สงขลา 11 พ.ค.- เจ้าหน้าที่ระดมกำลังสกัดจับแรงงานต่างด้าวได้จำนวนมากที่สงขลาและกาญจนบุรี พร้อมเร่งสอบสวนขยายผล เนื่องจากเกรงว่าอาจเป็นการแพร่เชื้อ “โควิด-19” สายพันธุ์อินเดีย และแอฟริกาใต้
เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง สนธิกำลังจับกุมแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาอีก 7 คน ได้ที่ถนนนวลแก้ว ซอย 5 และห้องพักที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งในตำบลควนลัง ซึ่งเป็นแรงงานชุดเดียวกันกับที่ถูกจับกุมได้ 10 คน ขณะถูกส่งมากับรถแท็กซี่เมื่อ 2 วันก่อน โดยแรงงานทั้ง 7 คนเดินทางมากับรถแท็กซี่อีกคัน เพื่อนำมาส่งในพื้นที่หาดใหญ่ และหนึ่งในนั้นมีนางซิน มา ทู หรือ “เจ๊ฟ้า” นายหน้าชาวเมียนมาที่เป็นตัวการสำคัญในการลักลอบนำแรงงานเถื่อนเข้าประเทศ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำแรงงานทั้งหมดตรวจหาเชื้อ “โควิด-19” เนื่องจากที่มาเลเซียมีการระบาดของสายพันธุ์อินเดีย และแอฟริกาใต้
จากการสอบถามนางซิน มา ทู ให้การว่า ยังมีแรงงานเมียนมาอีก 11 คนที่นำไปพักไว้ในรีสอร์ตที่สุราษฎร์ธานี โดยทั้งหมดหลบหนีเข้าเมืองมาจากชายแดนอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ก่อนนำตัวมายังที่หาดใหญ่ เพื่อส่งต่อไปยังมาเลเซียผ่านช่องทางอำเภอสะเดา
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าตรวจสอบและจับกุมแรงงานได้อีก 9 คนขณะซ่อนตัวในรีสอร์ตที่อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบสวนขยายผล
สกัดจับแรงงานเมียนมาลอบเข้าเมือง 52 คน
ส่วนเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง สนธิกำลังจับกุมแรงงานต่างด้าวหนีเข้าเมือง 49 คน พร้อมผู้นำทาง 3 คน รวมเป็น 52 คน ในพื้นที่บ้านประตูด่าน หมู่ 14 ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมืองกาญจนบุรี แม้ก่อนหน้านี้มีการเฝ้าระวังพื้นที่แนวชายแดนระยะทาง 371 กิโลเมตรอย่างเข้มงวด แต่ยังพบการลักลอบเข้าเมืองเป็นจำนวนมาก
จากการตรวจสอบแรงงานทั้งหมดพบว่ามีสภาพอิดโรย เจ้าหน้าที่จึงจัดหาน้ำดื่มและอาหาร ซึ่งทั้งหมดไม่มีเอกสารหรือหนังสือเดินทาง จึงตรวจวัดไข้ก่อนคุมตัวไปดำเนินคดี เบื้องต้นทั้งหมดมีอุณหภูมิปกติ แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ผู้ต้องหาให้การว่า เดินทางมากจากเมืองทวาย ประเทศเมียนมา ใช้เวลาเดินเท้า 3 วัน ลัดเลาะตามเส้นทางตามธรรมชาติ โดยมีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง 13,000-20,000 บาท แต่ยังไม่ได้จ่ายให้นายหน้า.-สำนักข่าวไทย