เร่งสางคดีฆ่าอำพรางศพ “น้องหลิว” ในไร่อ้อย 8 ปี

สระแก้ว 15 ก.พ.-สาวสระแก้ววัย 19 ปี ไปทำงานที่นิคมอุตสาหกรรมในปราจีนบุรี หายตัวไปตั้งแต่ปี 2555 พ่อแม่ตามหาตลอด สุดท้ายพบเป็นศพนิรนามถูกฆาตกรรมทิ้งในไร่อ้อย เพิ่งตรวจดีเอ็นเอพบว่าตรงกับแม่ หลังเธอหายตัวไป 8 ปี


นายสมศักดิ์ ยอดพะเนา และนางสุรีวรรณ ยอดพะเนา พ่อแม่ของนางสาวมยุรี ยอดพะเนา หรือน้องหลิว จุดธูปบอกกล่าววิญญาณของลูกสาวด้วยอาการเศร้าโศกเสียใจ ในบริเวณไร่อ้อย หมู่ 13 ตำบลท่าเกวียน อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว ที่มีผู้พบศพนิรนามเมื่อ 8 ปีก่อน ซึ่งต่อมาศพนั้นถูกพิสูจน์แล้ว พบว่าดีเอ็นเอตรงกับแม่ของน้องหลิว ทำให้พ่อแม่หมดหวัง จากที่เคยคิดมาตลอดก่อนหน้านี้ว่า ลูกสาวที่หายไปตั้งแต่ปี 2555 ยังไม่เสียชีวิต อาจไปทำงานที่อื่น แต่วันนี้ ทุกอย่างกระจ่างชัดให้พ่อแม่ต้องทำใจให้ได้ว่า น้องหลิวเสียชีวิตแล้วตั้งแต่ปีที่เธอหายตัวไป

เหตุการณ์ที่น้องหลิว หายตัวไป เกิดขึ้นเมื่อปี 2555 ตอนนั้นเธออายุ 19 ปี หายตัวไปจากบริเวณห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขาคลองรั้ง ตำบลท่าตูม อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2555 โดยในช่วงเวลานั้นน้องหลิวขี่รถจักรยานยนต์มาห้างโลตัส และจอดรถทิ้งไว้ที่นั่น แล้วขาดการติดต่อไป


ก่อนเกิดเหตุ น้องหลิว เพิ่งเดินทางจากบ้านที่ตำบลโคกสูง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว มาทำงานที่นิคมอุตสาหกรรม 304 อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี ได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน หลังจากน้องหลิวหายไป ครอบครัวได้เดินทางมาเก็บข้าวของเครื่องใช้ของน้องหลิวภายในหอพัก ใกล้นิคมอุตสาหกรรม 304 เมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2555 โดยภายในห้องพักยังมีเสื้อผ้าของใช้ทั่วไปในสภาพปกติ ไม่มีร่องรอยการรื้อค้น

ครอบครัวได้ออกติดตามหาน้องหลิว ทั้งสอบถามจากเพื่อนสนิท และเพื่อนที่ทำงานด้วยกันที่นิคมอุตสาหกรรม 304 ต่อมากลับมีผู้ปล่อยข่าวลือว่า น้องหลิวน่าจะไปทำงานที่ต่างประเทศ มี SMS เบอร์แปลกส่งหาเพื่อนสนิททำนองว่า “ไม่ต้องห่วง จะไปทำงานต่างประเทศ” ประกอบกับอุปนิสัยน้องหลิวที่เป็นคนช่วยเหลือตัวเอง เอาตัวรอดด้วยตัวเองมาตั้งแต่เป็นวัยรุ่น ครอบครัวจึงคิดว่า น้องหลิวอาจไปหางานทำที่อื่น หรือตัดสินใจกลับไปคบหาคืนดีกับชายต่างวัยที่มาติดพัน ซึ่งก่อนหน้าน้องหลิวจะหายตัวไป ได้มีปัญหาและพยายามจะเลิกรากัน โดยครอบครัวหวังว่าน้องหลิวน่าจะติดต่อกลับทางบ้านเมื่อหน้าที่การงานหรือชีวิตส่วนตัวลงตัว

6 เดือนต่อมา เดือนพฤศจิกายน 2555 ครอบครัวก็ยังไม่ได้ข่าวน้องหลิว จึงมาตามหาอีกครั้งและแจ้งความคนหาย ที่ สภ.ศรีมหาโพธิ์ และช่วงปี 2556-2561 ครอบครัวได้ติดตามโดยการถามข่าวจากเพื่อนสนิทและโพสต์ลงในโซเชียลมีเดีย กระทั่งปี 2562 จึงแจ้งคนหายไปยังมูลนิธิกระจกเงา ให้ช่วยติดตาม มูลนิธิกระจกเงา จึงประสานตรวจสอบข้อมูลความเคลื่อนไหวของคนหายในระบบราชการ ทำให้รู้ว่า น้องหลิวไม่มีการมาทำบัตรประชาชนใหม่ ไม่พบความเคลื่อนไหวในระบบบัตรทอง และประกันสังคม และไม่พบการเดินทางออกนอกประเทศ


อีกทั้งในระยะหลังพบคดีคนหายถูกฆาตกรรมและกลายเป็นศพนิรนามหลายศพ จึงมีการตั้งประเด็นเรื่องน้องหลิวอาจเสียชีวิตแล้วเป็นศพนิรนามนอกพื้นที่ที่หายไป ปี 2563 ทีมงานมูลนิธิกระจกเงา จึงลงพื้นที่ประสานงานตามโรงพยาบาลต่างๆในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี และสระแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อจุดที่หายไป กระทั่งพบข้อมูลศพนิรนามเพศหญิง ต้องสงสัย 3 ศพ ซึ่งทั้งหมดถูกฆาตกรรมเสียชีวิตและนำศพไปทิ้งอำพราง

ต่อมามีการเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอแม่ของน้องหลิว ตรวจเทียบกับดีเอ็นเอ ศพนิรนามทั้งสามศพ ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งได้เก็บตัวอย่างกระดูกของศพไว้ เมื่อนำมาเทียบดีเอ็นเอกัน พบว่า ศพหญิงนิรนามที่ถูกพบเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2555 บริเวณไร่อ้อย หมู่ 13 ตำบลท่าเกวียน อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว ตรงกับดีเอ็นเอของมารดาน้องหลิว

โดยขณะนั้น ตำรวจ สภ.วัฒนานคร รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบศพเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2555 หลังการหายตัวไปของน้องหลิว 8 วัน สภาพศพเน่าอืด ใบหน้าเปลี่ยนรูป ไม่มีเอกสารติดตัว ถูกนำส่งไปผ่าชันสูตรที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ พบบาดแผลจากการถูกยิงด้วยอาวุธปืนหลายจุด จากนั้นถูกส่งไปฝังที่สุสานแห่งหนี่งในจังหวัดชลบุรีนานกว่า 8 ปี กลายเป็นศพนิรนามไม่ทราบชื่อ กระทั่งเกิดการติดตามจนทราบว่าศพดังกล่าวเป็นน้องหลิวที่หายไปตัว

วันที่ 24 ธันวาคม 2563 แม่น้องหลิวเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดสระแก้ว ตรวจเทียบกับศพนิรนามศพนี้วันที่ 20 มกราคม 2564 แม่น้องหลิวเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ ที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดสระแก้ว อีกครั้ง เพื่อตรวจเทียบยืนยันกับศพนิรนามศพนี้ เนื่องจากการเก็บตัวอย่างครั้งแรกไม่สมบูรณ์ และวันที่ 24 มกราคม 2564 สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ยืนยันผลดีเอ็นเออย่างเป็นทางการว่า ดีเอ็นเอแม่น้องหลิว มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับศพหญิงนิรนามศพนี้

พ่อแม่ของน้องหลิว กล่าวด้วยความเศร้าโศกว่า ที่ผ่านมา ไม่คิดว่าลูกจะต้องเสียชีวิต ในใจคิดแต่ว่าลูกต้องไปทำงานที่ใดสักแห่ง และก็รอว่าสักวันลูกจะกลับมาที่บ้าน แต่หลังๆ เคยฝันเห็นลูกตัวดำ มาที่หน้าบ้าน เดินไปเดินมา จนกระทั่งมาทราบว่าลูกเสียชีวิต ก็เสียใจมาก และอยากรู้ว่า ทำไมคนร้ายจิตใจอำมหิต ทำไปเพื่ออะไร ฆ่าคนตายแล้วได้อะไร ส่วนตัวไม่ได้สงสัยใคร เชื่อมั่นว่าทางตำรวจจะนำตัวคนร้ายมาลงโทษได้ และอยากให้คนร้ายได้รับกรรมทางกฎหมายอย่างที่สุด ซึ่งไม่อโหสิกรรมให้คนร้าย ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย

พ.ต.อ.สาธิต มิตรรัก ผกก.สภ.วัฒนานคร กล่าวว่า คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อ 8 ปีที่แล้ว และล่าสุดคือวันที่ 28 มกราคม 2564 ครอบครัวน้องหลิวเดินทางมาแจ้งความเพิ่ม ที่ สภ.วัฒนานคร จึงดำเนินการสอบสวน โดยมี พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ รักษาราชการแทน ผบช.ภ.2 สั่งการให้ พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว ตั้งคณะทำงานสอบสวน โดยมี พ.ต.อ.พีระพงษ์ เหล่าธนาวิน รอง ผบก.ภ.จว.สระแก้ว เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ซึ่งขณะนี้ในทางคดีมีความคืบหน้าไปมาก และในตอนนี้ รอผลนิติวิทยาศาตร์ ส่วนประเด็นตั้งไว้ 3 ประเด็น คือ ชู้สาว ชิงทรัพย์ และความขัดแย้งส่วนตัว ซึ่งยังไม่ได้ตัดประเด็นใดออก คาดว่าจะสามารถปิดคดีนี้ได้ไม่เกินเดือนกุมภาพันธ์นี้อย่างแน่นอน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

เปิดภาพสายลับเขมรปลอมเป็นพระ ร่วมป่วนชายแดนสระแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – เปิดภาพสายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระสงฆ์ ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ร่วมก่อความวุ่นวายชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว จนท.ฝ่ายไทยเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยตรวจพบความเคลื่อนไหวสำคัญ โดยมีกลุ่มทหารกัมพูชา พร้อมด้วยกำนันลี บุคคลสำคัญในพื้นที่ฝั่งกัมพูชา ได้เกณฑ์ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านใกล้ชายแดนเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว คาดหมายว่า การรวมกลุ่มครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมเข้ารื้อถอนรั้วลวดหนาม ที่ฝ่ายไทยเพิ่งติดตั้งเสริมความมั่นคงตลอดแนวชายแดน ขณะเดียวกันฝ่ายความมั่นคงไทยได้ส่งโดรนบินตรวจการณ์เหนือพื้นที่ พบว่าฝั่งกัมพูชามีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ชาวบ้านเริ่มรวมตัวกันหนาแน่นมากขึ้น และมีสัญญาณว่ามีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ โดยไม่ใช่การรวมตัวตามธรรมชาติของชาวบ้านทั่วไป สายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระ ร่วมชุมนุมที่น่ากังวลไปกว่านั้นเจ้าหน้าที่ไทยสามารถยืนยันได้ว่ามีทหารสายลับของกัมพูชาปลอมตัวเป็นพระสงฆ์ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม โดยใช้ผ้าเหลืองบังหน้าเพื่อไม่ให้ถูกสงสัย ถือเป็นยุทธวิธีในการแทรกซึมและสอดแนมการทำงานของฝ่ายไทย ทั้งยังเสี่ยงต่อการสร้างสถานการณ์ บิดเบือนหากเกิดการเผชิญหน้า ด้านกองกำลังบูรพาและหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และชุดควบคุมฝูงชน ยังคงตรึงกำลังตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันการรุกล้ำพื้นที่ โดยพฤติกรรมของฝั่งกัมพูชาในระยะนี้สะท้อนให้เห็นถึงการจัดตั้งที่มี “ผู้ชี้นำเบื้องหลัง” คอยปลุกระดมและผลักดันชาวบ้านให้เข้ามาเคลื่อนไหว อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารื้อรั้วลวดหนาม หรือการปะทะกับเจ้าหน้าที่ไทย ขณะที่ฝ่ายไทยยังคงยืนยันการปฏิบัติในกรอบสากล ไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง ยกเว้นในกรณีที่ถูกบุกรุกหรือคุกคามความมั่นคงโดยตรง ด้านเพจ army military force ได้โพสภาพพร้อมข้อความวัยรุ่นเขมรโพสต์รูปพร้อมแคปชั่นท้าทาย “ไม่กลัวแก๊สนํ้าตาของพวกเสียม ถ้าแน่จริงก็ใช้มันเลย วันนี้ผมใส่หน้ากากครอบทั้งหน้า ไม่หวั่นกลัวสิ่งใดๆ ขอเพียงใช้แค่แก๊สนํ้าตาพอ กระสุนยางไม่ต้อง […]

รอง ผบ.ตร. ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที

สระแก้ว 18 ก.ย. – รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว ปรับแผนเตรียมรับมือ ป้องกันเหตุบานปลาย จ่อใช้กฎหมายดำเนินคดี ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที หลังจากเมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ช่วงบ่ายวันนี้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ พร้อมกับติดตามสถานการณ์ร่วมกับนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว และกรมป่าไม้ ณ ที่ว่าการอำเภอโคกสูง เพื่อปรับแผนเตรียมรับมือหากเกิดความไม่สงบขึ้น หลังจากการประชุม เวลา 16.30 น. พล.ต.อ.ไกรบุญ เปิดเผยว่า การเดินทางลงพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อหาวิธีไม่ให้เหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ แนวทางการปฏิบัติคือจะใช้กฎหมายจับกุมดำเนินคดีตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก ขอให้มั่นใจว่าจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยจะใช้พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง เป็นกฎหมายนำในการดำเนินคดี เมื่อมีการรุกล้ำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยจะจับกุมทันที และยังคงเน้นย้ำให้กำลังพลอดทนอดกลั้น รวมถึงอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อระบุตัวตนและดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อความวุ่นวาย ด้านชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ตั้งแต่อยู่ที่นี่มาตลอดชีวิตหนนี้เป็นหนที่ 3 ที่เกิดความวุ่นวายขึ้น ก่อนหน้านี้มีชาวกัมพูชาอพยพมาอาศัยอยู่หมู่บ้านจำนวนมาก […]

เร่งล่าโจรบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน

สระบุรี 18 ก.ย. – ตำรวจเร่งล่าตัวคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน บังคับเจ้าของร้านหยิบทองใส่ถุงผ้า มูลค่ากว่า 2 แสนบาท ก่อนออกจากร้านซิ่งรถจักรยานยนต์หลบหนีไป วงจรปิดร้านทองภายในตลาดใหม่ท่าลาน ริมถนนสายท่าลาน-ห้วยบง ต.บ้านครัว อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี จับภาพคนร้ายเป็นชายสวมหมวกกันน็อกสีแดง สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีครีม กางเกงยีน รองเท้าเตะ ใช้อาวุธมีดปลายแหลมจี้ลูกค้าในร้านเป็นตัวประกัน เพื่อบังคับให้เจ้าของร้านซึ่งเป็นหญิงสูงอายุ ส่งเงินและทองให้ ตอนแรกเจ้าของร้านพยายามเจรจาต่อรอง แต่คนร้ายต้องการเงินและข่มขู่จะฆ่าตัวประกันหากไม่ส่งทองให้ สุดท้ายเจ้าของร้านต้องหยิบทองให้คนร้ายไป เป็นสร้อยข้อมือทองคำเส้นละ 1 สลึง จำนวน 11 เส้น เป็นเงิน 220,000 บาท จากนั้นคนร้ายปล่อยตัวประกัน ก่อนจะออกจากร้านขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นเอ็นแม็กซ์ สีเทาดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลบหนีไป ตำรวจ สภ.บ้านหมอ ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ สืบสวนหาข้อมูลและกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนี เชื่อว่าไม่นานจะจับคนร้ายได้.-สำนักข่าวไทย

ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพงเครียด ปฏิเสธโกงเงินวัด ยันไม่มีสัมพันธ์สีกา

กรุงเทพฯ 18 ก.ย. – พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง เปิดใจเป็นครั้งแรก หลังถูกเพจดังกล่าวหาทุจริตเงินวัดและมีสัมพันธ์สีกา 3 คน ความเคลื่อนไหวภายในวัดหัวลำโพง พระอารามหลวง กลางกรุงเทพฯ ยังคงถูกจับตามอง หลังเกิดกระแสข่าวลือในสังคมออนไลน์ กล่าวหาผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดว่าอาจมีส่วนพัวพันทั้งเรื่องการบริหารจัดการเงินวัดไม่โปร่งใส และถูกเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์สีกาถึง 3 ราย จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ล่าสุด พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาคที่หนึ่ง ได้โทรศัพท์สอบถามให้พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับผู้สื่อข่าว ซึ่งสุดท้ายพระครูยอมเปิดใจผ่านโทรศัพท์เป็นครั้งแรก โดยระบุว่า หลังได้เห็นข่าวในโซเชียล ยอมรับว่ารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ในประเด็นแรก เรื่องการทุจริตเงินวัด พระครูฯ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเองมีเพียงรับเงินทำบุญจากญาติโยม จากนั้นก็จะส่งต่อให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนงานฌาปนกิจศพที่ตนดูแล เมื่อได้รับเงินจากเจ้าภาพก็จะทำการหักค่าแรงของคนงานออก ก่อนออกใบเสร็จยืนยัน ทุกขั้นตอนมีหลักฐานตรวจสอบได้ ส่วนข่าวลือเรื่องมีสัมพันธ์ชู้สาวกับสีกา 3 คน พระครูฯ ปฏิเสธหนักแน่นว่าไม่เป็นความจริงทั้งหมด โดย “นางกระแต” ที่ถูกอ้างว่าเป็นภรรยาคนแรกนั้น แท้จริงเป็นเพียงญาติโยมที่รู้จักกันมานานและจะมาทำบุญถวายสังฆทานเป็นครั้งคราวเท่านั้น ขณะที่ “นางแมว” เป็นอดีตคนงานวัด และ “นางดา” […]