ร้านทองไล่ออกเจ้าสาว ปมแต่งงานซ้อน

ชัยนาท 19 ก.พ.-เจ้าสาวในคลิปเมียหลวงไลฟ์ผัววิวาห์ซ้อน ถูกร้านทองไล่ออกจากงาน ส่วนฝ่ายชายถูกตั้งกรรมการสอบ


จากกรณีโลกออนไลน์แชร์คลิปหญิงสาวถือทะเบียนสมรสบุกไปที่งานแต่งงานของสามีตนเองซึ่งเป็นตำรวจ และกำลังเข้าพิธีแต่งงานกับหญิงอื่น พร้อมกับมีคลิปที่แม่สามี หรือแม่ของเจ้าบ่าวได้เข้าไปต่อว่าลูกชาย พร้อมตบไปที่ศีรษะของลูกชายกลางพิธีสงฆ์ แต่คู่บ่าวสาวยังคงนั่งพนมมือฟังพระสวดต่อไปโดยไม่สนใจแม่แต่อย่างใด

โดยหลังจากที่เรื่องราวดังกล่าวได้เผยแพร่สู่โลกออนไลน์ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ถึงพฤติกรรมของเจ้าบ่าวและเจ้าสาว ล่าสุดโลกออนไลน์ยังเข้าไปคอมเมนต์สอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดกับร้านทองแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ทำงานของเจ้าสาวในเหตุการณ์นี้ โดยตั้งคำถามว่ายังคงรับพนักงานเช่นนี้ไว้ทำงานอีกหรือ ก่อนเพจของร้านทองจะเข้ามาตอบคอมเมนต์ว่า ล่าสุด ห้างทองซึ่งเป็นที่ทำงานของฝ่ายหญิงสั่งไล่ออกพนักงานคนดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว” โดยห้างทองดังกล่าวได้ออกประกาศ เรื่อง แจ้งบุคคลพ้นสภาพการเป็นพนักงาน พร้อมระบุว่า ตามที่ ห้างทอง…. ได้รับ นางสาว….. เข้าทำงานที่ห้างทอง นั้น บัดนี้ นางสาว… ได้พ้นสภาพจากการเป็นพนักงานของห้างทอง ตั้งแต่ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป ทางห้างทอง จะไม่ขอรับผิดชอบ ต่อการกระทำใดๆ ทั้งสิ้นของ นางสาว…. นับจากวันที่พ้นจากสภาพความเป็นพนักงานของห้าง


ด้านผู้กำกับการสภ.เมืองชัยนาท ในฐานะผู้บังคับบัญชาของสิบตำรวจตรีคนดังกล่าว เปิดเผยว่า ยังไม่ได้ติดต่อหรือพูดคุยกับผู้ใต้บังคับบัญชา เนื่องจากอยู่ระหว่างลาพักผ่อนถึงวันที่ 20 ก.พ.นี้ ส่วนทางภรรยา ยังไม่ได้เข้ามาร้องเรียนกับตน อย่างไรก็ตาม ได้สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว เพราะจนถึงขณะนี้ ยังไม่ทราบว่าภรรยาและเจ้าสาว ชื่ออะไร ทั้งนี้ หากพบเป็นความผิดเกี่ยวกับการเข้าไปมีสัมพันธ์กับหญิงอื่นที่มิใช่ภรรยาตน จะดำเนินการตามวินัย มีโทษสั่งขังเป็นเวลา 30 วัน ฝากเตือนข้าราชการตำรวจทุกนาย ว่าเรื่องในครอบครัวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน การกระทบกระทั่งกันภายในครอบครัว จะส่งผลกถึงลูก จึงอยากฝากเตือนว่า เมื่อเลือกที่จะใช้ชีวิตคู่กับผู้ใดแล้ว ขอให้รักและดูแลกันให้ดี ขณะที่ในวันนี้ได้เรียกประชุมตำรวจทุกนาย เพื่อเน้นย้ำเรื่องนี้แล้ว

ร้อนถึง สตช. พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยมีบทลงโทษ กรณีการกล่าวหาตำรวจกระทำผิดวินัย หากพบว่ากระทำผิดจริง มีการกำหนดบทลงโทษไว้ การประพฤติตนในลักษณะที่ไม่สมควร ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ถือเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง แต่ถ้ามีพฤติกรรมอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น ทำหลายครั้ง หลอกเอาเงินทอง ใช้อำนาจหน้าที่บังคับข่มเหง กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง จะเป็นการกระทำผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ซึ่งมีบทลงโทษที่หนักขึ้น

ขณะที่ พ่อของสิบตำรวจตรี อดีตตำรวจ ตชด. วันนี้อยู่บ้านเพียงคนเดียว เล่าว่า หลังเกิดเรื่องขึ้นลูกชายได้กลับมาที่บ้าน ขอโทษ พ่อ แม่ และภรรยา ยอมรับผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ไม่ได้บอกเหตุผลว่าเพราะเหตุใดจึงทำเช่นนั้น บอกแต่เพียงว่ามีความจำเป็น ตนจึงอบรมสั่งสอนไปว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด โดยลูกชายได้อยู่พูดคุยประมาณ 45 นาที จากนั้นตนได้แนะนำให้ลูกชายออกไปพักอาศัยที่อื่นก่อน เพื่อลดบรรยากาศตึงเครียดภายในบ้าน และตั้งสติ ทบทวนในสิ่งที่กระทำไป ยอมรับด้วยว่าเสียใจกับสิ่งที่ถูกชายกระทำ และอยากให้กลับมาดูแลครอบครัว ดูแลลูกและภรรยาเหมือนเดิม ส่วนเรื่องที่ลูกสะใภ้จะเข้าไปร้องเรียนกับต้นสังกัด เพื่อเอาผิดลูกชายนั้น ลูกสะใภ้ยืนยันจะไม่ไปร้องเรียน เพราะหากสามีต้องถูกให้ออกจากราชการ ก็จะไม่มีรายได้มาเลี้ยงดูครอบครัว แต่ที่นำทะเบียนสมรสบุกเข้าไปในงานแต่งงานนั้น เป้าหมายก็เพื่อให้ผู้หญิงเลิกกับสามี และยุติการแต่งงาน.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย” ก๊วน “สุชาติ-ธรรมนัส-สันติ” ร่วมด้วย ด้านงูเห่า “เพื่อไทย-ปชป.” โผล่โชว์ตัว บรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคประชาชนมีมติโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางมาเพื่อรอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 11:00 น. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส. เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของกลุ่มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามมาด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย จากนั้น พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย เข้าชื่อส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 สส.เพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อได้รับทราบถึงการมีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสราวุธ แทนนายปัญญา ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้ นายปัญญา […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือน “อีสาน กลาง ใต้” รับมือฝนถล่ม

6 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ รับมือฝนถล่ม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี และตราด ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ทะเลอันดามันตอนล่าง และอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 8 – 9 ก.ย. โดยพายุนี้ไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

อดีตนายกฯ โพสต์พร้อมทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน-ตรวจสอบรัฐบาล

กรุงเทพ 5 ก.ย.- “แพทองธาร” ระบุ จากวันนี้เพื่อไทยทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานรัฐบาล บอก ไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดใหม่ พร้อมขอบคุณผู้สนับสนุน จะผ่านวันนี้ไปด้วยกัน และจะกลับมาด้วยหัวใจเพื่อประชาชน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ตลอดระยะเวลาการทำงานของพรรคเพื่อไทย เราผ่านสถานการณ์ทุกรูปแบบ ทั้งช่วงเวลาแห่งความสุข และช่วงเวลาที่ต้องแบกรับความยากลำบากร่วมกัน แต่สิ่งที่เราไม่เคยละวาง คือความหวัง โอกาส และอนาคตที่ดีกว่าของประชาชน จากวันนี้ เราจะทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล รักษาระบบรัฐสภาให้เดินหน้าตามวิถีทางประชาธิปไตย เราไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดใหม่นี้ แต่เราจะรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชน ด้วยความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย ขอบคุณกำลังใจและการสนับสนุนจากทุกท่าน เราทราบดีว่า การเดินทางร่วมกับพรรคเพื่อไทยจนถึงวันนี้ ต้องใช้ความเข้มแข็งและอดทนถึงเพียงไหน เราจะผ่านวันนี้ไปด้วยกัน และจะกลับมาด้วยหัวใจเพื่อประชาชน .-316 -สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ก้มกราบพ่อ หลังได้รับโหวตนั่งเก้าอี้นายกฯ

รัฐสภา 5 ก.ย.- “อนุทิน” ก้มกราบพ่อ หลังได้รับโหวตนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 เดินทางไปเยี่ยม นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล บิดา ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ภายหลังได้รับการโหวตจากสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ด้วยคะแนน 311 เสียง ทันทีที่ถึงโรงพยาบาล นายอนุทินได้ก้มกราบที่ตักพ่อ พร้อมสวมกอดระหว่างที่พ่อกำลังรับประทานอาหารเย็น ทั้งคู่มีสีหน้ายิ้มแย้ม สดใส ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายอนุทินจะเดินทางเข้าที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ในเวลา 20.00 น. ของวันนี้.-315 -สำนักข่าวไทย

เริ่มลงตัว! เปิดโผ​ “ครม.อนุทิน​ 1” แบ่งโควตาคนนอก 5 เก้าอี้

กทม.5 ก.ย.- เช็กโผ​ “ครม.อนุทิน​ 1” เริ่มลงตัว “ภูมิใจไทย” 12 เก้าอี้ แบ่งโควตาคนนอกอีก 5 เก้าอี้ มีชื่อ “เศรษฐพุฒิ” อดีตผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ นั่งขุนคลัง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากที่นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล​ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี​ จากสภาผู้แทนราษฎร ความเคลื่อนไหวการจัดตั้ง “ครม.อนุทิน 1” ก็ขยับทันที​ โดยมีการจัดสรรโควตาตามจำนวนเสียงที่ประกาศจัดตั้งรัฐบาลเสียง​ข้างน้อย​ ร่วมกัน​ 146 ประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย​ 12 เก้าอี้ เนื่องจากมีโควตาของคนนอก ที่จะไม่นับรวม อีก 5 เก้าอี้​ ส่วนพรรคกล้าธรรม 7 เก้าอี้ แบ่งเป็น 4 รัฐมนตรีว่าการ​ และ 3 รัฐมนตรีช่วยว่าการ ขณะที่​ พรรคพลังประชารัฐ​ 4​ เก้าอี้ กลุ่มนายสุชาติ​ ชมกลิ่น​ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ 4 […]