fbpx

บุกจับท่าทราย บุกรุกป่า ขุดทรายเกินอนุญาตกว่า 6 เท่า

เชียงใหม่ 24 ม.ค.-ตำรวจ ปทส. ตรวจสอบท่าขุดทรายในเชียงใหม่ พบลักลอบขุดทรายเกินกว่าได้รับอนุญาตถึง 6 เท่า เข้าข่ายบุกรุก ทำลายสิ่งแวดล้อม และยังพบยาเสพติดในกลุ่มคนงานด้วย


เจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ ปทส. สนธิกำลังตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 จ.เชียงใหม่ เข้าตรวจสอบท่าทรายแม่น้ำปิง ตำบลฮอด อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ พบคนงานกำลังขุดทรายอยู่ในแม่น้ำปิงที่เกิดเหตุ หลังได้รับการร้องเรียนมีการดูดเอาทราย ในแม่น้ำปิงโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทำให้ระบบนิเวศเสียหาย และไม่มีการทำประชาพิจารณ์

โดยพบคนงานกำลังใช้เครื่องจักรขุดตักทรายจากแม่น้ำปิงขึ้นมาบนฝั่ง เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปแสดงตัวและขอดูใบอนุญาต สถานประกอบการ ต่อมานายอธิปวัชร์ ใจวัง เดินทางมายังบริเวณท่าทรายแสดงตัวเป็นเจ้าของได้รับอนุญาตประกอบกิจการดูดทรายดังกล่าว จากการตรวจสอบพบว่าท่าทรายดังกล่าวได้รับอนุญาตให้ตักทรายพื้นที่ 5 ไร่กลางแม่น้ำปิง แต่ผู้ประกอบการได้ทำการขุดและดูดทรายนอกพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีการบุกรุกพื้นที่ป่ารวมทั้งหมด 32 ไร่


ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้นำคนงานที่กำลังทำงานใช้เรือดูดทรายกลางแม่น้ำนอกพื้นที่มาตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดพบว่ามีผลเป็นบวก 3 คน และตรวจค้นพบยาบ้าในตัวคนงาน 12 เม็ด และได้ควบคุมตัวนายทุนและคนงานไปดำเนินคดีเบื้องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกันเข้าไปยึดถือ ครอบครอง รวมตลอดถึงการก่นสร้าง หรือเผาป่า ทำด้วยประการใดให้เป็นการทำลาย หรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน ที่หิน ที่กรวด หรือที่ทราย หรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดอันเป็นอันตรายแก่ทรัพยากรในที่ดินรวมทั้งคดีเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษรวม 9 ข้อหา พร้อมกับยึดของกลางที่ใช้ในการกระทำความผิดประกอบด้วย รถแบกโฮ 2 คัน เรือดูดทราย 2 ลำ เครื่องคัดแยก หิน กรวด ทราย หรือดิน 2 เครื่อง ทรายของกลางรวม 4,840 ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นเงินกว่า 435,600 บาท

พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผู้กำกับการ 4 บก.ปทส. กล่าวว่า ก่อนการจับกุมเจ้าหน้าที่ได้รับการร้องเรียนว่ามีการประกอบกิจการดูดทรายโดยกระทำความผิดลักลอบทำลายทรัพยากรธรรมชาติด้วยวิธีการนำรถขุดตักดิน (แบกโฮ) ทำการขุดเอาหิน กรวด ทราย หรือดินในแม่น้ำ แล้วใช้เรือดูดทรายดูดเอาทรายไปจำหน่ายเพื่อการค้าอันเป็นการประกอบธุรกิจเชิงพาณิชย์ การขุดลอกไม่มีการทำประชาพิจารณ์ซึ่งผิดกฎหมาย กฎ ระเบียบ ประกาศ หรือเงื่อนไขที่ทางราชการกำหนดให้ปฏิบัติ การกระทำดังกล่าวส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทำให้ระบบนิเวศวิทยาเสียหาย ส่งผลกระทบต่อการการดำรงชีพโดยปกติสุขของประชาชนในพื้นที่และยังมีอีกหลายท่าทราย ที่จะต้องตรวจสอบ

พ.ต.อ.ศานุวงษ์ กล่าวว่า กรณีนี้พบว่า ส่วนใหญ่ท่าทรายจะเป็นของผู้ที่มีอิทธิพลในพื้นที่เป็นผู้ประกอบการทั้งหมด ชาวบ้านจึงเกรงกลัวอิทธิพลมืด จึงแจ้งให้ตำรวจเข้าดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ ปทส. เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงพบการบุกรุกพื้นที่ดูดทรายนอกพื้นที่ขออนุญาต อีกทั้งพนักงานพัวพันเกี่ยวข้องกับยาเสพติดดังกล่าวด้วย ต่อจากนี้ไปจะต้องดำเนินการตรวจสอบทุกท่าทรายที่อยู่ในพื้นที่.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

“สารวัตรแจ๊ะ” ยื่นฟ้องหมิ่น “ทนายรัชพล” กล่าวหาจับแพะติดคุกฟรีปีกว่า

“สารวัตรแจ๊ะ” พร้อมทนายความ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาททนายดัง และฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ยันไม่ได้นําตัวไปเซฟเฮาส์ ด้านทนายเผยพบหลักฐานทนายคู่กรณีบีบผู้เสียหายกลับคําให้การ แบ่งเงินคนละครึ่ง

ข่าวแนะนำ

“บิ๊กต่าย” ยันทำตามหน้าที่ ไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้ง “บิ๊กโจ๊ก”

“บิ๊กต่าย” แถลงข่าวการจับยาเสพติด ยันไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้ง “บิ๊กโจ๊ก” ย้ำทำตามหน้าที่รักษาการฯ ไม่มีเวลาเอาสมองไปคิดเรื่องปลดป้ายชื่อ ส่วนปมหลอกนายกฯ ยืนยันเป็นตำรวจตัวเล็กจะไปทำกับผู้นำประเทศได้อย่างไร ยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่กระทบบริหารตำรวจทั่วประเทศ

ระทึกถังสารแอมโมเนียโรงน้ำแข็งระเบิดอีก

วิ่งหนีอลหม่าน! ถังสารแอมโมเนียโรงน้ำแข็งระเบิด ย่านตลาดสดเทศบาลนางัว อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี คาดสาเหตุจากอากาศร้อนจัด

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศร้อนจัด-กลางวันฟ้าหลัว

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีอากาศร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวตอนกลางวัน แนะหลีกเลี่ยงการทำงานหรือการประกอบกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นระยะเวลานาน ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อากาศร้อนจัดบางแห่ง โดยมีฝนฟ้าคะนอง 10%

ญาติคาใจ ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ

เหตุการณ์ตำรวจ สภ.จอหอ จังหวัดนครราชสีมา ขับรถกระบะไล่ล่า เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์คนร้ายคดีลักทรัพย์ จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ญาติคาใจการทำหน้าที่ของตำรวจว่า น่าจะทำเกินกว่าเหตุ ไม่เป็นไปตามยุทธวิธี ล่าสุด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว