รู้ตัวแล้ว! คนจุดบั้งไฟตกใส่ศีรษะเด็กแล้ว

นครราชสีมา 30 มี.ค.- รู้ตัวเเล้ว! คนจุดบั้งไฟในงานศพตกใส่เด็กวัย 9 ขวบ อาการสาหัส ด้านพ่อเเม่เผยยังรับเหตุการณ์นี้ไม่ได้ หลังหมอบอกให้ทำใจ


กรณีเกิดเหตุการณ์มีคนจุดพลุบั้งไฟในงานศพ เศษบั้งไฟปลิวหล่นกระแทกศีรษะเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งอายุ 9 ขวบ จนศีรษะแตก นอนสลบไม่รู้สึกตัว อาการสาหัส ขณะกำลังเลิกเรียนเมื่อบ่ายวานนี้ เหตุเกิดที่โรงเรียนอาจวิทยาคาร ต.ตะคุ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ขณะนี้นักเรียนคนดังกล่าวยังรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา

ล่าสุดเช้าวันนี้ ที่โรงเรียนอาจวิทยาคาร ครูศิวาพร ลำเภาพันธ์ ครูในโรงเรียนที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 15.30 น เป็นช่วงที่นักเรียนตั้งแถวกำลังกลับบ้าน พบว่าได้ยินเสียงดังปัง มีควัน ซึ่งเกิดจากพลุบั้งไฟตะไล ที่จุดในงานศพได้ตกใส่ที่ศีรษะ ทำให้น้องเลือดออก และสลบคาที่ ส่วนเพื่อนที่เดินข้างกันเสื้อขาดแต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ จึงได้แจ้งกู้ภัยให้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเสียเลือดมากและรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต่อมาทางคณะครูและผู้ปกครองก็ได้ไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับคนที่จุด และขอให้เป็นเคสสุดท้าย ซึ่งตามหลักความเป็นจริงเมรุเผาศพอยู่ใกล้กับชุมชน ก็ไม่ควรที่จะจุดเพราะอาจจะเกิดไฟไหม้บ้านได้


พ.ต.อ.ชนัตถ์ กวีขาวฉลาด ผู้กำกับการสภ.ปักธงชัย เผยว่าจากการสอบสวนทราบว่า นายนนทกร พร้อมด้วยนายจำลอง คนจุดพลุ 2 คนซึ่งเป็นญาติในงานศพยายได้จุดพลุบั้งไฟตะไล 4 อัน เพื่อเป็นการแสดงความไว้อาลัยให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งวัดอยู่ห่างจากโรงเรียนระยะทาง 500 เมตร แต่ไม่คิดว่าพลุบั้งไฟตะไลจะตกใส่ศีรษะนักเรียนจนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว อย่างไรก็ตามผู้ปกครองพร้อมด้วยครูได้เข้ามาแจ้งความไว้แล้วที่ สภ.ปักธงชัย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหากระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ส่วนอาการนักเรียน 9 ปี นอนอยู่ห้องไอซียู รพ.มหาราชนครราชสีมา เมื่อคืนที่ผ่านมาแพทย์ผ่าตัดสมองใช้เวลา 2 ชั่วโมง ล่าสุดน้องยังไม่รู้สึกตัว ใช้เครื่องช่วยหายใจและอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

ที่บ้านเลขที่ 149 บ้านตะคุ ซึ่งเป็นบ้านของเด็กนักเรียน 9 ขวบที่ได้รับบาดเจ็บจากพลุจุดงานศพตกใส่ศีรษะอาการโคม่า มีชาวบ้านเดินทางมาสอบถามอาการบาดเจ็บของน้องเป็นจำนวนมาก นางพัชรี ช่วงจะโป๊ะ อายุ 34 ปี ผู้เป็นแม่ และนายนิรุตติ สวัสดี อายุ 41 ปี ผู้เป็นพ่อ รวมไปถึงญาติพี่น้องได้กันจับกลุ่มพูดคุยและเป็นห่วงอาการของน้องโบว์ เนื่องจากยังโคม่าอยู่ และเพิ่งผ่าตัดสมอง เอาเศษพลุบั้งไฟตะไลออกจากศีรษะพร้อมทั้งเดินทางไปจุดธูปขอพรพระธาตุอายุหลายร้อยปี สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ให้คุ้มครองปกปักษ์รักษา ให้ลูกสาวฟื้นตัวหายจากอาการบาดเจ็บหนัก

นางพัชรี ล่าทั้งน้ำตาว่าน้องเป็นลูกสาวคนเดียว หลังจากเกิดอุบัติเหตุถูกพลุบั้งไฟตะไลในงานศพ ตกใส่ศีรษะจนอาการสาหัสโคม่า ตนเองยังรับกับเหตุการณ์นี้ไม่ได้ ด้านทางคนที่จุดพลุบั้งไฟตะไลทั้ง 2 คน รวมถึงญาติก็ได้มาขอขมากับเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะมันเป็นอุบัติเหตุไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดเรื่องเลวร้ายแบบนี้ โดยอาการน้องหลังจากผ่าได้ 2 ชั่วโมง ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ พักรักษาตัว อาการยังน่าเป็นห่วง ซึ่งตนได้พูดคุยกับคนจุพลุบั้งไฟตะไลแล้ว ยอมรับผิดและจะรับผิดชอบทุกอย่าง และฝากถึงผู้ที่จะจุดพลุบั้งไฟตะไลในงานศพขอให้ยกเลิก เพราะไม่อยากเห็นข่าวแบบนี้อีก


นายนิรุต สวัสดี พ่อของน้องเผยว่า พูดไม่ออกบอกไม่ถูกที่ลูกสาวต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ ขณะนี้อาการของน้องยังโคม่า ไม่รู้สึกตัว แพทย์ได้เอกซเรย์ศีรษะพบว่า ถูกเศษไม้ของพลุตะไลทิ่มเข้าไปในกะโหลกศีรษะความลึกประมาณ 10 เซนติเมตร เป็นแผลฉกรรจ์ และแพทย์ได้บอกให้ครอบครัวเริ่มทำใจ เพราะน้องอาการหนักมาก ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนไม่อยากโทษว่าเป็นความผิดของใคร คงปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย

ส่วนบริเวณเมรุเผาศพวัดหน้าพระธาตุพบว่า จุดที่ตั้งเมรุเผาศพห่างจากรั้วโรงเรียนที่เกิดเหตุประมาณ 50 เมตร ด้านหลังเมรุพบร่องรอยการจุดพลุงานศพทิ้งไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการสอบถามชาวบ้านทราบว่า ปัจจุบันชาวบ้านมักจุดพลุในงานศพโดยใช้พลุแบบใหม่ที่มีเสียงดัง และแตกกระจายในท้องฟ้า ซึ่งพลุแบบนี้จะไม่ค่อยมีเศษพลุตกลงมาด้านล่าง ขณะที่วันเกิดเหตุคนจุดพลุได้ใช้พลุตะไลทำจากไม้เหมือนบั้งไฟ จึงทำให้มีเศษของไม้หล่นลงมาใส่หัวเด็กดังกล่าวง

นายจำลอง หนึ่งในผู้จุดพลุบั้งไฟตะไลเล่าว่า เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 64 ได้มีการจัดงานศพให้กับคุณยายวัย 90 ปี ที่เสียชีวิตด้วยโรคชรา ที่วัดหน้าพระธาตุ อ.ปักธงชัย ซึ่งเมรุกับวัดอยู่กันคนละที่ โดยมีพื้นที่โรงเรียนอยู่ตรงกลาง เจ้าภาพได้ซื้อพลุบั้งไฟตะไล มาจำนวน 6 อัน เพื่อจุดแสดงความไว้อาลัยให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้วตามความเชื่อมาแต่โบราณ แต่จุดติดเพียงแค่ 4 อัน ไม่คิดว่าพลุไฟจะไปตกใส่ศีรษะเด็กจนอาการสาหัส เป็นอุบัติเหตุสุดวิสัย ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเหตุการณ์นี้ขอยอมรับผิด หลังเกิดเหตุได้มาขอโทษกับทางครอบครัว และไปรับทราบข้อกล่าวหากับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว และพร้อมแสดงรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้น และตกใจกับเหตุการณ์นี้ และสัญญาชีวิตนี้จะไม่จุดพลุบั้งไฟตะไลอีกต่อไป.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก