เชียงใหม่ 10 มี.ค.- จับตาคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือ วันนี้แม้ค่าฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่เชียงใหม่ดูจะลดลง แต่หากไปตรวจสอบในเว็บไซต์ Airvisual ยังพบติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลกที่คุณภาพอากาศแย่
นี่เป็นสภาพท้องฟ้าในตัวเมืองเชียงใหม่ ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควัน จากการลักลอบเผาและกำจัดเชื้อเพลิง โดยพื้นที่เชียงใหม่ และพื้นรอยต่อที่เป็นแอ่งกะทะในตัวเมืองเชียงใหม่ ประชาชนแม้จะสวมหน้ากากอนามัย แต่ยังคงได้รับผลกระทบแสบจมูก และแสบตา ซึ่งสำนักข่าวไทยตรวจสอบข้อมูลจากเว็บไซต์กองจัดการคุณภาพอากาศ กรมควบคุมมลพิเษ พบว่า พื้นที่ตำบลช้างเผือก และตำบลศรีภูมิ ค่าฝุ่นพิษวัดได้ 97-100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนบริเวณโรงพยาบาลเทพรัตนเวชชานุกูล อำเภอแม่แจ่ม วัดค่าได้ 107 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ถือว่าสูงที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ และเมื่อตรวจสอบไปยังเว็บไซต์ Airvisual พบว่า เชียงใหม่ ยังติดอันดับ 1 ใน 3 เมืองที่คุณภาพอากาศแย่รองจากปักกิ่ง ประเทศจีน และลาฮอร์ ปากีสถาน
เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ฉีดน้ำลดผลกระทบหมอกควัน
ทั้งนี้ เพื่อลดผลกระทบฝุ่นพิษ และคลายร้อน เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีได้นำรถน้ำออกฉีดพ่นละอองตามไปตามส่วนจัดแสดงสัตว์ ยีราฟ ม้าลาย เสือดำ ช้าง และสัตว์ป่ารวมกว่า 1,100 ตัว โดยนายเบญจพล นาคประเสริฐ กรรมการบริหารปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร เปิดเผยว่า ได้เพิ่มปริมาณน้ำและความถี่ในการฉีดพ่นละอองน้ำทั่วทุกพื้นที่ โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยของสัตว์และพื้นที่ให้บริการ ทำให้สัตว์บางชนิดที่ชอบน้ำอย่าง ช้าง หมูป่าแม่น้ำแดง คาพิบารา ร่าเริง มีความสุขเป็นพิเศษ
ย้อนกลับไปเรื่องคุณภาพอากาศ แม้เชียงใหม่จะติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลกที่คุณภาพาอากาศแย่ แต่หากเทียบตัวเลขฝุ่นพิษกับจังหวัดอื่นในภาคเหนือ เมื่อเวลา 11.00 น. กลับพบว่า ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ค่าฝุ่นพิษยังสูงกว่าเชียงใหม่ โดยวัดค่าได้ 195 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนตำบลจองคำ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ค่าฝุ่นพิษวัดได้ 194 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งข้อมูลจากกลุ่มระบาดวิทยาและตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข เปิดเผยตัวเลขผู้ป่วยกลุ่มโรคเรื้อรัง เฉพาะวันที่ 8 มีนาคม มีผู้ได้รับผลกระทบจากคุณภาพอากาศแล้ว 1,684 คน และจังหวัดเชียงใหม่ยังประกาศห้ามเผาทุกชนิดไปจนถึงวันที่ 30 เมษายน เพื่อลดค่าฝุ่นพิษ.-สำนักข่าวไทย