พังงา 2 ก.พ.- ชาวบ้านในพื้นที่ ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ช่วงน้ำทะเลลดต่ำสุด จึงออกมาหาล่า “ตัวโวยวาย” หารายได้เสริมในช่วงโควิด
ที่บริเวณแหลมปะการัง ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวชื่อดังย่านเขาหลักในช่วงที่น้ำทะเลลดต่ำ ชาวบ้านในพื้นที่ก็จะออกไปหาสัตว์ทะเลที่หลบซ่อนอยู่ตามแอ่ง เพื่อมาทำเป็นอาหารไว้รับประทานและขายเป็นอาชีพเสริม ชาวบ้านเรียก “ตัวโวยวาย” อาศัยหลบซ่อนอยู่ภายในซอกใต้ซากปะการัง ซึ่งจะใช้ก้ามปู หรือปูเปรี้ยว เสียบกับก้านไม้ไผ่ หรือ สายเอ็นทำเป็นเหยื่อล่อ แล้วแหย่ลงไปในโพรง เพื่อล่อให้ออกมา เมื่อมันกินเหยื่อจะใช้เหล็กแหลมแทงบริเวณส่วนหัวบริเวณใต้ตา ก่อนนำไปประกอบอาหารกินในบ้าน หากเหลือก็แบ่งขาย ส่วนที่มาของชื่อ “โวยวาย” เพราะสมัยโบราณหมึกนี้มีจำนวนมหาศาล เวลาจับจะร้องส่งเสียงระงม ประกอบกับเวลาจับหนวดมันดูดมือทำวุ่นวายไปหมด
สำหรับเมนูที่ชาวบ้านนิยมนำไปปรุงเป็นอาหาร คือ โวยวายผัดสับปะรด โวยวายผัดเครื่องรา(ผัดยี่หร่า) ส่วนราคาของตัวโวยวายสด จะตกอยู่ที่กิโลกรัมละ 200-250 บาท ซึ่งจะมีพ่อค้ามารับซื้อไปย่างจิ้มกับน้ำจิ้มรสเด็ดขายในตลาดอีกต่อหนึ่ง ทำให้มีบางคนทำเป็นอาชีพออกล่าตัวโวยวายทุกวัน
นายวรัช หันหวล อายุ 40 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ ต.คึกคัก เล่าให้ฟังว่าทุกวันในช่วงน้ำทะเลลง ก็จะออกไปหาโวยวายซึ่งก็ต้องใช้ความสามารถพิเศษของแต่ละคน ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ทุกคนจะทราบดีว่ารูไหนโวยวายอาศัยอยู่ แต่ละวันจะหาได้มากถึง 1-2 กิโลกรัม แต่หากนำไปขายที่ตลาดนัด พ่อค้าจะรับซื้อในราคากิโลกรัมละ 200 บาท ถือว่าเป็นรายได้ที่ดี โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 จะมีคนมาหาโวยวายเยอะเป็นพิเศษเนื่องจากว่าตกงานกลับมาอยู่บ้านไม่มีงานทำ
สำหรับตัวโวยวายนั้น จัดอยู่ในตระกูลหมึก จำพวกหมึกสายและหมึกยักษ์เล็ก ยาว 6–12 ซม. มีหนวด 8 เส้น โคนหนวดแต่ละเส้นมีแผ่นหนังเชื่อมติดกัน ด้านในของหนวดมีปุ่มดูดเรียงกันสองแถวสำหรับจับสัตว์กินเป็นอาหาร ลำตัวสีเทาอมดำหรือสีน้ำตาลอ่อน ด้านท้องสีขาว เป็นสัตว์ที่มีความฉลาดมาก จนเชื่อว่าเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังที่มีความเฉลียวฉลาดที่สุดในโลก.-สำนักข่าวไทย