มุกดาหาร 26 ม.ค. – “ลุงพล” พร้อมทนาย เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาคดีครอบครองไม้หวงห้าม และทำร้ายผู้สื่อข่าวแล้ว โดยลุงพลให้การปฏิเสธทั้ง 2 คดี เนื่องจากไม่มีเจตนาครอบครองไม้ แต่เป็นเพราะความไม่รู้ และไม่มีเจตนาหลอกลวง
นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล พร้อมทนายส่วนตัว เดินทางเข้าพนักงานสอบสวน สภ.กกตูม อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร และยังมีนางสมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต๋น ภรรยา ไปร่วมด้วยเพื่อให้กำลังใจ แต่ไร้เงายูทูบเบอร์ติดตาม
ลุงพลเข้ารับทราบข้อกล่าวหาฐานครอบครองไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต จากพฤติการณ์ลุงพลครอบครองไม้มะค่าแต้ และอ้างเป็นไม้ตะเคียนให้ผู้ที่มีความเชื่อเข้ากราบไหว้ขอพร ข้อหาทำร้ายร่างกาย ข่มขืนจิตใจ และพยายามชิงทรัพย์ จากคดีทำร้ายร่างกายผู้สื่อข่าวและแย่งไมค์ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ลุงพลให้การปฏิเสธทั้ง 2 คดี เนื่องจากไม่มีเจตนาครอบครองไม้ แต่เป็นเพราะความไม่รู้ และไม่มีเจตนาหลอกลวง เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ส่วนคดีทำร้ายร่างกายนักข่าวก็ไม่มีเจตนาทำร้ายร่างกาย แม้ภาพจะปรากฏออกมาถึงความรุนแรง แต่เจตนาแท้จริงเพียงแค่หยอกล้อกัน เพราะสนิทกับผู้สื่อข่าวทั้ง 2 ช่อง สำหรับขั้นตอนจากนี้ พนักงานสอบสวนจะรวบรวมเอกสารส่งอัยการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
ภายหลังเสร็จสิ้นจากการเข้ารับทราบข้อหา ลุงพลได้เดินทางไปพบกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม จากเดิมกำหนดว่าจะไปไหว้พระขอพรร่วมกัน แต่ได้ยกเลิกกิจกรรมไหว้พระทำบุญ แต่จะมีการพูดคุยปรึกษาเรื่องคดีน้องชมพู่เป็นการส่วนตัว ก่อนที่ทนายตั้มจะเดินทางกลับ กทม. และจะกลับมาลงพื้นที่บ้านกกกอกขึ้นพิสูจน์ภูเหล็กไฟ จุดพบศพน้องชมพู่ ว่าสามารถเดินขึ้นมาเสียชีวิตเองได้หรือไม่
นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้บอกให้ลุงพลไปรับทราบข้อกล่าวหาด้วยตนเอง ไม่อยากมีปัญหาเรื่องการเดินทางออกจากที่พัก ซึ่งคดีเรื่องไม้ ลุงพลให้การภาคเสธ เพราะไม่รู้เป็นไม้หวงห้าม เข้าใจว่าเป็นไม้ชนิดหนึ่ง ไม่มีเจตนาครอบครองไว้เพื่อตัวเอง แต่เอามาให้ชาวบ้านที่มีจิตศรัทธาไว้กราบไหว้ ส่วนอีกคดีเรื่องทำร้ายร่างกายและชิงทรัพย์กับนักข่าว ในเรื่องทำร้ายร่างกายรับสารภาพว่าทำจริง ส่วนเรื่องชิงทรัพย์ก็ปฏิเสธไป เพราะไม่ได้มีเจตนาจะยึดหรือเอาไปทำอะไร ซึ่งทั้ง 2 คดีเป็นเรื่องเฉพาะหน้า จริงๆ ตั้งใจมาดูคดีเรื่องน้องชมพู่ แต่พอมาถึงก็มีอีก 2 เรื่อง ลุงพลก็ขอไว้ พร้อมมองว่ามีคนร้องทุกข์กล่าวโทษลุงพลในเรื่องอื่นนอกเหนือจากคดีน้องชมพู่ เหมือนเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้สังคมมองลุงพลว่าทำผิด
ส่วนรับเป็นทนายให้กับลุงพลหรือยังนั้น ยืนยันตามกติกาเดิม ต้องขอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน เพราะไม่มีโอกาสได้ทำงาน ยืนยันว่าคลายล็อกจากการกักตัวแล้วจะเดินทางไปที่บ้านกกกอกในทันที
ส่วนกระแสข่าวที่ว่าลุงพลจ้างทนายความก่อน เพราะลุงพลร้อนตัวหรือไม่ เรื่องนี้รู้สึกขำมาก เพราะลุงพลยังไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องหา การจะจ้างทนายไม่จำเป็นต้องตกเป็นผู้ต้องหาก่อน ส่วนกำหนดการ 1-2 วัน จะอยู่ในพื้นที่สกลนคร และมุกดาหาร แต่ปรากฏว่าไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ คงต้องรอไปก่อน แต่รับรองว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร จากนั้นทนายตั้มได้เดินทางกลับทันทีตามคำสั่งและความร่วมมือของจังหวัดสกลนคร ในป้องกันมาตรการโควิด-19 .-สำนักข่าวไทย