ฉะเชิงเทรา 8 พ.ค. – ตำรวจกองปราบฯ จับกุมชายอายุ 30 ปี ตุ๋นซื้อทองแท่ง น้ำหนัก 200 บาท ถ่ายสลิปโอนเงินปลอมให้ผู้เสียหาย สูญเงินกว่า 5 ล้านบาท ตรวจสอบประวัติมีหมายจับติดตัวเพียบ
ตำรวจกองปราบจับกุมนายวศิน อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 701/2564 ลงวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงทรัพย์”
โดยผู้ต้องหามีหมายจับในคดีฉ้อโกงอีก 5 หมาย ทีมข่าวสำนักข่าวไทยตรวจสอบพบทั้ง 5 คดี เป็นความผิดฐานฉ้อโกงทั้งสิ้น โดยเป็นหมายจับในปี 2559 จำนวน 1 คดี ปี 2563 จำนวน 4 คดี และล่าสุดคือปี 2564
1.หมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ จ.930/2559 ลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2559 ในความผิดฐาน “ฉ้อโกง”
2.หมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ จ.532/2563 ลงวันที่ 21 สิงหาคม 2563 ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น”
3.หมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรี ที่ จ.222/2563 ลงวันที่ 29 มิถุนายน 2563 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันปลอมแปลงและใช้เอกสารราชการปลอม และปลอมและใช้เอกสารปลอม”
- หมายจับศาลแขวงชลบุรี ที่ จ.157/2563 ลงวันที่ 15 กันยายน 2563 ในความผิดฐาน “ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายโดยเจตนาที่ไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และออกเช็คไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึ่งให้ใช้ได้นั้น, ให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึ่งใช้ได้ตามเช็คนั้น และธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินตามเช็คนั้น”
- หมายจับศาลจังหวัดชลบุรี ที่ จ.374/2563 ลงวันที่ 24 กันยายน 2563 ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงทรัพย์โดยแสดงตนเป็นคนอื่น”
โดยตำรวจกองปราบจับกุมได้ที่บริเวณริมถนนหมายเลข 7 มอเตอร์เวย์สายกรุงเทพฯ-ชลบุรี ต.ท่าสะอ้าน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา
ผู้ต้องหาก่อคดีครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา โดยตำรวจกองปราบฯ ได้รับแจ้งความจากผู้เสียหายว่า เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2564 มีคนร้ายติดต่อมายังบริษัทของผู้เสียหายผ่านช่องทางอีเมล โดยติดต่อมาซื้อทองคำแท่ง ซึ่งรายละเอียดอีเมลแจ้งว่าต้องการซื้อทองคำแท่ง น้ำหนักแท่งละ 5 บาท จำนวน 10 แท่ง และทองคำแท่งน้ำหนักแท่งละ 1 บาท จำนวน 150 แท่ง รวมน้ำหนักทองคำทั้งสิ้น 200 บาท มูลค่ารวมเป็นเงิน 5,285,515 บาท
ผู้ต้องหาได้ให้หมายเลขโทรศัพท์มือถือสำหรับติดต่อซื้อขายทองคำไว้กับบริษัทผู้เสียหาย หลังจากนั้นพนักงานฝ่ายการตลาดของบริษัทผู้เสียหายจึงได้ติดต่อไปยังหมายเลขโทรศัพท์ตามที่คนร้ายได้ให้ไว้ โดยมีผู้รับสายชื่อ นายพิเชษฐ์ อ้างว่าต้องการซื้อทองคำแท่งดังกล่าวไปแจกลูกค้า และขอซื้อในนามบุคคลธรรมดา
ต่อมาวันที่ 29 เมษายน 2564 คนร้ายได้ส่งรูปภาพใบนำฝากเงินของธนาคารไทยพาณิชย์ ระบุฝากเงินเข้าบัญชีบริษัทผู้เสียหายเป็นเงิน 5 ล้านกว่าบาท ซึ่งเป็นเงินค่าทองคำแท่งที่คนร้ายตกลงซื้อขายกับบริษัทผู้เสียหาย เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัทผู้เสียหายตรวจสอบเอกสารแล้วพบว่ามียอดเงินดังกล่าวเข้ามายังบัญชีบริษัทจริง จึงได้แจ้งให้ทางบริษัทจัดส่งทองคำแท่งให้กับคนร้าย
กระทั่งวันที่ 30 เมษายน 2564 บริษัทผู้เสียหายได้ตรวจสอบยอดเงินค่าทองคำแท่งจำนวน 5 ล้านกว่าบาทอีกครั้ง กลับพบว่าไม่มียอดเงินดังกล่าวอยู่ในบัญชีของบริษัท เมื่อตรวจสอบไปทางธนาคารจึงพบว่ายอดเงินดังกล่าวไม่ได้เป็นการฝากเงินสดเข้าบัญชีตามใบนำฝากเงินที่คนร้ายส่งมาให้แก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายขายตรวจสอบแต่อย่างใด เป็นเพียงการฝากเงินโดยใช้เช็คธนาคารออมสิน ทำรายการฝากเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2564 เวลา 09.51 น. และเช็คดังกล่าวถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน เนื่องจาก “บัญชีปิดแล้ว” ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ในภายหลังที่บริษัทมาตรวจสอบยอดเงินจึงไม่พบยอดเงินดังกล่าว ทางบริษัทจึงได้ตรวจสอบใบนำฝากเงินที่คนร้ายส่งมาให้อีกครั้งโดยละเอียด จึงพบว่าใบนำฝากเงินดังกล่าวมีการปลอมแปลง เพื่อนำมาแสดงต่อบริษัทผู้เสียหาย เป็นเหตุให้บริษัทผู้เสียหายหลงเชื่อว่ามีเงินเข้าบัญชีจริง เมื่อบริษัทผู้เสียหายทราบข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงมาร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ให้สืบสวนและดำเนินคดีกับคนร้าย
ตำรวจกองปราบปรามจึงได้ทำการสืบสวนจนทราบถิ่นที่อยู่ และระบุตัวคนร้าย คือนายวศิน ผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหา จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่าผู้ต้องหากำลังเดินทางด้วยรถยนต์ บนถนนหมายเลข 7 มอเตอร์เวย์สายกรุงเทพฯ-ชลบุรี ต.ท่าสะอ้าน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงลงพื้นที่ติดตามจนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ในที่สุด
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม จึงนำหมายค้นศาลจังหวัดชลบุรี เข้าตรวจค้นที่พักอาศัยของนายวศิน ที่โครงการหมู่บ้านแห่งหนึ่งในเขต อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี เพื่อตรวจยึดของกลาง และพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด นำส่งพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ.-สำนักข่าวไทย