ภูมิภาค 8 ก.พ. – เริ่มเข้าสู่เทศกาลตรุษจีน ร้านขายไก่ต้มเป็ดพะโล้ ในตลาดสด จ.เชียงใหม่ ยอดขายเพิ่ม 100 เท่า จากปกติขายได้แค่ 5-6 ตัว เพิ่มเป็น 600 ตัว
ร้านจำหน่ายไก่ต้มเป็ดพะโล้ ตลาดสดศิริวัฒนา ในตัวเมืองเชียงใหม่ เริ่มคึกคัก มีชาวไทยเชื้อสายจีนออกมาสั่งไก่ต้มและเป็ดพะโล้ล่วงหน้า เพื่อนำไปไหว้เจ้า ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ยอดขายยังคึกคักไม่แพ้ปีที่ผ่านมา
นางโสภา มโหฬาร อายุ 53 ปี เจ้าของร้านเป็ดพะโล้ ในตลาดศิริวัฒนา บอกว่า ปีนี้ประชาชนยังไหว้เจ้าเหมือนเดิม และสั่งไก่สดเพื่อทำไก่ต้ม 300 ตัว และเป็ดสดมาทำเป็ดพะโล้อีก 300 ตัว เพื่อส่งให้ลูกค้าขาประจำในช่วงตรุษจีน หากไม่ใช่ช่วงเทศกาลปกติจะขายได้แค่วันละ 5-6 ตัว
ส่วนที่นครสวรรค์ เมื่อคืนที่ผ่านมาที่หาดทรายต้นแม่น้ำเจ้าพระยา จัดงานเทศกาลตรุษจีนปากน้ำโพปีที่ 105 อย่างยิ่งใหญ่อลังการ มีการแสดงสิงโต 5 สายพันธุ์ การแสดงมังกรทอง รำนางฟ้า เอ็งกอ ที่สำคัญคือ องค์สมมติเจ้าแม่กวนอิม นอกจากนี้ยังมีการแสดงแสง สี เสียง โดยใช้เทคนิคการฉายภาพบนจอ หรือการแสดงแสง สี เสียง แสดงถึงประวัติความเป็นมาของตรุษจีนปากน้ำโพ และปิดท้ายด้วยการจุดพลุอันสวยงามตระการตา มีประชาชนจำนวนมากมาร่วมรอชมพิธีเปิด ซึ่งทางคณะกรรมการจัดงานมีมาตรการเข้มข้นในเรื่องระยะห่างทางสังคม การตรวจวัดอุณหภูมิ การสแกนบาร์โค้ดเข้างาน การสวมหน้ากากอนามัย รวมไปถึงการจัดที่นั่งแบบมีระยะห่างทางสังคม
ขณะที่ผลสำรวจใช้จ่ายตรุษจีนปี 64 คนส่วนใหญ่กังวลโควิด-19 ใช้จ่ายน้อยลงติดลบกว่าร้อยละ 21 แต่ยังมั่นใจโครงการภาครัฐจะดันเศรษฐกิจไทยดีขึ้น
โดยนางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ ที่ปรึกษาศูนย์พยาการณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยถึงพฤติกรรมและการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2564 ว่าจากผลสำรวจประชาชนกว่า 1,200 ตัวอย่าง ระบุว่าในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ ความคิดเห็นส่วนใหญ่พบว่ากลุ่มประชาชนเชื้อสายจีนยังคงจะไหว้เจ้าในช่วงเทศกาลตรุษ แต่ส่วนใหญ่ยังคงกังวลปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 2 ทำให้เทศกาลตรุษจีนในปีนี้ ม่ค่อยจะคึกคักมากนัก เพราะไม่มีมั่นใจปัญหาของโควิด-19
นอกจากนี้การใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนในปีนี้ หากเทียบกับช่วงเทศกาลตรุษจีนในปี 63 ถือว่าติดลบเพิ่มมากขึ้นถึงร้อยละ 21.85 หรือมีเม็ดเงินสะพัดในช่วงเทศกาลปีนี้เพียง 44,939 .67 ล้านบาท โดยเทียบกับปี 63 ติดลบเพียงร้อยละ 1.30 หรือมีเงินสะพัดมากกว่า 57,639 ล้านบาท เหตุผลที่การจับจ่ายน้อยลงมาจากปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ประกอบกับปัญหาทางเศรษฐกิจคนมีกำลังการจับจ่ายใช้สอยลดลง ซึ่งคนจะนำเงินจากที่ได้รับการช่วยเหลือผ่านโครงการของรัฐมาดำเนินการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่จะนำมาซื้อของเซ่นไหว้ ในช่วงนี้ยังมีเม็ดเงินอัดฉีดผ่านโครงการภาครัฐอีกหลายโครงการ ดังนั้น แม้ว่าเทศกาลตรุษจีนในปีนี้จะติดลบมากกว่าร้อยละ 21 หรือมีเงินหายจากระบบเมื่อเทียบกับตรุษจีนของปีที่ผ่านมากว่า 12,000 ล้านบาท แต่เชื่อว่ายังคงต้องติดตามโครงการไทยชนะและโครงการเรารักกัน โครงการคนละครึ่งที่จะมีเม็ดเงินรวมกันรวมกว่า 330,000 ล้านบาท ที่จะอัดฉีดเข้าระบบได้ต่อเนื่องไปอีก จึงเชื่อว่าจะดันเศรษฐกิจไทยกลับมาเป็นบวกได้ในช่วงปลายไตรมาสที่ 2 ของปี 64 นี้ได้ .-สำนักข่าวไทย