สุราษฎร์ธานี 9 ม.ค. – ไม่สำนึก! เพิ่งพ้นคุกคดียาเสพติด ซิ่งบิ๊กไบค์ตระเวนก่อเหตุลักทรัพย์ทั้งที่ยังสวมกำไลอีเอ็ม แต่ไม่รอด ถูกตำรวจเมืองสุราษฎร์ธานีรวบได้พร้อมของกลาง อ้างตกงานหาเงินเสพยา
เหตุเกิดเมื่อคืนที่ผ่านมาที่ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ตำรวจสอบปากคำผู้ต้องหา 3 ราย ที่ก่อเหตุลักทรัพย์และวิ่งราวทรัพย์ โดยมีของกลางโทรศัพท์มือถือ เงินสด และรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากในช่วงปลายปีที่ผ่านมาต่อเนื่องปีใหม่ มีเหตุเกี่ยวกับคดีลักทรัพย์และวิ่งราวทรัพย์เกิดขึ้นหลายคดีทั้งที่อยู่ในช่วงแพร่ระบาดโควิด-19 ทางชุดสืบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ลงพื้นที่ติดตามแกะรอยจนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ 3 ราย 3 คดี รายแรกจับกุมนายอิทธิ์ฤทธิ์ พรหมนิ่ม อายุ 40 ปี ผู้ต้องหามีพฤติกรรมใช้รถจักรยานยนต์ตระเวนลักทรัพย์ใน อ.เมือง ล่าสุดก่อเหตุเมื่อช่วงเช้าวานนี้ที่บ้านหลังหนึ่ง ได้ของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง รุ่น A42 จำนวน 1 เครื่อง
จากการสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่า เพิ่งพ้นโทษจากเรือนจำกลางจังหวัด
สุราษฎร์ธานี ในคดียาเสพติด ศาลสั่งจำคุก 3 ปี 4 เดือน และเพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อต้นปี 63 ที่ข้อเท้ายังมีกำไลอีเอ็มติดอยู่ ผู้ต้องหาอ้างก่อนหน้านี้ทำงานเป็น รปภ. แต่ตกงานจึงหันมาก่อเหตุเพื่อนำเงินไปซื้อยามาเสพยาอีกครั้ง ยอมรับว่าก่อเหตุตระเวนลักทรัพย์ในพื้นที่เมืองสุราษฎร์ธานี 2 ครั้ง ก่อนมาถูกจับกุม
ตำรวจ กล่าวว่า ผู้ต้องหารายนี้จับกุมได้ง่าย มาจากมาตรการตัดมือตัดเท้าคือมีกำไลอีเอ็ม ทำให้ผู้ต้องหาและยานพาหนะของคนร้ายอยู่ในประวัติจึงทำให้ทางเจ้าหน้าที่จับกุมได้อย่างรวดเร็ว พร้อมย้ำเตือนประชาชนต้องดูแลทรัพย์สินของตนเองด้วย จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มคนร้าย
รายที่ 2 จับกุมนายจักรวิทย์ ผิวงาม อายุ 32 ปี ใช้รถจักรยานยนต์ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์นางวัลลา แซ่ขวย อายุ 67 ปี ได้ทรัพย์สินเป็นเงินสด 4,500 บาท เหตุเกิดที่บริเวณถนนดอนนก
และรายที่3 จับกุมนายณัฐพล เสือประสิทธิ์ อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาลักทรัพย์ พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ และรถจักรยานยนต์ฮอนด้าคลิก สีขาว รับสารภาพว่าก่อเหตุมาแล้ว 2 ครั้ง
ผู้กำกับ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ระบุว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดมีประวัติเกี่ยวกับการก่อเหตุมาหลายครั้ง พัวพันยาเสพติด และจากการตรวจพบปัสสาวะพบเป็นสีม่วงทุกคน. – สำนักข่าวไทย