พระนครศรีอยุธยา 26 เม.ย.-ผู้ใหญ่บ้านที่อยุธยา จับลูกชาย 2 คน เป็นพ่อค้ากะทิในตลาดสด ส่งตำรวจ ฐานไม่สวมหน้ากากอนามัย ส่งศาลพิจารณาปรับเงิน
กรณีผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ต.บางนางร้า อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา จับกุมผู้ต้องหา 2 คน เป็นพ่อค้าขายกะทิ ในตลาดสด อ.บางปะกัน ไม่สวมหน้ากากอนามัย ส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางปะหัน เปรียบเทียบปรับ 500 บาท โดยทั้ง 2 คน เป็นลูกชายของ นางสาววลีรัตน์ ประสงค์เงิน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ต.บางนางร้า ที่เป็นคนจับกุม
สอบสวน ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย รับสารภาพ เจ้าหน้าที่ จึงนำตัวส่งฟ้องต่อศาลแขวงจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในข้อหาขัดคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ประกอบมาตรา 51 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558

ด้านนางสาววลีรัตน์ บอกว่าได้สอบถามลูกชายแล้วบอกว่าเห็นว่าไม่มีลูกค้าเดินในตลาด เป็นจังหวะที่เพิ่งจะรับประทานอาหารด้วย จึงถอดแมสก์ เบื้องต้นได้รายงาน ต่อนายอำเภอนำตัวมาเปรียบปรับ พร้อมย้ำว่าตนเองทำหน้าที่ผู้ใหญ่บ้านช่วยเหลือประชาชน พร้อมบังคับใช้กฎหมาย ตามคำสั่ง
ด้าน พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ชี้แจงกรณีการจับกุม 2 ผู้ต้องหาในตลาดสด อ.บางปะหัน ว่า หลังจับกุม ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน ให้เปรียบเทียบปรับ แต่เนื่องจากพนักงานสอบสวนเข้าใจว่ามีอำนาจตามกฎหมายควบคุมโรค ให้สามารถเปรียบเทียบปรับได้เอง จึงสั่งปรับเป็นเงิน 500 บาท ทั้งที่ความจริงแล้วตามประกาศและกฎหมายควบคุมโรคติดต่อ กำหนดให้ต้องปรับขั้นต่ำ 6,000 บาท สำหรับการกระทำความผิดครั้งแรก และผู้ต้องหายินยอมให้ปรับ และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากกระทำผิดครั้งต่อไปสูงสุดคือไม่เกิน 20,000 บาท ไม่สามารถปรับ 500 บาทได้ จึงสั่งให้เพิกถอนใบสั่งปรับ 500 บาท และปรับใหม่ แต่กรณีนี้ผู้ต้องหาไม่ยินยอมให้พนักงานสอบสวนปรับ จึงทำสำนวนส่งศาลแขวง เพื่อให้ศาลใช้ดุลยพินิจในการสั่งปรับแทน
อย่างไรก็ตาม ตำรวจก็จะใช้ดุลยพินิจ ไม่ใช่ไปจ้องที่จะจับปรับผู้ที่ฝ่าฝืนอย่างเดียว หรือหากได้รับแจ้งจากประชาชนว่ ามีผู้ฝ่าฝืนตำรวจ ก็จะไปตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน หากเห็นความผิดซึ่งหน้า จึงจะดำเนินการตามกฎหมาย หรือออกหมายเรียกมาสอบถามข้อเท็จจริง

ด้าน พล.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า เรื่องนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้กำชับแนวทางการปฏิบัติให้เจ้าหน้าที่ เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะห้ามฉวยโอกาสหรือเรียกรับผลประโยชน์ แต่หากพบหรือมีหลักฐาน ก็มีบทลงโทษทั้งวินัยและอาญาอยู่แล้ว นอกจากนี้ ผบ.ตร. ยังได้สั่งให้แต่ละจังหวัดตั้งทีมกฎหมายขึ้นมา เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ และพนักงานสอบสวน อย่างเป็นขั้นตอน เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดและดำเนินการอย่างโปร่งใส ให้ถูกต้องตามระเบียบคำสั่ง หรือประกาศฯ โดยย้ำว่าบางครั้งต้องใช้หลักรัฐศาสตร์ควบคู่กันไป ดูเจตนาก่อนว่าควรบังคับใช้กฎหมายหรือไม่ เช่น ขับรถส่วนตัวมาคนเดียวปิดกระจกทุกด้าน ซึ่งไม่น่าเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 อาจใช้ดุลยพินิจในการแนะนำตักเตือน.-สำนักข่าวไทย