สั่งสอบวินัย ส.ต.ต. หนีภรรยาไปแต่งงานใหม่

ชัยนาท 20 ก.พ. – ผู้กำกับการ สภ.เมืองชัยนาท สั่งตั้งกรรมการสอบวินัยสิบตำรวจตรีหนีภรรยาไปแต่งงานกับสาวคนใหม่ หากพบเป็นความผิดเกี่ยวกับการเข้าไปมีสัมพันธ์กับหญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาตน จะดำเนินการตามวินัย มีโทษสั่งขังเป็นเวลา 30 วัน


จากกรณีประเด็นร้อนในสังคมขณะนี้กับหญิงสาวถือทะเบียนสมรสบุกไปงานแต่งงานของสามีตนเอง ซึ่งเป็นตำรวจ และกำลังเข้าพิธีแต่งงานกับหญิงอื่น หลังจากเรื่องราวดังกล่าวเผยแพร่สู่โลกออนไลน์ ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงพฤติกรรมของเจ้าบ่าวและเจ้าสาว ล่าสุดโลกออนไลน์ยังเข้าไปคอมเมนต์สอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดกับร้านทองแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ทำงานของเจ้าสาวในเหตุการณ์นี้ โดยตั้งคำถามว่ายังคงรับพนักงานเช่นนี้ไว้ทำงานอีกหรือ ก่อนเพจของร้านทองจะเข้ามาตอบคอมเมนต์ว่า ล่าสุดห้างทองซึ่งเป็นที่ทำงานของฝ่ายหญิง ระบุว่า “ขณะนี้ทางผู้บริหารห้างทองได้สั่งพักงานพนักงานคนดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” โดยได้ออกประกาศเรื่องแจ้งบุคคลพ้นสภาพการเป็นพนักงาน พร้อมระบุว่าตามที่ได้รับเจ้าสาวเข้าทำงานที่ห้างทองนั้น บัดนี้ได้พ้นสภาพจากการเป็นพนักงานของห้างทอง ตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป ทางห้างทองจะไม่ขอรับผิดชอบต่อการกระทำใดๆ ทั้งสิ้น นับจากวันที่พ้นจากสภาพความเป็นพนักงานของห้างทอง

ด้านฝั่งเจ้าบ่าว หลังเกิดเหตุได้เข้าไปขอโทษพ่อแม่และภรรยาหลวงแล้ว โดยพ่อของเจ้าบ่าว เล่าว่า หลังเกิดเรื่อง ลูกชายกลับมาที่บ้าน ขอโทษและยอมรับผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ไม่ได้บอกเหตุผลว่าเพราะเหตุใดจึงทำเช่นนั้น บอกแต่เพียงว่ามีความจำเป็น ตนจึงอบรมสั่งสอนไปว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด โดยลูกชายได้อยู่พูดคุยประมาณ 45 นาที จากนั้นแนะนำให้ลูกชายออกไปอยู่ที่อื่นก่อน เพื่อลดบรรยากาศตึงเครียดภายในบ้าน และตั้งสติทบทวนในสิ่งที่กระทำไป ยอมรับด้วยว่าเสียใจกับสิ่งที่ถูกชายกระทำ อยากให้กลับมาดูแลครอบครัว ลูกและภรรยาเหมือนเดิม


ส่วนลูกสะใภ้ยืนยันว่าจะไม่ไปร้องเรียนกับต้นสังกัด เพื่อเอาผิดลูกชาย เพราะหากต้องถูกให้ออกจากราชการก็จะไม่มีรายได้มาเลี้ยงดูครอบครัว แต่ที่นำทะเบียนสมรสบุกเข้าไปในงานแต่งงานนั้น เป้าหมายเพื่อให้ผู้หญิงเลิกกับสามี และยุติการแต่งงาน

พ.ต.อ.ปฏิกรณ์ หาญหัตถกิจ ผกก.สภ.เมืองชัยนาท ในฐานะผู้บังคับบัญชาของเจ้าบ่าว เปิดเผยว่า ยังไม่ได้ติดต่อหรือพูดคุยกับผู้ใต้บังคับบัญชา เนื่องจากอยู่ระหว่างลาพักผ่อนถึงวันนี้ (20 ก.พ.) และทางภรรยายังไม่ได้เข้ามาร้องเรียนกับตน อย่างไรก็ตาม ได้สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว เพราะจนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบว่าภรรยาและเจ้าสาวชื่ออะไร ทั้งนี้ หากพบเป็นความผิดเกี่ยวกับการเข้าไปมีสัมพันธ์กับหญิงอื่นที่มิใช่ภรรยาตน จะดำเนินการตามวินัย มีโทษสั่งขังเป็นเวลา 30 วัน

ในเรื่องนี้ พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร. กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนตัว เจ้าบ่าวพึงคิดได้เองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อตัวเองและองค์กรอย่างไร ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีบทลงโท กรณีมีการกล่าวหาตำรวจกระทำผิดวินัย หากพบว่ากระทำผิดจริง มีการกำหนดบทลงโทษไว้ เช่น 1.เกี่ยวข้องกับหญิงอื่นหรือชายอื่น โดยที่ตนเองมีภรรยาหรือสามีอยู่แล้ว และเกิดเรื่องเสื่อมเสีย 2.ได้หญิงหรือชาย เป็นภรรยาหรือสามี แล้วไม่เลี้ยงดู และเกิดเรื่องเสื่อมเสียหรือเสียหาย 3.จดทะเบียนสมรสซ้อน จะโดนลงโทษกักขัง 30 วัน ทั้งนี้ การประพฤติตนในลักษณะที่ไม่สมควร ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ถือเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง แต่ถ้ามีพฤติกรรมอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น ทำหลายครั้ง หลอกเอาเงินทอง ใช้อำนาจหน้าที่บังคับข่มเหง กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง จะเป็นการกระทำผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ซึ่งมีบทลงโทษที่หนักขึ้น


ที่มีการพูดถึงมากอีกเรื่อง คือเหตุการณ์ที่แม่เจ้าบ่าวบุกเข้าไปตบศีรษะลูกชายขณะฟังพระสวดให้ศีลให้พร ซึ่งพระก็ทำหน้างง แต่ยังคงสวดต่อจนจบ ผู้สื่อข่าวได้ไปคุยกับพระครูสมุห์ พงศ์ยศ พลญาโณ เจ้าอาวาสวัดท่าชัย พระสงฆ์ในคลิป เปิดเผยเหตุการณ์ให้ฟังว่า ขณะที่นั่งหลับตา ตั้งจิตภาวนาสวดมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคล ร่วมกับพระอีก 8 รูป ได้ยินเสียงดังลอยมา ทีแรกคิดว่าเป็นเด็กเถียงกัน แต่เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ จึงลืมตาขึ้น เห็นผู้หญิงมายืนต่อว่าหน้าเจ้าบ่าว แปลกใจว่าเป็นใคร แต่พอทราบว่าเป็นแม่เจ้าบ่าว พาลูกสะใภ้และหลานมาทวงสิทธิความเป็นภรรยาที่ถูกต้อง จึงรู้ว่าพิธีสมรสในครั้งนี้ไม่ถูกต้อง แต่เพราะเป็นพระสงฆ์ ต้องมีสติและสำรวม จึงยังคงสวดมนต์ต่อไปให้จบบท และรวบรัดตัดตอนพิธีการให้หยุดอยู่แค่นี้ จากนั้นก็รับถวายภัตตาหารเช้า ฉันข้าวไป 2-3 คำ ก็พาพระสงฆ์ทั้งหมดกลับวัด โดยไม่ได้สวดมนต์ให้พรแก่คู่บ่าวสาว ก่อนออกจากบ้านงาน ได้บอกกับเจ้าภาพว่าควรหยุดพิธีแต่งงานนี้ และสั่งสอนเจ้าบ่าวไปว่าทุกข์นี้เกิดแล้ว ปัญหาแห่งทุกข์เกิดจากใคร ต้องแก้ไขเอง

พระครูสมุห์ยังชื่นชมแม่เจ้าบ่าวว่าเป็นแม่ที่ดี เห็นลูกกระทำผิดก็เข้ามาตักเตือน ไม่เข้าข้างลูกตัวเอง ปกป้องสิทธิของลูกสะใภ้และหลาน และยังฝากเตือนพุทธศาสนิกชนว่าอย่าหาทำ และไม่พึงกระทำ ให้ดูเหตุการณ์ครั้งนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์ เตือนจิตใจตนเองก่อนที่จะกระทำสิ่งใดลงไป ควรจะคิดไตร่ตรองให้ดี พิจารณาให้ดีว่าสิ่งนี้ควรกระทำหรือไม่.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง