังไม่พบตัว หากประชาชนพบเห็นรีบแจ้งทันที กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 00.45 น. กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด จำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเวลา 00.54 น. ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่า พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บทั้งสองรายได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อรักษาตามความเหมาะสม โดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นคาดว่าพลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ […]

แจ้งจับ “ภูมิธรรม” ปล่อยกัมพูชารุกราน ทำไทยเสียเปรียบ

ขอนแก่น 15 ส.ค. – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยกัมพูชารุกรานไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, ม.120, ม.124 ม.157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การมาร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ด้วยเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่รักษาการนายกฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง โดยปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ต้องปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้มั่นคง แต่ที่ทหารขาขาด บาดเจ็บ ประชาชนล้มตายทรัพย์สินเสียหาย คือ ความร้ายแรงของของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องทำและต้องปกป้องให้ได้ แต่ไม่มี มีแต่ไปเข้าข้างศัตรูโดยเฉพาะกัมพูชา เป็นโทษร้ายแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ทุ่นระเบิดใหม่ตอกย้ำกัมพูชาละเมิดกติกาสากล

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – วันนี้ รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูตภาคีอนุสัญญาออตตาวา ลงพื้นที่ดูปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด บนภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมเรียกร้องให้ตัดงบช่วยเหลือกัมพูชา หลังใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ผู้บริจาค ขณะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ยืนยันเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่เพิ่งพบช่วงเหตุปะทะล่าสุด.-สำนักข่าวไทย

ผลถก RBC กัมพูชาเมินกู้ทุ่นระเบิด-ปราบสแกมเมอร์

ตราด 16 ส.ค. – กัมพูชายังไม่ให้ความร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิด หลังฝ่ายไทยผลักดันในเวที “RBC ไทย-กัมพูชา” พื้นที่ชายแดนจันทบุรี-ตราด พร้อมการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ แขวนไว้หารือในการประชุมครั้งต่อไป พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า วันนี้ (16 สิงหาคม 2568) พลเรือโท อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด และพลตรี อุย เฮียง ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 3 ของกองทัพบกกัมพูชา ตลอดจนคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคของทั้งสองฝ่าย จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ (Regional Border Committee) หรือ RBC ณ ประเทศไทย ที่บ้านทะเลภูรีสอร์ท อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด เพื่อร่วมกันหารือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ และการดำเนินชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศด้วยสันติวิธี โดยได้ลงนามใน “บันทึกความตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ราชอาณาจักรไทย กับภูมิภาคที่ 3 […]

วัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะแจงดำเนินคดีอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท

กทม. 16 ส.ค.-ไวยาวัจกรฝ่ายกฎหมายวัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะชี้แจงการดำเนินคดีกับอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท ตรวจสอบประวัติย้อนหลัง 10 ปี พบปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาส 240 ครั้ง ด้านเจ้าอาวาสยอมรับเสียใจ ผิดหวังที่ไว้ใจคนใกล้ตัว ไวยาวัจกรวัดฝ่ายกฎหมาย ตั้งโต๊ะชี้แจง กรณีที่มีบุคคลภายในวัดปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาสวัดเครือวัลย์วรวิหาร ไปถอนเงินออกจากบัญชีวัดกว่า 240 ครั้ง ยักยอกเงินกว่า 56 ล้านบาท ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน ปี 67 ที่ผ่านมา ในส่วนการดำเนินการขณะนี้แบ่งเป็น 3 คดี คดีแรก พบการกระทำความผิดคือเมื่อเดือนเมษายน 2567 ทางวัดได้รับบริจาคจากกองทัพเรือเป็นแคชเชียร์เช็ค 1.5 ล้านบาท ลงวันที่ 10 เมษายน 2567 โดยในแคชเชียร์เช็คระบุว่ามอบให้ทางวัด จึงต้องเอาเข้าบัญชีวัด ทางเจ้าอาวาสจึงมีการมอบให้นายกฤษณ์ ที่เป็นไวยาวัจกรวัดในตอนนั้น เอาแคชเชียร์เช็คดังกล่าวไปขึ้นเงินและเอาเข้ายังบัญชีของวัด ต่อมาทางเจ้าอาวาสได้ทวงถามไปยังนายกฤษณ์ เพราะในขณะนั้นจำเป็นจะต้องบูรณะศาสนสถาน แต่นายกฤษณ์ อ้างว่าไม่ว่าง และได้มอบหมายให้นายชัยณรงค์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยไวยาวัจกรในตอนนั้นนำเงินไปเข้าธนาคาร ทางเจ้าอาวาสเลยมีการติดต่อไปยังนายชัยณรงค์ เพื่อทวงถามเรื่องเงิน แต่ก็บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด […]

“มาริษ” นำคณะทูตดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูต 33 ประเทศ ดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ เตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง ให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ หลังจากฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในภาพรวมที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะทูตประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา และตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศ รวม 33 ประเทศ ขึ้นไปสำรวจพื้นที่และดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ ที่อยู่ใกล้แนวปราสาทพระวิหาร เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือสื่อมวลชนที่ขึ้นภูมะเขือ งดถ่ายภาพติดพื้นที่ทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ระหว่างทางขึ้น ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง และเพื่อนบ้านใกล้เคียง ถูกสะเก็ดเสียหายอีก 2 หลัง โดยจุดนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายด้วย เพื่อให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ.-สำนักข่าวไทย