สั่งสอบวินัย ส.ต.ต. หนีภรรยาไปแต่งงานใหม่

ชัยนาท 20 ก.พ. – ผู้กำกับการ สภ.เมืองชัยนาท สั่งตั้งกรรมการสอบวินัยสิบตำรวจตรีหนีภรรยาไปแต่งงานกับสาวคนใหม่ หากพบเป็นความผิดเกี่ยวกับการเข้าไปมีสัมพันธ์กับหญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาตน จะดำเนินการตามวินัย มีโทษสั่งขังเป็นเวลา 30 วัน


จากกรณีประเด็นร้อนในสังคมขณะนี้กับหญิงสาวถือทะเบียนสมรสบุกไปงานแต่งงานของสามีตนเอง ซึ่งเป็นตำรวจ และกำลังเข้าพิธีแต่งงานกับหญิงอื่น หลังจากเรื่องราวดังกล่าวเผยแพร่สู่โลกออนไลน์ ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงพฤติกรรมของเจ้าบ่าวและเจ้าสาว ล่าสุดโลกออนไลน์ยังเข้าไปคอมเมนต์สอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดกับร้านทองแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ทำงานของเจ้าสาวในเหตุการณ์นี้ โดยตั้งคำถามว่ายังคงรับพนักงานเช่นนี้ไว้ทำงานอีกหรือ ก่อนเพจของร้านทองจะเข้ามาตอบคอมเมนต์ว่า ล่าสุดห้างทองซึ่งเป็นที่ทำงานของฝ่ายหญิง ระบุว่า “ขณะนี้ทางผู้บริหารห้างทองได้สั่งพักงานพนักงานคนดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” โดยได้ออกประกาศเรื่องแจ้งบุคคลพ้นสภาพการเป็นพนักงาน พร้อมระบุว่าตามที่ได้รับเจ้าสาวเข้าทำงานที่ห้างทองนั้น บัดนี้ได้พ้นสภาพจากการเป็นพนักงานของห้างทอง ตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป ทางห้างทองจะไม่ขอรับผิดชอบต่อการกระทำใดๆ ทั้งสิ้น นับจากวันที่พ้นจากสภาพความเป็นพนักงานของห้างทอง

ด้านฝั่งเจ้าบ่าว หลังเกิดเหตุได้เข้าไปขอโทษพ่อแม่และภรรยาหลวงแล้ว โดยพ่อของเจ้าบ่าว เล่าว่า หลังเกิดเรื่อง ลูกชายกลับมาที่บ้าน ขอโทษและยอมรับผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ไม่ได้บอกเหตุผลว่าเพราะเหตุใดจึงทำเช่นนั้น บอกแต่เพียงว่ามีความจำเป็น ตนจึงอบรมสั่งสอนไปว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด โดยลูกชายได้อยู่พูดคุยประมาณ 45 นาที จากนั้นแนะนำให้ลูกชายออกไปอยู่ที่อื่นก่อน เพื่อลดบรรยากาศตึงเครียดภายในบ้าน และตั้งสติทบทวนในสิ่งที่กระทำไป ยอมรับด้วยว่าเสียใจกับสิ่งที่ถูกชายกระทำ อยากให้กลับมาดูแลครอบครัว ลูกและภรรยาเหมือนเดิม


ส่วนลูกสะใภ้ยืนยันว่าจะไม่ไปร้องเรียนกับต้นสังกัด เพื่อเอาผิดลูกชาย เพราะหากต้องถูกให้ออกจากราชการก็จะไม่มีรายได้มาเลี้ยงดูครอบครัว แต่ที่นำทะเบียนสมรสบุกเข้าไปในงานแต่งงานนั้น เป้าหมายเพื่อให้ผู้หญิงเลิกกับสามี และยุติการแต่งงาน

พ.ต.อ.ปฏิกรณ์ หาญหัตถกิจ ผกก.สภ.เมืองชัยนาท ในฐานะผู้บังคับบัญชาของเจ้าบ่าว เปิดเผยว่า ยังไม่ได้ติดต่อหรือพูดคุยกับผู้ใต้บังคับบัญชา เนื่องจากอยู่ระหว่างลาพักผ่อนถึงวันนี้ (20 ก.พ.) และทางภรรยายังไม่ได้เข้ามาร้องเรียนกับตน อย่างไรก็ตาม ได้สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว เพราะจนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบว่าภรรยาและเจ้าสาวชื่ออะไร ทั้งนี้ หากพบเป็นความผิดเกี่ยวกับการเข้าไปมีสัมพันธ์กับหญิงอื่นที่มิใช่ภรรยาตน จะดำเนินการตามวินัย มีโทษสั่งขังเป็นเวลา 30 วัน

ในเรื่องนี้ พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร. กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนตัว เจ้าบ่าวพึงคิดได้เองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อตัวเองและองค์กรอย่างไร ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีบทลงโท กรณีมีการกล่าวหาตำรวจกระทำผิดวินัย หากพบว่ากระทำผิดจริง มีการกำหนดบทลงโทษไว้ เช่น 1.เกี่ยวข้องกับหญิงอื่นหรือชายอื่น โดยที่ตนเองมีภรรยาหรือสามีอยู่แล้ว และเกิดเรื่องเสื่อมเสีย 2.ได้หญิงหรือชาย เป็นภรรยาหรือสามี แล้วไม่เลี้ยงดู และเกิดเรื่องเสื่อมเสียหรือเสียหาย 3.จดทะเบียนสมรสซ้อน จะโดนลงโทษกักขัง 30 วัน ทั้งนี้ การประพฤติตนในลักษณะที่ไม่สมควร ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ถือเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง แต่ถ้ามีพฤติกรรมอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น ทำหลายครั้ง หลอกเอาเงินทอง ใช้อำนาจหน้าที่บังคับข่มเหง กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง จะเป็นการกระทำผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ซึ่งมีบทลงโทษที่หนักขึ้น


ที่มีการพูดถึงมากอีกเรื่อง คือเหตุการณ์ที่แม่เจ้าบ่าวบุกเข้าไปตบศีรษะลูกชายขณะฟังพระสวดให้ศีลให้พร ซึ่งพระก็ทำหน้างง แต่ยังคงสวดต่อจนจบ ผู้สื่อข่าวได้ไปคุยกับพระครูสมุห์ พงศ์ยศ พลญาโณ เจ้าอาวาสวัดท่าชัย พระสงฆ์ในคลิป เปิดเผยเหตุการณ์ให้ฟังว่า ขณะที่นั่งหลับตา ตั้งจิตภาวนาสวดมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคล ร่วมกับพระอีก 8 รูป ได้ยินเสียงดังลอยมา ทีแรกคิดว่าเป็นเด็กเถียงกัน แต่เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ จึงลืมตาขึ้น เห็นผู้หญิงมายืนต่อว่าหน้าเจ้าบ่าว แปลกใจว่าเป็นใคร แต่พอทราบว่าเป็นแม่เจ้าบ่าว พาลูกสะใภ้และหลานมาทวงสิทธิความเป็นภรรยาที่ถูกต้อง จึงรู้ว่าพิธีสมรสในครั้งนี้ไม่ถูกต้อง แต่เพราะเป็นพระสงฆ์ ต้องมีสติและสำรวม จึงยังคงสวดมนต์ต่อไปให้จบบท และรวบรัดตัดตอนพิธีการให้หยุดอยู่แค่นี้ จากนั้นก็รับถวายภัตตาหารเช้า ฉันข้าวไป 2-3 คำ ก็พาพระสงฆ์ทั้งหมดกลับวัด โดยไม่ได้สวดมนต์ให้พรแก่คู่บ่าวสาว ก่อนออกจากบ้านงาน ได้บอกกับเจ้าภาพว่าควรหยุดพิธีแต่งงานนี้ และสั่งสอนเจ้าบ่าวไปว่าทุกข์นี้เกิดแล้ว ปัญหาแห่งทุกข์เกิดจากใคร ต้องแก้ไขเอง

พระครูสมุห์ยังชื่นชมแม่เจ้าบ่าวว่าเป็นแม่ที่ดี เห็นลูกกระทำผิดก็เข้ามาตักเตือน ไม่เข้าข้างลูกตัวเอง ปกป้องสิทธิของลูกสะใภ้และหลาน และยังฝากเตือนพุทธศาสนิกชนว่าอย่าหาทำ และไม่พึงกระทำ ให้ดูเหตุการณ์ครั้งนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์ เตือนจิตใจตนเองก่อนที่จะกระทำสิ่งใดลงไป ควรจะคิดไตร่ตรองให้ดี พิจารณาให้ดีว่าสิ่งนี้ควรกระทำหรือไม่.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระดูกเทียมไทเทเนียม นวัตกรรมไทยช่วยทหารกล้าชายแดน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-สินค้า IP ไทยสุดเลิศ ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อยอดส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตามลำดับ เพื่อให้ทหารกล้าของไทยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว “ความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมผู้ประสบภัย ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้ประสานกับ เมติคูลี่ ซึ่งได้รับเลือกจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น IP Champion ในสาขาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประจำปีนี้ มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูก มือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลให้ทางโรงพยาบาลเพื่อให้นายทหารที่ผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ 1 ราย ได้รับการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยกระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2” […]

“นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก

กทม.16 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก สั่งการเร่งขยายผลต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแกะรอย และตรวจค้นรถกระบะที่มีการลักลอบขนส่งยาเสพติด บริเวณอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะขนผัก จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 900 กิโลกรัม และได้ทำการควบคุมตัวตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการดำเนินงานและร่วมแถลงผลการจับกุมในวันที่ 16 ส.ค.นอกจากนี้ยังได้ให้กำลังใจผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งใจ จนสามารถจับกุมกรณีการลักลอบขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่นี้ได้ และได้ให้ติดตามเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ

ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียนปีการผลิต 2568/69 พร้อมรอรับเงินช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรปลูกข้าวปีการผลิต 2568/69 และนาปรังปีการผลิต 2568 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาปรังและนาปี จะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิแล้วเสร็จ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกษตรกรที่ทำนาปรังจะได้รับเงินเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายน 2568 ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปี จะได้รับในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 โดยเกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่ายดังนี้ วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่ สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชนหรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วน เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ […]

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ทุ่นระเบิดใหม่ตอกย้ำกัมพูชาละเมิดกติกาสากล

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – วันนี้ รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูตภาคีอนุสัญญาออตตาวา ลงพื้นที่ดูปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด บนภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมเรียกร้องให้ตัดงบช่วยเหลือกัมพูชา หลังใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ผู้บริจาค ขณะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ยืนยันเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่เพิ่งพบช่วงเหตุปะทะล่าสุด.-สำนักข่าวไทย

ผลถก RBC กัมพูชาเมินกู้ทุ่นระเบิด-ปราบสแกมเมอร์

ตราด 16 ส.ค. – กัมพูชายังไม่ให้ความร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิด หลังฝ่ายไทยผลักดันในเวที “RBC ไทย-กัมพูชา” พื้นที่ชายแดนจันทบุรี-ตราด พร้อมการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ แขวนไว้หารือในการประชุมครั้งต่อไป พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า วันนี้ (16 สิงหาคม 2568) พลเรือโท อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด และพลตรี อุย เฮียง ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 3 ของกองทัพบกกัมพูชา ตลอดจนคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคของทั้งสองฝ่าย จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ (Regional Border Committee) หรือ RBC ณ ประเทศไทย ที่บ้านทะเลภูรีสอร์ท อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด เพื่อร่วมกันหารือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ และการดำเนินชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศด้วยสันติวิธี โดยได้ลงนามใน “บันทึกความตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ราชอาณาจักรไทย กับภูมิภาคที่ 3 […]

วัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะแจงดำเนินคดีอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท

กทม. 16 ส.ค.-ไวยาวัจกรฝ่ายกฎหมายวัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะชี้แจงการดำเนินคดีกับอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท ตรวจสอบประวัติย้อนหลัง 10 ปี พบปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาส 240 ครั้ง ด้านเจ้าอาวาสยอมรับเสียใจ ผิดหวังที่ไว้ใจคนใกล้ตัว ไวยาวัจกรวัดฝ่ายกฎหมาย ตั้งโต๊ะชี้แจง กรณีที่มีบุคคลภายในวัดปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาสวัดเครือวัลย์วรวิหาร ไปถอนเงินออกจากบัญชีวัดกว่า 240 ครั้ง ยักยอกเงินกว่า 56 ล้านบาท ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน ปี 67 ที่ผ่านมา ในส่วนการดำเนินการขณะนี้แบ่งเป็น 3 คดี คดีแรก พบการกระทำความผิดคือเมื่อเดือนเมษายน 2567 ทางวัดได้รับบริจาคจากกองทัพเรือเป็นแคชเชียร์เช็ค 1.5 ล้านบาท ลงวันที่ 10 เมษายน 2567 โดยในแคชเชียร์เช็คระบุว่ามอบให้ทางวัด จึงต้องเอาเข้าบัญชีวัด ทางเจ้าอาวาสจึงมีการมอบให้นายกฤษณ์ ที่เป็นไวยาวัจกรวัดในตอนนั้น เอาแคชเชียร์เช็คดังกล่าวไปขึ้นเงินและเอาเข้ายังบัญชีของวัด ต่อมาทางเจ้าอาวาสได้ทวงถามไปยังนายกฤษณ์ เพราะในขณะนั้นจำเป็นจะต้องบูรณะศาสนสถาน แต่นายกฤษณ์ อ้างว่าไม่ว่าง และได้มอบหมายให้นายชัยณรงค์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยไวยาวัจกรในตอนนั้นนำเงินไปเข้าธนาคาร ทางเจ้าอาวาสเลยมีการติดต่อไปยังนายชัยณรงค์ เพื่อทวงถามเรื่องเงิน แต่ก็บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด […]

“มาริษ” นำคณะทูตดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูต 33 ประเทศ ดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ เตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง ให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ หลังจากฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในภาพรวมที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะทูตประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา และตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศ รวม 33 ประเทศ ขึ้นไปสำรวจพื้นที่และดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ ที่อยู่ใกล้แนวปราสาทพระวิหาร เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือสื่อมวลชนที่ขึ้นภูมะเขือ งดถ่ายภาพติดพื้นที่ทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ระหว่างทางขึ้น ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง และเพื่อนบ้านใกล้เคียง ถูกสะเก็ดเสียหายอีก 2 หลัง โดยจุดนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายด้วย เพื่อให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ.-สำนักข่าวไทย