292 แรงงานข้ามชาติเฮ! กักตัวครบไม่พบเชื้อโควิด

ภูมิภาค 11 ม.ค. – รองผู้ว่าฯ สมุทรสาคร พร้อมผู้แทนจากหลายภาคส่วน ร่วมกันส่งตัวแรงงานข้ามชาติ 292 คน ที่กักตัวอยู่ในศูนย์ห่วงใยคนสาครแห่งที่ 1 กลับคืนสู่ตลาดกลางกุ้ง หลังจากกักตัวจนครบกำหนดระยะเวลา 10-14 วัน แล้วตรวจซ้ำไม่พบเชื้อโควิด-19 เป็นการยืนยันว่าแรงงานข้ามชาติทั้ง 292 คน ปลอดเชื้อ ปลอดภัย ปลอดโควิด-19 แน่นอน


นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง แถลงสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ในเขตพื้นที่จังหวัดระยอง โดยเมื่อวานนี้ (10 ม.ค.) ตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 15 ราย รวมยอดสะสมทั้งสิ้น 509 ราย เสียชีวิต 1 ราย ในจำนวนนี้รักษาหายกลับบ้านแล้ว 249 ราย อย่างไรก็ดี จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้มองว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจังหวัดระยอง ยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะสามารถหยุดการแพร่ระบาดของโรคลงได้เมื่อใด แม้ที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นปีใหม่เรื่อยมาจะพบว่ายอดจำนวนผู้ป่วยรายใหม่จะลดลงต่อเนื่องมาตามลำดับ จนเหลือเพียงเลขตัวเดียวก็ตาม จนทำให้หลายฝ่ายโล่งใจว่าจะสามารถยับยั้งโรคร้ายลงได้โดยเร็ว แต่มาถึงวันนี้พบว่าจำนวนผู้ป่วยรายใหม่พุ่งขึ้นไปเป็นเลข 2 ตัว ทำให้จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 สะสมในจังหวัดระยอง พุ่งทะลุ 500 ราย

จึงเป็นเหตุผลที่อยากขอความร่วมมือชาวระยองการ์ดอย่าตก เนื่องจากสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่สามารถจะสรุปหรือไว้วางใจได้จังหวัดระยองยังเป็นพื้นที่เสี่ยง ส่วนการตรวจค้นหาผู้ป่วยในเชิงรุกจึงยังต้องดำเนินการไปต่อเนื่อง ขณะนี้ได้ดำเนินการตรวจค้นเชิงรุกกลุ่มเสี่ยงแล้ว จำนวน 11,731 ราย


นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมผู้แทนจากหลายภาคส่วน ร่วมกันส่งตัวแรงงานข้ามชาติ 292 คน ที่ถูกกักตัวอยู่ในศูนย์ห่วงใยคนสาครแห่งที่ 1 สนามกีฬากลางจังหวัดสมุทรสาคร กลับคืนสู่ตลาดกลางกุ้ง จ.สมุทรสาคร หลังจากกักตัวจนครบกำหนดระยะเวลา 10-14 วัน แล้วตรวจซ้ำไม่พบเชื้อโควิด-19 เป็นการยืนยันว่าแรงงานข้ามชาติทั้ง 292 คน ปลอดเชื้อ ปลอดภัย ปลอดโควิด-19 แน่นอน โดยทุกคนที่จะได้เดินทางกลับสู่ตลาดกลางกุ้ง ต่างรู้สึกดีใจ เร่งขนข้าวขนของขึ้นรถ พร้อมกันนี้ยังได้รับถุงยังชีพจากสภากาชาดไทย เป็นขวัญและกำลังใจแก่ทุกคน คนละ 1 ถุงอีกด้วย

เมื่อรถนำส่งกลุ่มผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 กลับมาสู่ตลาดกลางกุ้ง มีบรรดาเพื่อนๆ แรงงานข้ามชาติที่อยู่ในตลาดกลางกุ้ง มารอรับกันอย่างใจจดใจจ่อ และดีใจส่งเสียงเฮปรบมือลั่น เมื่อรถขับเข้ามาถึงภายในตลาด ซึ่งรอยยิ้มนั้นไม่เพียงแค่ปรากฏบนใบหน้าของแรงงานข้ามชาติที่ได้กลับมาเท่านั้น แต่รอยยิ้มยังมีให้เห็นบนใบหน้าของแรงงานที่มารอรับทุกคนกลับมาอีกด้วย

สำหรับขั้นตอนเมื่อกลับมาถึงตลาดกลางกุ้งแล้วจะต้องทำทะเบียนประวัติบุคคลเข้าพื้นที่ควบคุมพิเศษ โดยมีเจ้าหน้าที่ ตม.สมุทรสาคร คอยตรวจเอกสารที่แรงงานข้ามชาติจะต้องยื่น เพื่อกรอกข้อมูล ประกอบด้วย หนังสือรับรองผ่านการตรวจหาเชื้อโควิด-19 จากสำนักงานสาธารณสุข และพาสปอร์ต


ในส่วนของแรงงานข้ามชาติที่ยังคงต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษในตลาดกลางกุ้งคือ กลุ่มก้อนสีขาว หรือผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อ มีอีกราวๆ 1,000 คน ส่วนผู้ที่ตรวจพบเชื้อประมาณ 700 คน ถูกแยกออกไปอยู่ในศูนย์ห่วงใยคนสาคร ตามกระบวนการคัดกรองโรค ส่วนที่เหลือคือผู้ที่ติดเชื้อแล้ว รักษาหายแล้ว จนมีภูมิคุ้มกันแล้ว และได้กลับมาอยู่ในตลาดกลางกุ้งอีกครั้ง ดังนั้น หากกลุ่มก้อนที่สีขาวที่จะต้องมีการตรวจหาเชื้อซ้ำอีกครั้งในวันที่ 22 มกราคมนี้ ถ้าไม่มีการพบเชื้อเพิ่ม หรือพบเพียงเล็กน้อย จะเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าตลาดกลางกุ้งปลอดภัย

ที่จังหวัดเพชรบุรี นางวันเพ็ญ มังศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ระบุว่า การตรวจหาเชื้อบุคคลกลุ่มเสี่ยงของจังหวัด พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 3 ราย ทั้งหมดเป็นหญิงจากโรงงานปลากระป๋อง จังหวัดสมุทรสาคร อายุ 41 ปี, 43 ปี, 55 ปี โดยทั้ง 3 ราย เดินทางไปทำงานที่โรงงานปลากระป๋อง แบบไป-กลับ กระทั่งโรงงานปิด และทราบข่าวว่ามีเพื่อนในโรงงานติดเชื้อ ประกอบกับมีอาการน้ำมูกไหล ไอ เจ็บคอ และลิ้นสัมผัสไม่มีรส จึงเข้าทำการตรวจหาเชื้อและรักษา เมื่อวันที่ 8 มกราคม กระทั่งพบเชื้อดังกล่าว โดย 1 ราย รักษาตัวที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้า อีก 2 ราย รักษาตัวที่โรงพยาบาลบ้านแหลม ซึ่งสาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรีได้สอบสวนโรคและนำผู้สัมผัสใกล้ชิดตรวจเชื้อและกักตัว โดยอยู่ในระหว่างดำเนินการ ซึ่งบางส่วนผลเป็นลบ แต่ยังต้องเฝ้าระวัง เพื่อทำการตรวจซ้ำอีก

ส่วนการดูแลผู้รักษาหาย 12 ราย ที่เดินทางกลับบ้านแล้ว แม้จะรักษาหายแล้วแต่ยังคงต้องกักตัวเองอีก 14วัน โดยจังหวัดเพชรบุรีจะดูแลด้านอาหารการกินจนครบ 14 วัน และฝากถึงชุมชนว่าสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างสบายใจ

สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ของเพชรบุรี ผลการส่งตรวจทั้งหมด 9,726 ราย ไม่พบเชื้อ 9,423 ราย และกำลังรอผล 276 ราย รวมยอดสะสมผู้ติดเชื้อ 27 ราย รักษาหายแล้ว 12 ราย กำลังรักษาอีก 15 ราย

ที่อุบลราชธานี นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี และประธานกรรมการโรคติดต่อจังหวัด แถลงผลการตรวจพบผู้ป่วยรายที่ 3 เป็นชายอายุ 62 ปี เป็นชาวบ้านตำบลสว่าง อำเภอสว่างวีระวงศ์ มีอาชีพขายผักตามตลาดนัดในอำเภอสว่างวีระวงศ์ มีอาการไอ หอบเหนื่อยมา 1 วัน และค่ำวันที่ 8 มกราคม เข้ารักษาตัวเบื้องต้นที่โรงพยาบาลอำเภอสว่างวีระวงศ์ และถูกส่งต่อมาที่โรงพยาบาลวารินชำราบ เช้าวันที่ 9 มกราคม แพทย์สงสัยจะติดเชื้อโควิด-19 จึงนำเข้าห้องแยกโรค พร้อมเก็บหาเชื้อส่งตรวจ กระทั่งดึกผลยืนยันพบเชื้อโควิด-19 อาการล่าสุดช่วงเที่ยงวานนี้ยังรู้สึกตัวดี จากนี้ต้องเฝ้าระวังจะมีอาการใดแทรกซ้อนหรือไม่

สำหรับประวัติเสี่ยงการติดเชื้อคือ ช่วงวันที่ 26 ธันวาคม 2563 ถึงวันที่ 1 มกราคม 2564 ลูกชายและครอบครัว ซึ่งทำงานอยู่บริษัทรถยนต์ในอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เดินทางกลับมาเยี่ยมและพักที่บ้าน ระหว่างนั้นผู้ป่วยยังไปขายผักตามปกติ และวันที่ 7 มกราคม ไปร่วมงานแต่งที่ตำบลโพธิ์ศรี อำเภอพิบูลมังสาหาร และเริ่มป่วยในวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา ทีมสอบสวนโรคจึงโทรศัพท์แจ้งลูกชายและครอบครัวที่เดินทางมาเยี่ยมในช่วงปีใหม่ให้ไปรับการตรวจหาเชื้อในภูมิลำเนาที่อยู่ ส่วนภรรยา รวมกับคนในครอบครัว 4 คน เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลอำเภอวารินชำราบ 26 คน รวมทั้งผู้ป่วยที่มานอนรักษาตัวด้วยกัน 5 คน และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลอำเภอสว่างวีระวงศ์ 10 คน ให้กักตัวดูอาการเป็นเวลา 14 วัน

สำหรับผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำตามไทม์ไลน์ของผู้ป่วยที่เดินทางไปขายผัก ร่วมทั้งงานแต่ง รายงานตัวกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและ อสม. ใกล้บ้าน เพื่อเฝ้าสังเกตอาการในระยะนี้ด้วย ทุกคนต้องกักตัวอยู่ที่บ้านก่อน หากจำเป็นต้องออกจากบ้านให้สวมหน้ากากตลอดเวลา แต่ดีที่สุดคือให้อยู่กับบ้านไปก่อน

ส่วนที่เชียงใหม่ เมื่อเย็นวานนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (EOC) จังหวัดเชียงใหม่ ออกประกาศสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ว่าเชียงใหม่พบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่ม 1 ราย เป็นผู้ป่วยรายที่ 64 ของเชียงใหม่ เบื้องต้นสอบสวนโรคพบว่าเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับสถานบันเทิง รอแถลงผลสอบสวนโรค รวมถึงรายละเอียดไทม์ไลน์ผู้ป่วยต่อไป .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

สหรัฐเรียกร้องไทย-กัมพูชาหยุดยิงทันที

วอชิงตัน 25 ก.ค. – สหรัฐเรียกร้องไทยและกัมพูชาหยุดยิงทันที หลังความขัดแย้งตามแนวชายแดนทวีความรุนแรง จนเกิดความสูญเสียต่อพลเรือน ส่วนจีนส่งเสริมให้เจรจาสันติภาพ ยันยันวางตัวเป็นกลางในความขัดแย้งระหว่างสองชาติพันธมิตรของจีนในอาเซียน โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐกล่าวระหว่างแถลงข่าวเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐรู้สึกกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ความรุนแรงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ขยายวงกว้าง และแสดงความเสียใจต่อรายงานความสูญเสียของพลเรือน พร้อมเรียกร้องให้หยุดยิงทันที พร้อมปกป้องชีวิตพลเรือนและแก้ปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติ ด้านโฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน แถลงในกรุงปักกิ่งเมื่อวานนี้ว่า ทั้งไทยและกัมพูชาต่างก็เป็นมิตรประเทศของจีน และเป็นสมาชิกที่สำคัญของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน มิตรภาพอันดีระหว่างเพื่อนบ้านและการจัดการความแตกต่างอย่างเหมาะสม สอดคล้องกับผลประโยชน์พื้นฐานและผลประโยชน์ระยะยาวของทั้งสองฝ่าย จีนมีความกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ปัจจุบัน และหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างถูกต้องผ่านการเจรจาและการปรึกษาหารือ จีนจะยังคงส่งเสริมการเจรจาสันติภาพ กรณีพิพาทชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชาด้วยจุดยืนที่ยุติธรรมและเที่ยงธรรม เขากล่าวอีกว่า จากมุมมองของผลประโยชน์ร่วมกันและความต้องการของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค จีนยึดมั่นในจุดยืนที่ยุติธรรมและเป็นกลาง และยังคงส่งเสริมการเจรจาสันติภาพในแบบของตนเองต่อไป เพื่อมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการลดระดับและลดความตึงเครียดลง ขณะที่รัฐบาลฟิลิปปินส์ออกแถลงการณ์ แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา พร้อมเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายระมัดระวังต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ที่อาจได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง รักษาช่องทางการสื่อสารให้เปิดกว้าง และพยายามลดความตึงเครียดลงโดยเร็ว แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ ระบุว่า ฟิลิปปินส์ ไม่ได้มีจุดยืนฝักใฝ่ฝ่ายใดในข้อพิพาทนี้ แต่ขอย้ำถึงความสำคัญของการคงไว้ซึ่งการสื่อสารที่เปิดกว้าง และการลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์ พร้อมแสดงความหวังว่า ทั้งประเทศไทยและกัมพูชาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้โดยสันติ ใช้กฎหมายระหว่างประเทศเป็นกรอบในการเจรจาและยุติข้อพิพาทด้านสถานทูตต่างชาติหลายแห่ง ออกคำเตือนประชาชนของตัวเองให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เช่น สถานทูตของสหรัฐในประเทศไทย เตือนพลเมืองของตัวเองที่อาจจะทำงานหรืออาศัยอยู่ในจังหวัดที่ติดกับชายแดน ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ในประเทศไทยอย่างเคร่งครัด ขณะที่เว็บไซต์สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า สำนักงานต่างประเทศ […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านหนักสุดเป็นประวัติการณ์

น่าน 24 ก.ค. – ยังน่าห่วง น้ำท่วมเขตเศรษฐกิจและตัวเมืองน่าน หนักสุดเป็นประวัติการณ์ บางจุดท่วมสูงถึงชั้น 2 ของบ้าน ประชาชนติดอยู่ในบ้านกลางน้ำ ยิ่งค่ำยิ่งลำบาก .-สำนักข่าวไทย