รู้ตัวแล้ว! คนจุดบั้งไฟตกใส่ศีรษะเด็กแล้ว

นครราชสีมา 30 มี.ค.- รู้ตัวเเล้ว! คนจุดบั้งไฟในงานศพตกใส่เด็กวัย 9 ขวบ อาการสาหัส ด้านพ่อเเม่เผยยังรับเหตุการณ์นี้ไม่ได้ หลังหมอบอกให้ทำใจ


กรณีเกิดเหตุการณ์มีคนจุดพลุบั้งไฟในงานศพ เศษบั้งไฟปลิวหล่นกระแทกศีรษะเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งอายุ 9 ขวบ จนศีรษะแตก นอนสลบไม่รู้สึกตัว อาการสาหัส ขณะกำลังเลิกเรียนเมื่อบ่ายวานนี้ เหตุเกิดที่โรงเรียนอาจวิทยาคาร ต.ตะคุ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ขณะนี้นักเรียนคนดังกล่าวยังรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา

ล่าสุดเช้าวันนี้ ที่โรงเรียนอาจวิทยาคาร ครูศิวาพร ลำเภาพันธ์ ครูในโรงเรียนที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 15.30 น เป็นช่วงที่นักเรียนตั้งแถวกำลังกลับบ้าน พบว่าได้ยินเสียงดังปัง มีควัน ซึ่งเกิดจากพลุบั้งไฟตะไล ที่จุดในงานศพได้ตกใส่ที่ศีรษะ ทำให้น้องเลือดออก และสลบคาที่ ส่วนเพื่อนที่เดินข้างกันเสื้อขาดแต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ จึงได้แจ้งกู้ภัยให้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเสียเลือดมากและรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต่อมาทางคณะครูและผู้ปกครองก็ได้ไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับคนที่จุด และขอให้เป็นเคสสุดท้าย ซึ่งตามหลักความเป็นจริงเมรุเผาศพอยู่ใกล้กับชุมชน ก็ไม่ควรที่จะจุดเพราะอาจจะเกิดไฟไหม้บ้านได้


พ.ต.อ.ชนัตถ์ กวีขาวฉลาด ผู้กำกับการสภ.ปักธงชัย เผยว่าจากการสอบสวนทราบว่า นายนนทกร พร้อมด้วยนายจำลอง คนจุดพลุ 2 คนซึ่งเป็นญาติในงานศพยายได้จุดพลุบั้งไฟตะไล 4 อัน เพื่อเป็นการแสดงความไว้อาลัยให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งวัดอยู่ห่างจากโรงเรียนระยะทาง 500 เมตร แต่ไม่คิดว่าพลุบั้งไฟตะไลจะตกใส่ศีรษะนักเรียนจนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว อย่างไรก็ตามผู้ปกครองพร้อมด้วยครูได้เข้ามาแจ้งความไว้แล้วที่ สภ.ปักธงชัย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหากระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ส่วนอาการนักเรียน 9 ปี นอนอยู่ห้องไอซียู รพ.มหาราชนครราชสีมา เมื่อคืนที่ผ่านมาแพทย์ผ่าตัดสมองใช้เวลา 2 ชั่วโมง ล่าสุดน้องยังไม่รู้สึกตัว ใช้เครื่องช่วยหายใจและอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

ที่บ้านเลขที่ 149 บ้านตะคุ ซึ่งเป็นบ้านของเด็กนักเรียน 9 ขวบที่ได้รับบาดเจ็บจากพลุจุดงานศพตกใส่ศีรษะอาการโคม่า มีชาวบ้านเดินทางมาสอบถามอาการบาดเจ็บของน้องเป็นจำนวนมาก นางพัชรี ช่วงจะโป๊ะ อายุ 34 ปี ผู้เป็นแม่ และนายนิรุตติ สวัสดี อายุ 41 ปี ผู้เป็นพ่อ รวมไปถึงญาติพี่น้องได้กันจับกลุ่มพูดคุยและเป็นห่วงอาการของน้องโบว์ เนื่องจากยังโคม่าอยู่ และเพิ่งผ่าตัดสมอง เอาเศษพลุบั้งไฟตะไลออกจากศีรษะพร้อมทั้งเดินทางไปจุดธูปขอพรพระธาตุอายุหลายร้อยปี สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ให้คุ้มครองปกปักษ์รักษา ให้ลูกสาวฟื้นตัวหายจากอาการบาดเจ็บหนัก

นางพัชรี ล่าทั้งน้ำตาว่าน้องเป็นลูกสาวคนเดียว หลังจากเกิดอุบัติเหตุถูกพลุบั้งไฟตะไลในงานศพ ตกใส่ศีรษะจนอาการสาหัสโคม่า ตนเองยังรับกับเหตุการณ์นี้ไม่ได้ ด้านทางคนที่จุดพลุบั้งไฟตะไลทั้ง 2 คน รวมถึงญาติก็ได้มาขอขมากับเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะมันเป็นอุบัติเหตุไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดเรื่องเลวร้ายแบบนี้ โดยอาการน้องหลังจากผ่าได้ 2 ชั่วโมง ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ พักรักษาตัว อาการยังน่าเป็นห่วง ซึ่งตนได้พูดคุยกับคนจุพลุบั้งไฟตะไลแล้ว ยอมรับผิดและจะรับผิดชอบทุกอย่าง และฝากถึงผู้ที่จะจุดพลุบั้งไฟตะไลในงานศพขอให้ยกเลิก เพราะไม่อยากเห็นข่าวแบบนี้อีก


นายนิรุต สวัสดี พ่อของน้องเผยว่า พูดไม่ออกบอกไม่ถูกที่ลูกสาวต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ ขณะนี้อาการของน้องยังโคม่า ไม่รู้สึกตัว แพทย์ได้เอกซเรย์ศีรษะพบว่า ถูกเศษไม้ของพลุตะไลทิ่มเข้าไปในกะโหลกศีรษะความลึกประมาณ 10 เซนติเมตร เป็นแผลฉกรรจ์ และแพทย์ได้บอกให้ครอบครัวเริ่มทำใจ เพราะน้องอาการหนักมาก ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนไม่อยากโทษว่าเป็นความผิดของใคร คงปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย

ส่วนบริเวณเมรุเผาศพวัดหน้าพระธาตุพบว่า จุดที่ตั้งเมรุเผาศพห่างจากรั้วโรงเรียนที่เกิดเหตุประมาณ 50 เมตร ด้านหลังเมรุพบร่องรอยการจุดพลุงานศพทิ้งไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการสอบถามชาวบ้านทราบว่า ปัจจุบันชาวบ้านมักจุดพลุในงานศพโดยใช้พลุแบบใหม่ที่มีเสียงดัง และแตกกระจายในท้องฟ้า ซึ่งพลุแบบนี้จะไม่ค่อยมีเศษพลุตกลงมาด้านล่าง ขณะที่วันเกิดเหตุคนจุดพลุได้ใช้พลุตะไลทำจากไม้เหมือนบั้งไฟ จึงทำให้มีเศษของไม้หล่นลงมาใส่หัวเด็กดังกล่าวง

นายจำลอง หนึ่งในผู้จุดพลุบั้งไฟตะไลเล่าว่า เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 64 ได้มีการจัดงานศพให้กับคุณยายวัย 90 ปี ที่เสียชีวิตด้วยโรคชรา ที่วัดหน้าพระธาตุ อ.ปักธงชัย ซึ่งเมรุกับวัดอยู่กันคนละที่ โดยมีพื้นที่โรงเรียนอยู่ตรงกลาง เจ้าภาพได้ซื้อพลุบั้งไฟตะไล มาจำนวน 6 อัน เพื่อจุดแสดงความไว้อาลัยให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้วตามความเชื่อมาแต่โบราณ แต่จุดติดเพียงแค่ 4 อัน ไม่คิดว่าพลุไฟจะไปตกใส่ศีรษะเด็กจนอาการสาหัส เป็นอุบัติเหตุสุดวิสัย ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเหตุการณ์นี้ขอยอมรับผิด หลังเกิดเหตุได้มาขอโทษกับทางครอบครัว และไปรับทราบข้อกล่าวหากับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว และพร้อมแสดงรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้น และตกใจกับเหตุการณ์นี้ และสัญญาชีวิตนี้จะไม่จุดพลุบั้งไฟตะไลอีกต่อไป.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธไฮเทคสำหรับยิงโดรน

นครราชสีมา 2 ส.ค.-กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้ทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เรียบร้อยแล้ว ด้านชาวอุดรธานี แห่บริจาคหนังสติ๊กพร้อมลูกแก้ว ตามที่ทหารขอมาจำนวนมาก หลังทหารกัมพูชายังก่อกวน ยั่วยุ ทั้งขว้างก้อนหินใส่ และมีโดรนปริศนามาบินอีก จากกรณีที่ช่วงนี้ มีการตรวจพบโดรนไม่ทราบฝ่าย เข้ามาบินตรวจการณ์ในพื้นที่ที่ตั้งทางทหาร ทำให้หลายฝ่ายมีความกังวล และสงสัยว่าอาจเป็นภัยคุกคามร้ายแรงจากประเทศเพื่อบ้าน ที่กำลังมีปัญหาระหว่างประเทศกับประเทศไทย ทำให้เมื่อวานเพจกองทัพภาคที่ 2 ได้แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้มีการทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อวานนี้ (1 ส.ค.68) เฟซบุ๊กเพจ กองทัพภาคที่2 ได้แชร์ข้อมูลเพจ SMART Soldiers Strong ARMY พร้อมระบุข้อความว่า “หากศัตรูซ่อนตัวในเงามืด เราจะเป็นแสงที่มองเห็นมันก่อนใคร”เลเซอร์พร้อมยิง — ทหารไทยพร้อมรบโดยอาวุธชนิดนี้ คือ Directed Energy Weapon หรือ (DEW) เป็นอาวุธยุคใหม่ที่กองทัพอากาศไทยพัฒนาขีดความสามารถอย่างต่อเนื่อง […]

โฆษก ทบ. ซัดเขมรบิดเบือน กล่าวหาไทยทำร้าย 2 ทหารเขมร

2 ส.ค. – โฆษกกองทัพบก ซัด เขมรบิดเบือน กล่าวหาไทยทำร้าย 2 ทหารเขมรจนพิการและมีปัญหาทางจิต ยันมีหลักฐานชัดทำทุกอย่างภายใต้กติกาสากล จากกรณี สื่อกัมพูชาปั่นข่าวหนักโจมตีกล่าวหาไทย อ้างว่าปฏิบัติโหดกับ 2 ทหารกัมพูชาที่ถูกส่งกลับ จนพิการและมีปัญหาทางจิต พร้อมจะยื่นเรื่องถึงยูเอ็นนั้น ล่าสุดเมื่อเวลา 11.08 น. วันที่ 2 ส.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กรณีที่ทหารไทยจับกุม และควบคุมตัว ทหารกัมพูชา ภายหลังจากข้อตกลงหยุดยิง โดยกล่าวหาว่าไทยทำร้ายร่างกายอย่างไม่เป็นธรรมทำก่อนส่งกลับนั้น เป็นเพียงคำกล่าวหา บิดเบือนจากฝ่ายกัมพูชา และการหยุดยิงแบบฉับพลัน แต่สถานการณ์ความขัดแย้งที่มีการใช้อาวุธต่อกัน ยังไม่สิ้นสุดลงอย่างแท้จริงตามกฎหมายสากล กระบวนการฝ่ายทหารในการควบคุมตัวไว้ก่อน จึงยังสามารถทำได้ตามอนุสัญญาเจนีวา พล.ต.วินธัย กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ในส่วนของกองทัพบก มีแผนและพร้อมที่จะเชิญองค์กรระหว่างประเทศ เช่น ICRC มาดูความเป็นอยู่ของเชลยศึกที่ถูกควบคุมตัว ซึ่งอยู่ในกรอบการดำเนินการตามขั้นตอนของอนุสัญญาเจนีวาอย่างสมบูรณ์ และชัดเจน หากกังวลเรื่องความเป็นอยู่ เพราะรู้เท่าทันว่าฝ่ายกัมพูชาจะนำเรื่องนี้ไปบิดเบือนทำลายความน่าเชื่อถือฝ่ายทหารไทย ทางผู้แทน UNHCR และ ICRC จึงสามารถขอเข้ามาดูได้ […]

ชาวบ้านร่วมวางดอกไม้ไว้อาลัยเหตุกัมพูชายิงจรวดใส่ร้านสะดวกซื้อ

ศรีสะเกษ 2 ส.ค.-เช้านี้บรรยากาศที่ปั๊มน้ำมันบ้านผือ อ.กันทรลักษ์ เต็มไปด้วยความสลด ชาวบ้านร่วมกิจกรรมวางดอกไม้แสดงความไว้อาลัยผู้เสียชีวิต จากเหตุถูกกัมพูชายิงจรวดใส่ และจับกลุ่มพูดคุยกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชาวบ้านจากหมู่บ้านต่างๆในอำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ทยอยเดินทางมาที่ปั๊ม ที่ถูกกัมพูชาโจมตีโดยการยิงจรวด BM-21 ใส่ เมื่อวันที่24 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยจรวจตกใส่บริเวณร้านสะดวกซื้อ ส่งผลให้มีประชาชนเสียชีวิต 8 ราย และบาดเจ็บอีก 15 คน ในจำนวนผู้เสียชีวิตมีแม่และลูกวัย 8 ขวบ ชาวบ้านร่วมกันเขียนข้อความแสดงความไว้อาลัย ก่อนร่วมกันนำข้อความพร้อมดอกไม้ชูขึ้น เพื่อเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ว่าการที่ทหารกัมพูชาโจมตีพื้นที่พลเรือนถือเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม จากนั้นได้รวมกันนำดอกไม้ไปวางเพื่อแสดงความไว้อาลัยบริเวณด้านหน้าร้านสะดวกซื้อที่ถูกกัมพูชายิงจรวดใส่ นอกจากชาวบ้านแล้วยังมีเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร ที่มาร่วม วางดอกไม้ แสดงความไว้อาลัย ตัวแทนชาวบ้านบอกว่า การร่วมวางดอกไม้ในครั้งนี้เพื่อต้องการให้ผู้เสียชีวิตไปสู่ภพภูมิที่ดี พร้อมขอประณามกัมพูชา ที่เลือกยิงเป้าหมายเป็นประชาชน ทั้งที่ตำบลเมืองถือเป็นพื้นที่สีเขียว แต่ยังมีกระสุนตกใส่ และการที่เป็นพื้นที่สีเขียว จึงไม่ได้มีการอพยพประชาชน หากตกใส่หมู่บ้าน เชื่อว่าจะมีความสูญเสียเกิดขึ้นมากกว่านี้.-สำนักข่าวไทย

กองทัพบก ยกระดับมาตรการรับมือภัยคุกคามจากโดรน

กทม. 2 ส.ค.-กองทัพบกบูรณาการทุกภาคส่วน ยกระดับมาตรการรับมือภัยคุกคามจากโดรน หลังพบมีความพยายามบินตรวจการณ์ที่ตั้งทางทหาร ตามที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ได้ออกประกาศ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ.2568 เรื่องห้ามมิให้ผู้ใดบังคับหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน หรือ “โดรน” ที่ควบคุมการบินจากภายนอก, ทุกวัตถุประสงค์การใช้งาน, และทุกพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศจากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาในปัจจุบัน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารหรือหน่วยงานด้านความมั่นคงที่ได้รับมอบหมาย มีอำนาจในการใช้ระบบต่อต้านโดรน (Anti-Drone System) รวมถึงสามารถดำเนินการทำลายโดรนจากภาคพื้นดินได้ทันที ในการนี้ พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก/รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้สั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ถึง 4 และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 1 ถึง 4 ดำเนินมาตรการตามแนวทางดังต่อไปนี้ •ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด โดยมีรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด (ฝ่ายทหาร) เป็นผู้รับผิดชอบในการหารือและประสานการปฏิบัติกับส่วนราชการ หน่วยงาน และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยให้ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาคเป็นผู้ทำหน้าที่ควบคุมและวางแผนภาพรวมในการป้องกันและต่อต้านการใช้โดรนไม่ทราบฝ่าย •ให้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ได้แก่ จังหวัด ตำรวจภูธรจังหวัด หน่วยงานความมั่นคง ภาคเอกชน และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งจัดตั้งชุดเคลื่อนที่เร็ว ประกอบด้วยกำลังจากฝ่ายพลเรือน ตลอดจนตำรวจจากสถานีตำรวจภูธร […]