เชียงใหม่ 24 ม.ค.-ตำรวจ ปทส. ตรวจสอบท่าขุดทรายในเชียงใหม่ พบลักลอบขุดทรายเกินกว่าได้รับอนุญาตถึง 6 เท่า เข้าข่ายบุกรุก ทำลายสิ่งแวดล้อม และยังพบยาเสพติดในกลุ่มคนงานด้วย
เจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ ปทส. สนธิกำลังตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 จ.เชียงใหม่ เข้าตรวจสอบท่าทรายแม่น้ำปิง ตำบลฮอด อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ พบคนงานกำลังขุดทรายอยู่ในแม่น้ำปิงที่เกิดเหตุ หลังได้รับการร้องเรียนมีการดูดเอาทราย ในแม่น้ำปิงโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทำให้ระบบนิเวศเสียหาย และไม่มีการทำประชาพิจารณ์
โดยพบคนงานกำลังใช้เครื่องจักรขุดตักทรายจากแม่น้ำปิงขึ้นมาบนฝั่ง เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปแสดงตัวและขอดูใบอนุญาต สถานประกอบการ ต่อมานายอธิปวัชร์ ใจวัง เดินทางมายังบริเวณท่าทรายแสดงตัวเป็นเจ้าของได้รับอนุญาตประกอบกิจการดูดทรายดังกล่าว จากการตรวจสอบพบว่าท่าทรายดังกล่าวได้รับอนุญาตให้ตักทรายพื้นที่ 5 ไร่กลางแม่น้ำปิง แต่ผู้ประกอบการได้ทำการขุดและดูดทรายนอกพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีการบุกรุกพื้นที่ป่ารวมทั้งหมด 32 ไร่
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้นำคนงานที่กำลังทำงานใช้เรือดูดทรายกลางแม่น้ำนอกพื้นที่มาตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดพบว่ามีผลเป็นบวก 3 คน และตรวจค้นพบยาบ้าในตัวคนงาน 12 เม็ด และได้ควบคุมตัวนายทุนและคนงานไปดำเนินคดีเบื้องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกันเข้าไปยึดถือ ครอบครอง รวมตลอดถึงการก่นสร้าง หรือเผาป่า ทำด้วยประการใดให้เป็นการทำลาย หรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน ที่หิน ที่กรวด หรือที่ทราย หรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดอันเป็นอันตรายแก่ทรัพยากรในที่ดินรวมทั้งคดีเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษรวม 9 ข้อหา พร้อมกับยึดของกลางที่ใช้ในการกระทำความผิดประกอบด้วย รถแบกโฮ 2 คัน เรือดูดทราย 2 ลำ เครื่องคัดแยก หิน กรวด ทราย หรือดิน 2 เครื่อง ทรายของกลางรวม 4,840 ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นเงินกว่า 435,600 บาท
พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผู้กำกับการ 4 บก.ปทส. กล่าวว่า ก่อนการจับกุมเจ้าหน้าที่ได้รับการร้องเรียนว่ามีการประกอบกิจการดูดทรายโดยกระทำความผิดลักลอบทำลายทรัพยากรธรรมชาติด้วยวิธีการนำรถขุดตักดิน (แบกโฮ) ทำการขุดเอาหิน กรวด ทราย หรือดินในแม่น้ำ แล้วใช้เรือดูดทรายดูดเอาทรายไปจำหน่ายเพื่อการค้าอันเป็นการประกอบธุรกิจเชิงพาณิชย์ การขุดลอกไม่มีการทำประชาพิจารณ์ซึ่งผิดกฎหมาย กฎ ระเบียบ ประกาศ หรือเงื่อนไขที่ทางราชการกำหนดให้ปฏิบัติ การกระทำดังกล่าวส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทำให้ระบบนิเวศวิทยาเสียหาย ส่งผลกระทบต่อการการดำรงชีพโดยปกติสุขของประชาชนในพื้นที่และยังมีอีกหลายท่าทราย ที่จะต้องตรวจสอบ
พ.ต.อ.ศานุวงษ์ กล่าวว่า กรณีนี้พบว่า ส่วนใหญ่ท่าทรายจะเป็นของผู้ที่มีอิทธิพลในพื้นที่เป็นผู้ประกอบการทั้งหมด ชาวบ้านจึงเกรงกลัวอิทธิพลมืด จึงแจ้งให้ตำรวจเข้าดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ ปทส. เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงพบการบุกรุกพื้นที่ดูดทรายนอกพื้นที่ขออนุญาต อีกทั้งพนักงานพัวพันเกี่ยวข้องกับยาเสพติดดังกล่าวด้วย ต่อจากนี้ไปจะต้องดำเนินการตรวจสอบทุกท่าทรายที่อยู่ในพื้นที่.-สำนักข่าวไทย