ปทุมธานีสั่งปิดโรงชำแหละหมูเจ๊หยก 14 วัน

ปทุมธานี 2 มี.ค. – จังหวัดปทุมธานี สั่งปิดโรงงานชำแหละหมูเจ๊หยก หลังเป็นแหล่งคลัสเตอร์โควิด-19 ใหม่ สกัดการแพร่เชื้อ สอบสวนโรคพบผู้ป่วยปกปิดข้อมูล


ศูนย์อำนวยการป้องกันและควบคุมโรค ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี, นายแพทย์รังสรรค์ บุตรชา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี และทีมบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลประชาธิปัตย์ ได้เข้าร่วมประชุมความคืบหน้าการดำเนินการตรวจเชื้อโควิด-19 ของประชาชนชาวจังหวัดปทุมธานี

จังหวัดปทุมธานี มีคำสั่งที่ 2134/2464 คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดปทุมธานีมีความเห็นสั่งปิดโรงงาน อาคาร สำนักงาน และพื้นที่พักคนงานโดยรอบ สถานที่ประกอบการของบริษัท ปรีชาอินเตอร์ฟู้ด หรือเจ๊หยก ภายในซอยพหลโยธิน 127 ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี และสถานที่พักซากสัตว์ ซอยรังสิต-ปทุมธานี 27 เป็นเวลา 14 วัน และศูนย์ปฏิบัติการณ์ควบคุมโรคได้ฉีดพ่นฆ่าเชื้อ ส่วนบรรยากาศที่หน้าโรงงานประตูรั้วปิดล็อก มีป้ายกระดาษเขียนว่า ปิดปรับปรุงชั่วคราว


ด้าน นพ.รังสรรค์ บุตรชา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประชาธิปัตย์ บอกว่า ที่ผ่านมาประชาชนให้ความร่วมมือเข้ามาตรวจคัดกรองโควิด-19 เป็นอย่างดี โดยตรวจไปแล้วกว่า 20,000 คน ผลบวกประมาณ 500 คน ปริมาณผลบวกลดลงเรื่อยๆ เบื้องต้นมีคลัสเตอร์หนึ่งที่เกิดขึ้นคือ โรงงานชำแหละหมูเจ๊หยก แต่อยู่ในวงแคบ และสามารถควบคุมได้

ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกระแสข่าวการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มวีไอพีในจังหวัดเชียงใหม่ว่า เรื่องนี้ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งให้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง มีผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สาธารณสุข ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบโรค เป็นกรรมการสอบ

การฉีดวัคซีนปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่วางไว้ ทั้งการฉีดให้บุคลากรหน้าด่านสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมและป้องกันโรค ทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร ทั้งระดับสัญญาบัตร และระดับนายสิบด้วย ซึ่งเป้าหมายต้องฉีดให้ได้ 1,450 คน ซึ่งในวันแรกของการนำร่องฉีดวัคซีน เมื่อวันที่ 28 ก.พ. มีการฉีดจริงแค่ 140 คน จากที่ลงรายชื่อไว้ 373 คน เป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 73 คน เจ้าหน้าที่ 67 คน แต่หลังจากเริ่มมีความมั่นใจในการรับวัคซีนมากขึ้น ทำให้มีผู้สมัครใจเข้ารับวัคซีนในวันถัดไป 1 มี.ค. มากกว่าวันแรก


ช่วงเช้าที่ผ่านมา ที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จังหวัดนนทบุรี ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ หลังเปิดลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิในการฉีดวัคซีน มีบุคลากรทางการแพทย์ลงทะเบียนต้องการฉีดวัคซีนจำนวน 11,000 คน

นพ.พูลลาภ ฉันทวิจิตรวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 4 เดินทางมาฉีดวัดซีนป้องกันโรคโควิด-19 เป็นคนแรก โดยมี นพ.รุ่งฤทัย มวลประสิทธิ์พร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี และ นพ.มณเฑียน เพ็งสมบัติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ร่วมฉีดวัคซีนครั้งนี้ด้วย ต่อมาในช่วงสาย นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ได้เดินทางมาโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า เพื่อรับการฉีดวัคซีนโควิด-19

เบื้องต้นทางจังหวัดนนทบุรีได้รับจัดสรรวัคซีน 3,000 โดส แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1,500 โดส ฉีดให้บุคลากรด่านหน้าของเจ้าหน้าที่ส่วนกลางของกระทรวงสาธารณสุข สถาบันบำราศนราดูร สถาบันโรคทรวงอก สถาบันสิรินธร สถาบันทันตกรรม โดยฉีดไปแล้วเมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา ส่วนอีก 1,500 โดส วันนี้มีการฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ที่เหลือรอจัดสรรเเล้วจะกระจายตามกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ต่อไป จากนั้นจะขยายไปตามโรงพยาบาลชุมชนตามอำเภอต่างๆ

ด้าน นพ.โอภาส กล่าวถึงยอดการรับวัคซีนโควิด -19 ว่าหลังเดินหน้าทดสอบระบบการรับวัคซีนโควิด-19 ไปเมื่อวันที่ 28 ก.พ. และมีการกระจายวัคซีนไปใน 13 จังหวัด เพื่อพร้อมฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมายตามเป้า 116,520 โดส เบื้องต้นตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-1 มี.ค. มีผู้รับวัคซีนไปแล้ว 3,021 คน แบ่งเป็นการฉีดในบุคลากรทางการแพทย์ และ อสม.2,781 คน เจ้าหน้าที่อื่นที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย 133 คน ประชาชนที่ป่วยโรคเรื้อรัง 21 คน และประชาชนในพื้นที่ 86 คน และยังพบว่าในจำนวนผู้รับวัคซีนมีอาการไม่พึงประสงค์ 5 คน มีอาการอาเจียน คลื่นไส้ และบางคน มีอาการปวดบวมแดง

ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 42 คน ผู้ป่วยยืนยันสะสม 26,073 คน หายป่วยแล้ว 25,420 คน ยังรักษาในโรงพยาบาล 569 คน เสียชีวิตเพิ่ม 1 คน รวมยอดเสียชีวิตสะสม 84 ราย

สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ 42 คนนั้น แบ่งเป็นติดเชื้อในประเทศ 39 คน มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 35 คน และจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 4 คน และผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศเข้าสถานกักกันที่รัฐจัดให้ 3 คน มาจากประเทศสหรัฐอาหรับเรมิเรตส์ สาธารณรัฐเซอร์เบีย และเยอรมนี

ในวันนี้ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ได้แสดงตัวอย่างหนังสือรับรองการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยบอกว่าในวันที่ 8 มี.ค.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ โดยมีวาระการหารือถึงการออกเอกสารรับรองหลังรับวัคซีนโควิด-19 ที่ออกโดยกรมควบคุมโรค ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ โดยสามารถใช้แนบไปกับพาสปอร์ตเวลาเดินทาง สิ่งเหล่านี้ทำให้เห็นว่าประเทศไทยพร้อมเปิดประเทศแล้ว

ขณะที่ทำเนียบรัฐบาล นายกรัฐมนตรีออกมาปฏิเสธกระแสข่าวการกักตุนวัคซีนโควิด-19 ไว้ให้สำหรับบุคคลระดับวีไอพี ภายหลังกระจายไปในแต่ละจังหวัดแล้ว โดยย้ำว่าไม่เคยสั่งกักตุนวัคซีนให้วีไอพี ย้ำแต่ละจังหวัดมีกรรมการจัดสรรให้เป็นธรรม โปร่งใส ตามที่ได้กำหนดไว้ คือการดูแลประชาชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ควบคู่ไปกับบุคลากรทางการแพทย์ โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยว

วันนี้คณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณ 6,387,285,900 บาท สำหรับโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สำหรับบริการประชากรในประเทศไทยเพิ่มเติมจำนวน 35 ล้านโดส เพื่อให้ครอบคลุมเป้าหมายการฉีดให้ประชากรไทยอย่างน้อยร้อยละ 50 ภายในปี 2564

โดยโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 กับบริษัท AstraZeneca เพิ่มเติมจำนวน 35 ล้านโดส วงเงินรวมทั้งสิ้นจำนวน 5,673.67 ล้านบาท ประกอบด้วยค่าวัคซีนโควิด-19 จำนวน 5,302.50 ล้านบาท และค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม จำนวน 371.17 ล้านบาท

สำหรับมีค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการวัคซีนเพื่อรองรับการฉีดวัคซีน จำนวน 713.61 ล้านบาท สำหรับประชากรกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นไปตามคำแนะนำของคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค โดยมีระยะเวลาการดำเนินงานช่วงเดือน มิ.ย.-ธ.ค. 2564

โดยแผนการกระจายวัคซีนโควิด-19 แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 เดือน มี.ค.-พ.ค. 2564 จำนวน 2 ล้านโดส ใน 18 จังหวัด และระยะที่ 2 เดือน มิ.ย.-ธ.ค. 2564 จำนวน 61 ล้านโดส ในทุกจังหวัด รวมจำนวนวัคซีนที่ให้กลุ่มเป้าหมายจำนวนทั้งสิ้น 63 ล้านโดส.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]

ข่าวแนะนำ

วิเคราะห์แนวทางดำเนินคดีกัมพูชา

10 ส.ค. – ฟังการวิเคราะห์ปมดำเนินคดีกัมพูชา กับ รศ.ดร. ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์ประจำสาขาวิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากหลักฐานที่มีชัดเจน กระสุนกัมพูชายิงตกฝั่งไทย เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินพลเรือน และมีกระสุนที่ต้องเก็บกู้มากกว่า 800 นัด ขณะที่หลังการเจรจา GBC ผ่านไป พบกัมพูชายังเสริมกำลังทหารต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย

ชาวบ้านศรีสะเกษสุดช้ำ บ้านเรือนถูกกัมพูชายิงถล่มเหลือแต่ซาก

ศรีสะเกษ 10 ส.ค. – ชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กลับจากศูนย์อพยพเจอสภาพบ้านเหลือแต่ซาก หลังถูกลูกปืนใหญ่กัมพูชายิงถล่ม ขณะที่พบหัวจรวด BM-21 กลางทุ่งนา อีก 2 จุด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายเรียบร้อย ปลัดอำเภอน้ำยืน เน้นย้ำหากชาวบ้านพบหลุมลึก-ปากหลุมแคบ ให้รีบแจ้งทันที ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นนาทีกระสุนโจมตีของกัมพูชายิงตกใส่บ้านเรือนประชาชนอย่างรุนแรงจนฝุ่นฟุ้งกระจาย จากภาพจะเห็นว่ามีรถอีแต๋นคันหนึ่งวิ่งผ่านจุดที่กระสุนพุ่งตกลงมาเพียงเสี้ยววินาที เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ วันนี้ นายกุลนที อายุ 45 ปี เดินทางกลับมาบ้าน หลังอพยพออกจากพื้นที่ไปกว่า 2 สัปดาห์ ในช่วงเหตุปะทะแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทันทีที่เห็นบ้าน นายกุลนทีถึงกับน้ำตาคลอ เพราะบ้านเสียหายอย่างหนัก ทั้งโครงสร้างไม้และปูนได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด ประตู หน้าต่าง กระจก และหลังคาถูกกระสุนถล่มจนแทบไม่เหลือสภาพเดิม […]

มทภ.2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด

10 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ จากการตรวจสอบพบเป็นทุ่นใหม่ ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยภายหลังการรับมอบสิ่งของช่วยเหลือทหารและเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดน จากภาครัฐและเอกชน ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเจ้าหน้าที่ทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ เมื่อวานว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นทุ่นใหม่ที่ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานเพื่อป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ก่อนที่จะถอนกำลังออกไป ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง จึงสั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความระมัดระวัง พร้อมใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักร เช่น รถไถ รถตักในการเคลียร์เส้นทางและค้นหาทุ่นระเบิดบุคคล เพื่อป้องกันไม่ให้กำลังพลได้รับอันตรายซ้ำ สำหรับพื้นที่แนวปะทะที่มีการวางกำลังของทหารกัมพูชายังถือว่าไม่ปลอดภัยสำหรับทหาร เนื่องจากมีการวางระเบิดไว้มาก ส่วนพื้นที่ชาวบ้านซึ่งอยู่นอกแนวชายแดนลึกเข้ามา ไม่น่าเป็นห่วงจากทุ่นระเบิดบุคคล แต่ยังมีความเสี่ยงจากจรวดที่ยิงเข้ามาแล้วไม่ระเบิด หากประชาชนพบเห็นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที ห้ามเข้าไปจับ ดึง หรือเก็บเอง อย่างไรก็ตาม พื้นที่ส่วนใหญ่ เช่น ภูมะเขือ อานม้า ซำแปร และตาเมือนธม ไทยสามารถครอบครองได้ […]

นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องชาติมากถึง 75%

กทม. 10 ส.ค.-นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องผลประโยชน์ชาติ จากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา มากถึง 75% แนะเปิดเจรจาทางการทูตสองฝ่ายจริงจัง รวมทั้งเห็นว่าไม่ควรรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาทุกคน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไปต่อแบบไหนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-5 สิงหาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เกี่ยวกับความไว้วางใจและความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า -กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 75.73 ระบุว่า ไว้วางใจมาก รองลงมา ร้อยละ 19.31 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 3.66 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 1.07 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย และร้อยละ 0.23 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ -กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 41.76 […]