ชาวขอนแก่นร้องแอปฯ กู้เงินหลอกโอนค้ำประกัน

ขอนแก่น 8 มี.ค. – ชาวขอนแก่นร้องสำนักข่าวไทยให้ช่วยเป็นกระบอกเสียงแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังแอปพลิเคชันกู้เงินที่ใช้ชื่อว่า Bee Baht หลังญาติทวงเงินที่โอนเป็นค่าค้ำประกันเงินกู้คืน ถูกไล่ให้ไปตาย


นี่คือบทสนทนาที่แอดมินแอปพลิเคชันกู้เงินที่ใช้ชื่อว่า Bee Baht ไล่ลูกค้าหญิงชาวขอนแก่นให้ไปตาย หลังเจ้าตัวพยายามทวงเงิน 6,500 บาท ที่โอนไปเป็นค่าค้ำประกันเงินกู้ ต่อมาอ้างว่าเข้าใจผิด ต้องโอน 15,000 บาท เลยเชื่อว่าถูกหลอกลวง แต่อีกฝ่ายไม่ยอมคืน จึงอยากให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับประชาชน อย่าตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ หลังส่ง SMS และใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ โฆษณาเชิญชวนว่า “เงินกู้ง่าย กู้เร็ว” สินเชื่อสูงสุดถึง 1 ล้านบาท อนุมัติภายใน 10 นาที วงเงินกู้โดยประมาณ 10,000-50,000 บาท อัตราดอกเบี้ยรายเดือน 0.5% ระยะเวลากู้ยืม 12 เดือน

ทีมข่าวตรวจสอบพบว่าในเพจ Bee Baht มีคนเข้าไปคอมเมนต์ว่าถูกแอปฯ นี้หลอกลวงเป็นจำนวนมาก พฤติกรรมคือออกอุบายให้โอนเงินเป็นค่าค้ำประกันร้อยละ 10 ของยอดเงินกู้ก่อน จึงจะได้รหัส 6 หลัก มาถอนเงินจากแอปฯ เมื่อผู้กู้เห็นท่าไม่ดี ขอยกเลิก แต่ยกเลิกไม่ได้ ต้องไปดำเนินการที่สำนักงานใหญ่ หากไม่สะดวกไปให้โอนค่ายกเลิกเอกสารอีก 5,000 บาท โดยให้ชื่อ ที่อยู่ของบริษัทไม่ตรงกันในการอ้างกับลูกค้าหลายคน และเบอร์โทรติดต่อล้วนเป็นข้อมูลเท็จ


คำพูดไม่ดีของแอดมินแอปฯ ดังกล่าวไม่ได้ใช้เฉพาะกับหญิงชาวขอนแก่นที่ญาตินำมาร้องเรียน แต่ทำกับลูกค้าทุกคนที่เริ่มสังเกตเห็นว่าอาจถูกหลอกลวง โดยพูดทำนองข่มขู่ว่าถ้าไม่จ่ายค่าดอกเบี้ยจะมีหมายศาลไปถึงบ้าน ทั้งที่ลูกค้าไม่ได้ใช้เงินจากแอปฯ และใช้บัตรประชาชนของลูกค้าโพสต์เยาะเย้ยเจ้าตัวว่าขอยืมใช้หน่อยนะ เป็นต้น

ทั้งนี้ มีรายงานว่า แอปฯ Bee Baht เคยใช้ชื่อ Full Wallet และเปลี่ยนชื่อแอปฯ หลอกคนไปเรื่อยๆ ขณะนี้ผู้เสียหายกำลังทยอยแจ้งความในหลายพื้นที่

นางสาวอนงค์ สนขุนทด อายุ 29 ปี อาชีพค้าขาย ชาวอำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา เป็นหนึ่งในเหยื่อแอปฯ Bee Baht สูญเงินไปถึง 45,000 บาท เพราะหลงเชื่อในอุบาย เมื่อหลวมตัวโอนเงิน 5,000 บาทแรกแล้ว มิจฉาชีพก็มีวิธีการหลอกล่อเอาเงินก้อนใหม่ เช่น อ้างว่ากรอกข้อมูลผิดต้องแก้ไข เครดิตไม่ถึง ต้องเพิ่มเครดิต ถ้าไม่เดินเรื่องต่อ จะถือเป็นการฉ้อโกงบริษัท จะถูกหักเดือนละกว่า 4,000 บาท เป็นต้น ตนกลัวคำขู่เลยตกหลุมพรางโอนเงินให้เขาไป เข้าไปปรึกษากับตำรวจ สภ.ด่านขุนทด เจอคำพูดไม่ดี ทำนองว่ารู้ว่าเขาหลอก โง่โอนให้เขาทำไม เลยยังไม่ได้แจ้งความ .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”