จนมุม! สองแม่ลูกติดโควิดหนีการรักษาใน จ.สระแก้ว

นครนายก 26 เม.ย. – จนมุมแล้วสองแม่ลูกติดโควิด-19 หนีการรักษาใน จ.สระแก้ว พร้อมลูกเขย ถูกรวบตัวได้ที่ จ.นครนายก ก่อนคุมตัวขึ้นรถกระบะ ส่งตัวทั้ง 3 คนไปยังโรงพยาบาลสนามจังหวัดสระแก้ว


เมื่อวานนี้ (25 เม.ย.) ตำรวจภูธรเมืองนครนายก นำทีมตำรวจ พร้อมเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และผู้นำชุมชนในพื้นที่ ต.สาริกา ค้นหา 2 ผู้ป่วยหญิงติดเชื้อโควิด-19 หลังหลบหนีการรักษาในโรงพยาบาลสนาม อบจ.สระแก้ว โดยได้เบาะแสว่าอยู่ในพื้นที่ ต.สาริกา จึงออกค้นหาตั้งแต่ช่วงเช้า กระทั่งพบรถต้องสงสัยลักษณะคล้ายรถกระบะของผู้ป่วยที่ใช้เป็นพาหนะขับหลบหนี โดยพบอยู่ในบ้านหลังหนึ่งพื้นที่หมู่ 10 ต.สาริกา อ.เมืองนครนายก รถกระบะต้องสงสัยเป็นรถกระบะ ISUZU สีบอร์น ตอนครึ่ง จอดอยู่ภายในรั้วบ้านหลังหนึ่ง กระทั่งรถกระบะคันดังกล่าวขับออกจากบ้านไปยังถนนสายนครนายก-นางรอง เจ้าหน้าที่จึงเรียกรถกระบะคันดังกล่าวให้จอดเพื่อตรวจสอบ พบคนขับและผู้โดยสารเป็นบุคคลเดียวกับที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองสระแก้วเข้าแจ้งความที่ สภ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา

ในรถมีคนขับเป็นชาย 1 คน และหญิง 1 คน ทั้งสองยอมรับว่าเป็นบุคคลที่ทางการตามหาอยู่ เบื้องต้นทราบชื่อคนขับคือ นายพรรณุวัฒน์ อายุ 23 ปี น.ส.กมลวรรณ อายุ 45 ปี และ น.ส.กมลชนก อายุ 26 ปี ตำรวจพบอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว จึงควบคุมตัวมาขึ้นรถกระบะ โดยอ้างว่าไม่รู้ว่าติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้สวมชุด PPE เข้าควบคุมตัว และประสาน จ.สระแล้ว และจะส่งตัวทั้ง 3 คน ไปยังโรงพยาบาลสนามจังหวัดสระแก้ว เพื่อให้ทางการดำเนินการต่อไป


เบื้องต้นทราบว่าผู้ป่วยและเจ้าของบ้านที่รถเข้าไปจอดอยู่นั้นรู้จักกัน แต่ยังไม่ทราบว่ามีความสัมพันธ์ในลักษณะใด จากข้อมูลผู้ป่วยรายแรกจากประวัติหญิงอายุ 45 ปี ส่วนรายที่สองเป็นหญิงอายุ 26 ปี ทั้งคู่ต้องไปรายงานตัวที่โรงพยาบาลสนามตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว ว่าผลการตรวจโควิด-19 เป็นบวก แต่จนถึงปัจจุบันแม้เจ้าหน้าที่จะพยายามติดต่อให้เข้าสู่กระบวนการรักษาตัว แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้เช่นเดียวกับผู้ป่วยรายแรก

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนจึงดำเนินคดีข้อหาจงใจฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 และคำสั่งจังหวัดสระแก้ว เรื่องมาตรการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ฉบับที่ 32

จากนั้นเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยร่วมกตัญญูบ้านนา พร้อมทีมงาน นำรถบรรทุกน้ำยาฆ่าเชื้อมาพ่นยาฆ่าเชื้อบ้านที่ผู้ป่วยเข้าไปพักอาศัย รวมถึงบ้านข้างเคียงอีก 5 หลัง เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ จากนั้นได้ตรวจสอบและสอบถามว่าผู้ติดเชื้อไปยังสถานที่ใดบ้าง ก่อนจะเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย