ปทุมธานีสั่งปิดโรงชำแหละหมูเจ๊หยก 14 วัน

ปทุมธานี 2 มี.ค. – จังหวัดปทุมธานี สั่งปิดโรงงานชำแหละหมูเจ๊หยก หลังเป็นแหล่งคลัสเตอร์โควิด-19 ใหม่ สกัดการแพร่เชื้อ สอบสวนโรคพบผู้ป่วยปกปิดข้อมูล


ศูนย์อำนวยการป้องกันและควบคุมโรค ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี, นายแพทย์รังสรรค์ บุตรชา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี และทีมบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลประชาธิปัตย์ ได้เข้าร่วมประชุมความคืบหน้าการดำเนินการตรวจเชื้อโควิด-19 ของประชาชนชาวจังหวัดปทุมธานี

จังหวัดปทุมธานี มีคำสั่งที่ 2134/2464 คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดปทุมธานีมีความเห็นสั่งปิดโรงงาน อาคาร สำนักงาน และพื้นที่พักคนงานโดยรอบ สถานที่ประกอบการของบริษัท ปรีชาอินเตอร์ฟู้ด หรือเจ๊หยก ภายในซอยพหลโยธิน 127 ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี และสถานที่พักซากสัตว์ ซอยรังสิต-ปทุมธานี 27 เป็นเวลา 14 วัน และศูนย์ปฏิบัติการณ์ควบคุมโรคได้ฉีดพ่นฆ่าเชื้อ ส่วนบรรยากาศที่หน้าโรงงานประตูรั้วปิดล็อก มีป้ายกระดาษเขียนว่า ปิดปรับปรุงชั่วคราว


ด้าน นพ.รังสรรค์ บุตรชา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประชาธิปัตย์ บอกว่า ที่ผ่านมาประชาชนให้ความร่วมมือเข้ามาตรวจคัดกรองโควิด-19 เป็นอย่างดี โดยตรวจไปแล้วกว่า 20,000 คน ผลบวกประมาณ 500 คน ปริมาณผลบวกลดลงเรื่อยๆ เบื้องต้นมีคลัสเตอร์หนึ่งที่เกิดขึ้นคือ โรงงานชำแหละหมูเจ๊หยก แต่อยู่ในวงแคบ และสามารถควบคุมได้

ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกระแสข่าวการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มวีไอพีในจังหวัดเชียงใหม่ว่า เรื่องนี้ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งให้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง มีผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สาธารณสุข ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบโรค เป็นกรรมการสอบ

การฉีดวัคซีนปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่วางไว้ ทั้งการฉีดให้บุคลากรหน้าด่านสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมและป้องกันโรค ทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร ทั้งระดับสัญญาบัตร และระดับนายสิบด้วย ซึ่งเป้าหมายต้องฉีดให้ได้ 1,450 คน ซึ่งในวันแรกของการนำร่องฉีดวัคซีน เมื่อวันที่ 28 ก.พ. มีการฉีดจริงแค่ 140 คน จากที่ลงรายชื่อไว้ 373 คน เป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 73 คน เจ้าหน้าที่ 67 คน แต่หลังจากเริ่มมีความมั่นใจในการรับวัคซีนมากขึ้น ทำให้มีผู้สมัครใจเข้ารับวัคซีนในวันถัดไป 1 มี.ค. มากกว่าวันแรก


ช่วงเช้าที่ผ่านมา ที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จังหวัดนนทบุรี ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ หลังเปิดลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิในการฉีดวัคซีน มีบุคลากรทางการแพทย์ลงทะเบียนต้องการฉีดวัคซีนจำนวน 11,000 คน

นพ.พูลลาภ ฉันทวิจิตรวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 4 เดินทางมาฉีดวัดซีนป้องกันโรคโควิด-19 เป็นคนแรก โดยมี นพ.รุ่งฤทัย มวลประสิทธิ์พร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี และ นพ.มณเฑียน เพ็งสมบัติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ร่วมฉีดวัคซีนครั้งนี้ด้วย ต่อมาในช่วงสาย นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ได้เดินทางมาโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า เพื่อรับการฉีดวัคซีนโควิด-19

เบื้องต้นทางจังหวัดนนทบุรีได้รับจัดสรรวัคซีน 3,000 โดส แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1,500 โดส ฉีดให้บุคลากรด่านหน้าของเจ้าหน้าที่ส่วนกลางของกระทรวงสาธารณสุข สถาบันบำราศนราดูร สถาบันโรคทรวงอก สถาบันสิรินธร สถาบันทันตกรรม โดยฉีดไปแล้วเมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา ส่วนอีก 1,500 โดส วันนี้มีการฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ที่เหลือรอจัดสรรเเล้วจะกระจายตามกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ต่อไป จากนั้นจะขยายไปตามโรงพยาบาลชุมชนตามอำเภอต่างๆ

ด้าน นพ.โอภาส กล่าวถึงยอดการรับวัคซีนโควิด -19 ว่าหลังเดินหน้าทดสอบระบบการรับวัคซีนโควิด-19 ไปเมื่อวันที่ 28 ก.พ. และมีการกระจายวัคซีนไปใน 13 จังหวัด เพื่อพร้อมฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมายตามเป้า 116,520 โดส เบื้องต้นตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-1 มี.ค. มีผู้รับวัคซีนไปแล้ว 3,021 คน แบ่งเป็นการฉีดในบุคลากรทางการแพทย์ และ อสม.2,781 คน เจ้าหน้าที่อื่นที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย 133 คน ประชาชนที่ป่วยโรคเรื้อรัง 21 คน และประชาชนในพื้นที่ 86 คน และยังพบว่าในจำนวนผู้รับวัคซีนมีอาการไม่พึงประสงค์ 5 คน มีอาการอาเจียน คลื่นไส้ และบางคน มีอาการปวดบวมแดง

ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 42 คน ผู้ป่วยยืนยันสะสม 26,073 คน หายป่วยแล้ว 25,420 คน ยังรักษาในโรงพยาบาล 569 คน เสียชีวิตเพิ่ม 1 คน รวมยอดเสียชีวิตสะสม 84 ราย

สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ 42 คนนั้น แบ่งเป็นติดเชื้อในประเทศ 39 คน มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 35 คน และจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 4 คน และผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศเข้าสถานกักกันที่รัฐจัดให้ 3 คน มาจากประเทศสหรัฐอาหรับเรมิเรตส์ สาธารณรัฐเซอร์เบีย และเยอรมนี

ในวันนี้ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ได้แสดงตัวอย่างหนังสือรับรองการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยบอกว่าในวันที่ 8 มี.ค.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ โดยมีวาระการหารือถึงการออกเอกสารรับรองหลังรับวัคซีนโควิด-19 ที่ออกโดยกรมควบคุมโรค ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ โดยสามารถใช้แนบไปกับพาสปอร์ตเวลาเดินทาง สิ่งเหล่านี้ทำให้เห็นว่าประเทศไทยพร้อมเปิดประเทศแล้ว

ขณะที่ทำเนียบรัฐบาล นายกรัฐมนตรีออกมาปฏิเสธกระแสข่าวการกักตุนวัคซีนโควิด-19 ไว้ให้สำหรับบุคคลระดับวีไอพี ภายหลังกระจายไปในแต่ละจังหวัดแล้ว โดยย้ำว่าไม่เคยสั่งกักตุนวัคซีนให้วีไอพี ย้ำแต่ละจังหวัดมีกรรมการจัดสรรให้เป็นธรรม โปร่งใส ตามที่ได้กำหนดไว้ คือการดูแลประชาชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ควบคู่ไปกับบุคลากรทางการแพทย์ โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยว

วันนี้คณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณ 6,387,285,900 บาท สำหรับโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สำหรับบริการประชากรในประเทศไทยเพิ่มเติมจำนวน 35 ล้านโดส เพื่อให้ครอบคลุมเป้าหมายการฉีดให้ประชากรไทยอย่างน้อยร้อยละ 50 ภายในปี 2564

โดยโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 กับบริษัท AstraZeneca เพิ่มเติมจำนวน 35 ล้านโดส วงเงินรวมทั้งสิ้นจำนวน 5,673.67 ล้านบาท ประกอบด้วยค่าวัคซีนโควิด-19 จำนวน 5,302.50 ล้านบาท และค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม จำนวน 371.17 ล้านบาท

สำหรับมีค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการวัคซีนเพื่อรองรับการฉีดวัคซีน จำนวน 713.61 ล้านบาท สำหรับประชากรกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นไปตามคำแนะนำของคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค โดยมีระยะเวลาการดำเนินงานช่วงเดือน มิ.ย.-ธ.ค. 2564

โดยแผนการกระจายวัคซีนโควิด-19 แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 เดือน มี.ค.-พ.ค. 2564 จำนวน 2 ล้านโดส ใน 18 จังหวัด และระยะที่ 2 เดือน มิ.ย.-ธ.ค. 2564 จำนวน 61 ล้านโดส ในทุกจังหวัด รวมจำนวนวัคซีนที่ให้กลุ่มเป้าหมายจำนวนทั้งสิ้น 63 ล้านโดส.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยืนยัน ทุ่นระเบิดเป็นของใหม่ เตรียมยื่นเรื่องไปที่ “ยูเอ็น”

19 ก.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันผลตรวจสอบทุ่นระเบิดบริเวณเนิน 481 เป็นของใหม่ พบในเขตประเทศไทย คาดยังมีอีกกว่าร้อยลูกในพื้นที่ วันนี้ ที่กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี เมื่อเวลา 15.30 น. พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นำแถลงผลการตรวจสอบทุ่นระเบิด บริเวณเนิน 481 จ.อุบลราชธานี โดย พันเอกสมโชค จันทาสี ผู้บังคับหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 ระบุว่า ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบจำนวน 7 นาย โดยจุดแรกที่เจอได้มีการวางจำนวน 3 ทุ่น ลักษณะการวางผิวดิน รัศมีห่างกัน 40 เซนซิเมตร มีใบไม้ปกคลุม ส่วนจุดที่ 2 เจอจำนวน 5 ทุ่น รัศมีการวางกระจัดกระจาย รวมที่พบทั้งหมดจำนวน 8 ลูก ซึ่งจากการกู้ระเบิดทั้ง 8 ลูก ทุ่นระเบิดมีความใหม่ ตัวอักษรชัดเจน เพราะถ้าเป็นของเก่าจะมีวัชพืชปกคลุม […]

“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน”

วัดบ้านไร่ 19 ก.ค.-“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน” หวั่นโดนอัดเทปซ้ำรอย ชี้หากพิสูจน์ได้ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิดใหม่ต้องประท้วงตามกติกา ซัดหากเล่นนอกบทต้องดำเนินการ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ทหารพรานถูกเหยียบทุ่นระเบิด ที่ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ที่มีกระแสข่าวว่ากว่า 80% จากการตรวจสอบเป็นระเบิดใหม่ว่า ทั้งสองฝ่ายต้องพูดคุยกัน ถ้าไม่คุยกันอยู่อย่างนี้ไม่เป็นผลดี และขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ว่าเป็นระเบิดใหม่หรือเก่า ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แต่ล่าสุดกระแสข่าวจากภาคสองยืนยันว่ากว่า 80% เป็นระเบิดใหม่ นายทักษิณ กล่าวว่าก็ต้องว่ากันไป ก็ต้องประท้วงตามกติกา และประท้วงเสร็จก็ต้องมาคุยกันทั้งสองฝ่าย ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า ฝั่งกัมพูชามักเล่นนอกเกมบ่อยๆ เราต้องรับมืออย่างไร นายทักษิณ ระบุว่าก็ว่ากันไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น ถ้าเขาทำอะไรที่นอกกติกา เราก็ต้องดำเนินการ เมื่อถามว่าถ้าพิสูจน์ได้แล้วเป็นเรื่องจริง จะร้ององค์กรโลกหรือไม่ เนื่องจากมีสนธิสัญญาออตตาวา ว่าด้วยเรื่องทุ่นระเบิด นายทักษิณ ระบุว่าที่จริงแล้ว เรามีสนธิสัญญาหลายฉบับ แต่ไม่ได้หยิบขึ้นมาใช้ เมื่อถามย้ำว่าหลังจากนี้จะไม่เจรจาโดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวแล้วใช่หรือไม่ นายทักษิณ ยืนยันด้วยเสียงหนักแน่นว่าไม่มีอีกแล้ว เพราะกลัวโดนอัดเทปเหมือนกัน.-313.-สำนักข่าวไทย

ศบ.ทก. เรียกถกด่วนพรุ่งนี้ นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น

กทม. 19 ก.ค.-ศบ.ทก.เรียกถกด่วน 20 ก.ค. หารือ กต. นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา พร้อมส่งทหารช่าง ปูพรมเก็บกู้วัตถุระเบิดช่องบก พื้นที่อธิปไตยไทย 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เตรียมนัด ศบ.ทก.ประชุมในวันที่ 20 ก.ค.นี้ เวลา14.00 น. กำหนดแนวทางการดำเนินการ กรณีกำลังพลจากหน่วยร้อย ร.6021 ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบกและประสบเหตุเหยียบกับระเบิด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ซึ่งจากหลักฐานพลว่าเป็นการวางกับระเบิดใหม่นั้น เบื้องต้น พล.อ.ณัฐพล ได้สั่งการกองทัพภาคที่2 เก็บข้อมูลหลักฐานทั้งหมด พร้อมให้แถลงข่าว และรายงานผลเป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ทราบ เนื่องจากต้องเก็บทุกอย่างเป็นหลักฐาน เพื่อส่งให้กระทรวงการต่างประเทศต่อไป โดยในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ค.) จะมีกระทรวงการต่างประเทศเข้ามาร่วมประชุม ศบ.ทก.ด้วย เพื่อมาให้คำแนะนำว่าขั้นตอนต่อไปในการดำเนินการ ควรจะทำอย่างไร ร่วมถึงตรวจสอบข้อมูลหลักฐานของแต่ละฝ่ายว่าตรงกันหรือไม่ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะแถลงเป็นทางการ ในการประชุม ศบ.ทก. 21 ก.ค.นี้ […]

สำนักพุทธฯ สั่งเข้มทุกวัด เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส.

19 ก.ค.-สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ ให้เร่งดำเนินการจัดทำบัญชีเงินฝาก รายรับ-รายจ่าย และงบดุลของวัด ให้ถูกต้องและเป็นระบบ ตามมติมหาเถรสมาคม ที่มีผลบังคับใช้แล้ว โดยการเปิดบัญชีและการเบิกถอนเงินฝากธนาคารของวัด จะต้องเปิดกับธนาคารที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเดียวกับวัด และระบุชื่อบัญชีเงินฝากเป็นชื่อวัดเท่านั้น โดยมีรายชื่อผู้มีอำนาจถอนเงินอย่างน้อย 3 คน ซึ่งในการถอนเงินต้องมีผู้ลงนามจำนวน 2 ใน 3 และมีเจ้าอาวาสลงนามด้วยทุกครั้ง โดยใช้ใบถอนเงินของธนาคารและสมุดบัญชีเท่านั้น ในส่วนของบัญชีรายรับ-รายจ่าย ให้รายงานบัญชีของวัดทุกบัญชี สรุปเป็นรายเดือน จำนวน 12 เดือน ส่งสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ภายในวันที่ 20 มกราคมของปีถัดไป โดยสำเนาเอกสารไว้ที่วัดด้วยทุกฉบับ นอกจากนี้ทุกวัดควรพิจารณาใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ร่วมด้วย เพื่อแสดงข้อมูลบริจาคที่ครบถ้วน และให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ ติดตามอย่างเคร่งครัด โดยสำนักพระพุทธศาสนาฯ จะกำกับดูแล หรือประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบบัญชี และรายงานการตรวจสอบให้มหาเถรสมาคมทราบ.-สำนักข่าวไทย