รู้ตัวแล้ว! คนจุดบั้งไฟตกใส่ศีรษะเด็กแล้ว

นครราชสีมา 30 มี.ค.- รู้ตัวเเล้ว! คนจุดบั้งไฟในงานศพตกใส่เด็กวัย 9 ขวบ อาการสาหัส ด้านพ่อเเม่เผยยังรับเหตุการณ์นี้ไม่ได้ หลังหมอบอกให้ทำใจ


กรณีเกิดเหตุการณ์มีคนจุดพลุบั้งไฟในงานศพ เศษบั้งไฟปลิวหล่นกระแทกศีรษะเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งอายุ 9 ขวบ จนศีรษะแตก นอนสลบไม่รู้สึกตัว อาการสาหัส ขณะกำลังเลิกเรียนเมื่อบ่ายวานนี้ เหตุเกิดที่โรงเรียนอาจวิทยาคาร ต.ตะคุ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ขณะนี้นักเรียนคนดังกล่าวยังรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา

ล่าสุดเช้าวันนี้ ที่โรงเรียนอาจวิทยาคาร ครูศิวาพร ลำเภาพันธ์ ครูในโรงเรียนที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 15.30 น เป็นช่วงที่นักเรียนตั้งแถวกำลังกลับบ้าน พบว่าได้ยินเสียงดังปัง มีควัน ซึ่งเกิดจากพลุบั้งไฟตะไล ที่จุดในงานศพได้ตกใส่ที่ศีรษะ ทำให้น้องเลือดออก และสลบคาที่ ส่วนเพื่อนที่เดินข้างกันเสื้อขาดแต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ จึงได้แจ้งกู้ภัยให้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเสียเลือดมากและรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต่อมาทางคณะครูและผู้ปกครองก็ได้ไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับคนที่จุด และขอให้เป็นเคสสุดท้าย ซึ่งตามหลักความเป็นจริงเมรุเผาศพอยู่ใกล้กับชุมชน ก็ไม่ควรที่จะจุดเพราะอาจจะเกิดไฟไหม้บ้านได้


พ.ต.อ.ชนัตถ์ กวีขาวฉลาด ผู้กำกับการสภ.ปักธงชัย เผยว่าจากการสอบสวนทราบว่า นายนนทกร พร้อมด้วยนายจำลอง คนจุดพลุ 2 คนซึ่งเป็นญาติในงานศพยายได้จุดพลุบั้งไฟตะไล 4 อัน เพื่อเป็นการแสดงความไว้อาลัยให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งวัดอยู่ห่างจากโรงเรียนระยะทาง 500 เมตร แต่ไม่คิดว่าพลุบั้งไฟตะไลจะตกใส่ศีรษะนักเรียนจนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว อย่างไรก็ตามผู้ปกครองพร้อมด้วยครูได้เข้ามาแจ้งความไว้แล้วที่ สภ.ปักธงชัย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหากระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ส่วนอาการนักเรียน 9 ปี นอนอยู่ห้องไอซียู รพ.มหาราชนครราชสีมา เมื่อคืนที่ผ่านมาแพทย์ผ่าตัดสมองใช้เวลา 2 ชั่วโมง ล่าสุดน้องยังไม่รู้สึกตัว ใช้เครื่องช่วยหายใจและอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

ที่บ้านเลขที่ 149 บ้านตะคุ ซึ่งเป็นบ้านของเด็กนักเรียน 9 ขวบที่ได้รับบาดเจ็บจากพลุจุดงานศพตกใส่ศีรษะอาการโคม่า มีชาวบ้านเดินทางมาสอบถามอาการบาดเจ็บของน้องเป็นจำนวนมาก นางพัชรี ช่วงจะโป๊ะ อายุ 34 ปี ผู้เป็นแม่ และนายนิรุตติ สวัสดี อายุ 41 ปี ผู้เป็นพ่อ รวมไปถึงญาติพี่น้องได้กันจับกลุ่มพูดคุยและเป็นห่วงอาการของน้องโบว์ เนื่องจากยังโคม่าอยู่ และเพิ่งผ่าตัดสมอง เอาเศษพลุบั้งไฟตะไลออกจากศีรษะพร้อมทั้งเดินทางไปจุดธูปขอพรพระธาตุอายุหลายร้อยปี สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ให้คุ้มครองปกปักษ์รักษา ให้ลูกสาวฟื้นตัวหายจากอาการบาดเจ็บหนัก

นางพัชรี ล่าทั้งน้ำตาว่าน้องเป็นลูกสาวคนเดียว หลังจากเกิดอุบัติเหตุถูกพลุบั้งไฟตะไลในงานศพ ตกใส่ศีรษะจนอาการสาหัสโคม่า ตนเองยังรับกับเหตุการณ์นี้ไม่ได้ ด้านทางคนที่จุดพลุบั้งไฟตะไลทั้ง 2 คน รวมถึงญาติก็ได้มาขอขมากับเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะมันเป็นอุบัติเหตุไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดเรื่องเลวร้ายแบบนี้ โดยอาการน้องหลังจากผ่าได้ 2 ชั่วโมง ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ พักรักษาตัว อาการยังน่าเป็นห่วง ซึ่งตนได้พูดคุยกับคนจุพลุบั้งไฟตะไลแล้ว ยอมรับผิดและจะรับผิดชอบทุกอย่าง และฝากถึงผู้ที่จะจุดพลุบั้งไฟตะไลในงานศพขอให้ยกเลิก เพราะไม่อยากเห็นข่าวแบบนี้อีก


นายนิรุต สวัสดี พ่อของน้องเผยว่า พูดไม่ออกบอกไม่ถูกที่ลูกสาวต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ ขณะนี้อาการของน้องยังโคม่า ไม่รู้สึกตัว แพทย์ได้เอกซเรย์ศีรษะพบว่า ถูกเศษไม้ของพลุตะไลทิ่มเข้าไปในกะโหลกศีรษะความลึกประมาณ 10 เซนติเมตร เป็นแผลฉกรรจ์ และแพทย์ได้บอกให้ครอบครัวเริ่มทำใจ เพราะน้องอาการหนักมาก ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนไม่อยากโทษว่าเป็นความผิดของใคร คงปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย

ส่วนบริเวณเมรุเผาศพวัดหน้าพระธาตุพบว่า จุดที่ตั้งเมรุเผาศพห่างจากรั้วโรงเรียนที่เกิดเหตุประมาณ 50 เมตร ด้านหลังเมรุพบร่องรอยการจุดพลุงานศพทิ้งไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการสอบถามชาวบ้านทราบว่า ปัจจุบันชาวบ้านมักจุดพลุในงานศพโดยใช้พลุแบบใหม่ที่มีเสียงดัง และแตกกระจายในท้องฟ้า ซึ่งพลุแบบนี้จะไม่ค่อยมีเศษพลุตกลงมาด้านล่าง ขณะที่วันเกิดเหตุคนจุดพลุได้ใช้พลุตะไลทำจากไม้เหมือนบั้งไฟ จึงทำให้มีเศษของไม้หล่นลงมาใส่หัวเด็กดังกล่าวง

นายจำลอง หนึ่งในผู้จุดพลุบั้งไฟตะไลเล่าว่า เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 64 ได้มีการจัดงานศพให้กับคุณยายวัย 90 ปี ที่เสียชีวิตด้วยโรคชรา ที่วัดหน้าพระธาตุ อ.ปักธงชัย ซึ่งเมรุกับวัดอยู่กันคนละที่ โดยมีพื้นที่โรงเรียนอยู่ตรงกลาง เจ้าภาพได้ซื้อพลุบั้งไฟตะไล มาจำนวน 6 อัน เพื่อจุดแสดงความไว้อาลัยให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้วตามความเชื่อมาแต่โบราณ แต่จุดติดเพียงแค่ 4 อัน ไม่คิดว่าพลุไฟจะไปตกใส่ศีรษะเด็กจนอาการสาหัส เป็นอุบัติเหตุสุดวิสัย ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเหตุการณ์นี้ขอยอมรับผิด หลังเกิดเหตุได้มาขอโทษกับทางครอบครัว และไปรับทราบข้อกล่าวหากับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว และพร้อมแสดงรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้น และตกใจกับเหตุการณ์นี้ และสัญญาชีวิตนี้จะไม่จุดพลุบั้งไฟตะไลอีกต่อไป.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

กทม. 13 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะภาคเหนือ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 6 เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทยและคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันตอนบน (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 12-13 กรกฎาคม 2568) ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2568 ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งโดยเฉพาะภาคเหนือบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคเหนือตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก มีดังนี้ ในวันที่ 13 กรกฎาคม […]

ผบ.กองกำลังนเรศวร ลงพื้นที่ หลังเมียนมาปะทะรุนแรง

ตาก 12 ก.ค. – ผบ.กองกำลังนเรศวร ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ด่วน พร้อมเฝ้าระวังชายแดนอำเภอพบพระอย่างใกล้ชิด หลังเหตุปะทะในเมียนมาทวีความรุนแรง มีรายงานการโจมตีค่ายทหารเมียนมาด้วยโดรน กองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นแอลเอ กลุ่มต่อต้านรัฐบาลเมียนมา ใช้โดรนทิ้งระเบิดโจมตีใส่ฐาน “ทีตาแหล่” ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามบ้านวาเล่ย์เหนือ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก หลายครั้ง ขณะที่ทหารเมียนมาก็ยิงปืนเล็กยาวตอบโต้ โดยยังไม่ทราบความเสียหายที่เกิดขึ้น และยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อฝั่งประเทศไทย พลตรีไมตรี ชูปรีชา ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร พร้อมคณะนายทหารระดับสูง และฝ่ายปกครองอำเภอพบพระ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์บริเวณบ้านวาเล่ย์ และบ้านมอเกอร์ไทย อำเภอพบพระ อย่างใกล้ชิด เพื่อประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงในการเตรียมแผนเผชิญเหตุจากผลกระทบของการสู้รบใกล้แนวชายแดนในด้านมนุษยธรรม โดยขณะนี้มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาจำนวน 457 คน อาศัยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 2 แห่ง ในอำเภอพบพระ และได้รับการดูแลตามหลักมนุษยธรรมภายใต้ความร่วมมือของศูนย์สั่งการชายแดนประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จังหวัดตาก และแนวทางของสภาความมั่นคงแห่งชาติ พลตรี ไมตรี เน้นย้ำให้หน่วยเฉพาะกิจราชมนู ร่วมกับฝ่ายปกครอง เพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยของกองกำลังติดอาวุธต่างชาติ และดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งกองกำลังนเรศวรยืนยันว่าประเทศไทยไม่ใช่คู่ขัดแย้ง และไม่สนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในการใช้พื้นที่ประเทศไทยเพื่อประโยชน์ของตนเอง .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

“บิ๊กเต่า” ให้โอกาสคณะสงฆ์ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง

กทม. 12 ก.ค.-“บิ๊กเต่า” ให้โอกาสคณะสงฆ์ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเอี่ยวสีกากอล์ฟ เชื่อพระเป็นเหยื่อ หากไม่เสร็จพร้อมดำเนินการ เผยอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เข้าให้ข้อมูล เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง วันนี้ (12 ก.ค.) หลังจากอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เข้าให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ เมื่อเวลา 12.30 น. แต่งกายด้วยชุดโปโลสีเทา กางเกงวอร์มขายาว ผู้สื่อข่าว พยายามสอบถามว่าเข้ามาให้ปากคำกรณีที่ปรากฏอยู่ในคลิปหรือไม่ ทางอดีตผู้ช่วยเจ้าวาสไม่ตอบ เมื่อถามเพิ่มเติมว่า คลิปที่ปรากฏอยู่ตอนนนี้ ใช่ตัวเองจริงหรือไม่ อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร ปิดปากเงียบ ไม่มีการให้ข้อมูลอะไรกับสื่อมวลชน ก่อนที่จะเดินขึ้นไปให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้ากองปราบด้านบน จากนั้นในเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เดินทางมาที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยเดินทางขึ้นตึกด้านหลัง ใช้ลิฟต์ลานจอดรถ หลังเดินทางกลับจากวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร โดยหลบผู้สื่อข่าวที่มารออยู่ด้านหน้า และได้สอบปากคำอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ในเวลา 16.20 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ให้สัมภาษณ์ว่าการหารือกับพระผู้ใหญ่ในวันนี้ ก็ถือเป็นการทำงานร่วมกันกับ ปปท. ซึ่งมีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ […]