บุรีรัมย์ 29 ม.ค.-ทหารเรี่ยไรเงินช่วยยายวัย 89 ใช้หนี้เบี้ยคนชรา คุณยายหลั่งน้ำตาซาบซึ้ง พร้อมขอบคุณทุกหน่วยงานที่มาช่วยเหลือ
จากกรณี ยาย 89 ปี ชาว อ.เฉลิมพระเกียรติ บุรีรัมย์ ที่ถูกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ขอคืนเงินเบี้ยคนชราที่จ่ายไปให้แล้วร่วม 10 ปี เป็นเงิน 84,000 ถึงกับหลั่งน้ำตา หลังทหารนำเงินมาปลดหนี้แทนทั้งหมด
เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา พลตรี ชลิต บรรจงปรุ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 21 พร้อมพันเอก สันติพงศ์ นารี หัวหน้าคลังแสงที่ 5 กองคลังแสง กรมสรรพาวุธทหารบก จ.นครราชสีมา ได้เดินทางมาเยี่ยม ยายบวน โล่สุวรรณ อายุ 89 ปี ชาวบ้านใน ต.เจริญสุข อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ มาพร้อมข้าวสารอาหารแห้งมามอบให้กับยายบวน พร้อมเงินที่เปิดบริจาคของหน่วยงานทหารมาชำระหนี้แทนยายบวนทั้งหมดที่ถูก อบต.เจริญสุข เรียกเบี้ยคนชรา จำนวน 84,000 บาท (รวมดอกเบี้ย 7.5%) คืน
เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากกรมบัญชีกลางตรวจย้อนหลังพบว่า นายบวน ได้รับเงินสวัสดิการซ้ำซ้อนกับเงินสวัสดิการของ จ่าสิบเอก จักราวุทธ โล่ห์สุวรรณ ลูกชาย ซึ่งเป็นทหารสังกัด มทบ.21 นครราชสีมา ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์คลังแสงระเบิดที่โคราช เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2544 และได้รับเงินสวัสดิการจากต้นสังกัดมาโดยตลอด จนล่าสุดเมื่อปี 2562 ได้รับเงินเพิ่มเป็นเดือนละ 10,000 บาท จากที่เคยได้รับเดือนละ 5,000 บาท ซึ่งผิดระเบียบของทางราชการ
พล.ต.ชลิต กล่าวว่า หลังจากรับทราบความเดือดร้อนของครอบครัว จ.ส.อ.จักราวุทธ ถึงแม้จะเสียชีวิตไปแล้ว ทางทหารก็ยังคงเป็นห่วง จึงได้ร่วมกันบริจาคเงินภายในทหาร แล้วเอามาช่วยเหลือครอบครัวทหารที่ได้รับความเดือดร้อน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจว่ายังไงทหารก็ไม่ทิ้ง
โดยยายบวน บอกว่า ไม่คิดว่าทหารจะมาให้ความช่วยเหลือ เห็นแล้วคิดถึงลูกชายที่จากไป ยอมรับว่าที่ผ่านมาเครียดมาก ตอนนี้น้ำตาไหลจนพูดไม่อออก และอยากขอบคุณทุกหน่วยงานที่มาช่วยเหลือ
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี บอกว่าประเด็นนี้ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง กำลังพูดคุยกันอยู่ โดยลำดับแรกต้องเรียกคืนก่อน เมื่อเรียกเสร็จแล้วก็จะไปแก้ระเบียบเพื่อไปผ่อนผัน ยอมรับว่า กระบวนการเริ่มต้นจะต้องคืนเงินก่อน แต่ถึงเวลาจริงจะคืนหรือไม่คืนค่อยว่ากัน
รองนายกรัฐมนตรี บอกว่า หากมีการแก้ระเบียบก็อาจจะไม่ต้องคืน แต่ตอนนี้ต้องหยุดเพื่อที่จะไม่ต้องมีการจ่ายเดือนถัดไป และเมื่อแก้ระเบียบต้องใช้เวลานานหรือไม่ก็ยังไม่ทราบ เพราะต้องดูว่ามีทั้งหมดกี่เคสและแต่ละเคสเหมือนกันหมดหรือไม่ต้องให้เขาคุยกัน ถ้าผู้สูงอายุสุจริตก็ไม่จำเป็นต้องเดือดเนื้อร้อนใจ ซึ่งส่วนใหญ่ก็สุจริตอยู่แล้ว ทั้งนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เคยมาปรึกษาตน แต่ตนเองก็ได้ติดตามเรื่องนี้อยู่.-สำนักข่าวไทย
