เชียงใหม่ พบป่วยเพิ่ม 4 ราย ทั้งหมดไปร้านวอร์มอัพ

เชียงใหม่ 7 ม.ค.-เชียงใหม่ พบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่ม 4 ราย ไทม์ไลน์ทั้งหมดมีประวัติไปร้านวอร์มอัพ ในคืนวันที่ 31 ธ.ค.63 ประชาชนที่ไปยังร้านวอร์มอัพ วันที่ 31 ธ.ค.63-3 ม.ค.64 ถือเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง คนที่ยังไม่ได้รับการตรวจ สามารถเข้ารับการตรวจหาเชื้อได้ ณ รถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยพระราชทาน ที่หน้าร้านวอร์มอัพคาเฟ่ วันพรุ่งนี้ (8 ม.ค. 64) ช่วงเวลา 10.00-12.00 น.

วันที่ 7 ม.ค. 64 ที่ศูนย์ข้อมูลข่าวสารเฉพาะกิจจังหวัดเชียงใหม่ นายวีระพันธ์ ดีอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และ ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกันแถลงข่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ครั้งที่ 6/2564 และสถานการณ์การโรคโควิด-19 ของจังหวัดเชียงใหม่


นายวีระพันธ์ ดีอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า วันนี้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ มีมติเพิ่มความเข้มในการควบคุม ป้องกัน โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยเห็นชอบให้ออกคำสั่งคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ จำนวน 5 ฉบับ และประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ อีก 1 ฉบับ โดยในคำสั่งฉบับที่ 4/2564 มีสาระสำคัญว่า ห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้า – ออก พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจะมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค. 64 เป็นต้นไป คำสั่งฉบับที่ 5/2564 เป็นเรื่องการจัดกิจกรรม โดยกิจกรรมที่มีผู้เข้าร่วมไม่เกิน 50 คน ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่ ศบค. กำหนดอย่างเคร่งครัด หากมีตั้งแต่ 50-200 คน ต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และห้ามจัดกิจกรรมที่มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 200 คน เว้นแต่เป็นดำเนินการโดยพนักงานเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานของรัฐ

“สำหรับคำสั่งที่ 5/2564 ให้งดการออกใบอนุญาตการจัดให้มีการเล่นการพนัน ชกมวย แข่งม้า พร้อมกันนี้ ให้ปิดสนามมวย สถานที่ฝึกซ้อมมวย สนามแสดงศิลปะมวยไทย เว้นแต่สนามที่ตั้งอยู่ในสถานศึกษาและเป็นกิจกรรมเกี่ยวกับการเรียนการสอน ทั้งนี้ ปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรฐานป้องกันโรคฯ กำหนดอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ยังห้ามขายสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ณ สถานที่ซึ่งมุ่งเน้นการ อาทิ ร้านเหล้าตอง ส่วนคำสั่งฉบับที่ 7/2564 มีสาระสำคัญว่า ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดในร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มแต่ให้นั่งรับประทานได้ตั้งแต่เวลา 05.00 น. ถึงเวลา 23.00 น. หลังเวลา 23.00 น. จำหน่ายได้แต่ต้องนำกลับไป และห้ามจัดให้มีการแสดงดนตรีหรือการแสดงอื่นใดเพื่อการบันเทิง การเต้น ยินยอมให้มีการเต้นอีกด้วย” รอง ผวจ.เชียงใหม่ กล่าว


นายวีระพันธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับคำสั่งที่ 8/2564 เป็นการออกมาตรการควบคุมการเดินทางของบุคคลที่เดินทางเข้ามายังพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพิ่มเติมจากฉบับที่ 1/2564 โดยมีสาระสำคัญว่า ผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 5 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี ชลบุรี ตราด ระยอง และสมุทรสาคร และผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุด จะต้องแสดงตนว่าเดินทางมาจากพื้นที่ดังกล่าว พร้อมแสดงเอกสารรับรองความจำเป็น การปฏิบัติหน้าที่ การติดต่อราชการ สำหรับการเดินทางเข้ามายังพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งต้องติดตั้งและใช้ แอปพลิเคชั่น “หมอชนะ” และต้องปฏิบัติตามคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ที่ 1/2564 อย่างเคร่งครัด

“ส่วนประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ที่ออกมาในการประชุมวันนี้ เป็นเรื่อง มาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยขอความตลาดสด ศูนย์แสดงสินค้า ห้างสรรพสินค้า คอมมูมิตี้มอลล์ ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม หรือสถานที่จัดนิทรรศการ ร้านสะดวกซื้อ ซุปเปอร์มาร์เก็ต สถานที่ออกกำลังกายฟิตเนส ร้านขายยา คลินิกหรือสถานพยาบาลเอกชน การอบตัว อบสมุนไพร การอบไอน้ำ หรือการนวดบริเวณใบหน้า ให้มีการยกระดับตามมาตรการในการควบคุม ป้องกันโรคที่ ศบค. กำหนด อย่างเคร่งครัด” รอง ผวจ.เชียงใหม่ กล่าว

ด้าน ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยความคืบหน้า ผลการติดตามผู้สัมผัส ได้ดำเนินการตรวจหาเชื้อในกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจากร้านวอร์มอัพคาเฟ่ ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2563 ถึง 3 มกราคม 2564 จำนวน 419 ราย ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงกลุ่มอื่น ๆ 179 ราย รวม 598 ราย พบผู้ติดเชื้อสะสมในจังหวัดเชียงใหม่ทั้งสิ้น 8 ราย และในวันนี้ (7 ม.ค. 64) ได้มีการตรวจกลุ่มเสี่ยงเพิ่มเติม โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางไปในร้านวอร์มอัพคาเฟ่ จำนวน 283 ราย รอผลโดยผู้ติดเชื้อที่พบเพิ่มเติมในวันนี้จำนวน 4 ราย ได้แก่


ผู้ป่วยโควิด-19 รายที่ 54 ของจังหวัดเชียงใหม่ พบเป็น ชายไทยอายุ 23 ปี อาชีพรับราชการ ภูมิลำเนา อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ไม่มีอาการ
ผู้ป่วยโควิด-19 รายที่ 55 ของจังหวัดเชียงใหม่ ชายไทย อายุ 28 ปี อาชีพพนักงานบริษัท ภูมิลำเนา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ไม่มีอาการ
ผู้ป่วยโควิด-19 รายที่ 56 ของจังหวัดเชียงใหม่ หญิงไทย อายุ 28 ปี อาชีพพนักงานบริษัทในกทม. เดินทางกลับมาบ้าน อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ วันที่ 6 ม.ค. เริ่มมีอาการ ไอเล็กน้อย คัดจมูก
ผู้ป่วยโควิด-19 รายที่ 57 ของจังหวัดเชียงใหม่ หญิงไทย อายุ 22 ปี ภูมิลำเนา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ วันที่ 5 ม.ค. เริ่มมีอาการ ไอ อ่อนเพลีย

ซึ่งผู้ติดเชื้อทั้ง 4 ราย มีประวัติเดินทางไปในร้านวอร์มอัพคาเฟ่ ในคืนวันที่ 31 ธ.ค.63 จะพบว่าผู้ติดเชื้อทุกรายมีการเชื่อมโยงกับผู้ป่วยรายก่อนหน้านี้ ซึ่งจะพบว่าการระบาดเกิดขึ้น ในสถานบันเทิง ซึ่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดได้มีมาตรการให้ปิดสถานบริการ หรือสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายกันสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ ทุกแห่งในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นระยะเวลา 14 วัน

ทั้งนี้ประชาชนที่ได้เดินทางไปยังร้านวอร์มอัพคาเฟ่ ระหว่างวันที่ 31 ธ.ค.63-3 ม.ค.64 ซึ่งถือเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่ยังไม่ได้รับการตรวจนอกเหนือจากกลุ่ม 702 คนที่ได้รับการตรวจไปแล้ว สามารถเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ ณ รถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยพระราชทาน ที่หน้าร้านวอร์มอัพคาเฟ่ ในวันพรุ่งนี้ (8 ม.ค.64) ช่วงเวลา 10.00-12.00 น. โดยผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงจะต้องกักกันตนเอง แสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่เพื่อเข้ารับการตรวจ และให้ประวัติที่เป็นจริง เพื่อมิให้มีการระบาดเพิ่มเติมไปยังสถานที่อื่นๆ

สำหรับผู้ที่เดินทางไปยังสถานที่อื่นๆ ตามไทม์ไลน์ของผู้ป่วย ซึ่งยังไม่พบว่ามีการแพร่ระบาดของเชื้อในสถานที่เหล่านั้น ขอให้ท่านสังเกตอาการผิดปกติ หากท่านมีอาการผิดปกติ ขอให้ท่านพบแพทย์ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน พร้อมทั้งแจ้งประวัติเสี่ยงเพื่อเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด

10 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ จากการตรวจสอบพบเป็นทุ่นใหม่ ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยภายหลังการรับมอบสิ่งของช่วยเหลือทหารและเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดน จากภาครัฐและเอกชน ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเจ้าหน้าที่ทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ เมื่อวานว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นทุ่นใหม่ที่ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานเพื่อป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ก่อนที่จะถอนกำลังออกไป ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง จึงสั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความระมัดระวัง พร้อมใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักร เช่น รถไถ รถตักในการเคลียร์เส้นทางและค้นหาทุ่นระเบิดบุคคล เพื่อป้องกันไม่ให้กำลังพลได้รับอันตรายซ้ำ สำหรับพื้นที่แนวปะทะที่มีการวางกำลังของทหารกัมพูชายังถือว่าไม่ปลอดภัยสำหรับทหาร เนื่องจากมีการวางระเบิดไว้มาก ส่วนพื้นที่ชาวบ้านซึ่งอยู่นอกแนวชายแดนลึกเข้ามา ไม่น่าเป็นห่วงจากทุ่นระเบิดบุคคล แต่ยังมีความเสี่ยงจากจรวดที่ยิงเข้ามาแล้วไม่ระเบิด หากประชาชนพบเห็นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที ห้ามเข้าไปจับ ดึง หรือเก็บเอง อย่างไรก็ตาม พื้นที่ส่วนใหญ่ เช่น ภูมะเขือ อานม้า ซำแปร และตาเมือนธม ไทยสามารถครอบครองได้ […]

นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องชาติมากถึง 75%

กทม. 10 ส.ค.-นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องผลประโยชน์ชาติ จากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา มากถึง 75% แนะเปิดเจรจาทางการทูตสองฝ่ายจริงจัง รวมทั้งเห็นว่าไม่ควรรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาทุกคน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไปต่อแบบไหนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-5 สิงหาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เกี่ยวกับความไว้วางใจและความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า -กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 75.73 ระบุว่า ไว้วางใจมาก รองลงมา ร้อยละ 19.31 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 3.66 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 1.07 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย และร้อยละ 0.23 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ -กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 41.76 […]

พบหลุมระเบิดที่กัมพูชายิงใส่ไทย 824 หลุม ใน 4 จังหวัดชายแดน

กทม. 10 ส.ค.-เพจกองทัพบก ทันกระแส โพสต์เจ้าหน้าที่ EOD เข้าเก็บกู้ระเบิด พบหลุมระเบิดที่เกิดจากฝีมือกัมพูชามากถึง 824 หลุม ใน 4 จังหวัดชายแดนไทย ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่พลเรือนและโรงพยาบาล เพจเฟซบุ๊ก “กองทัพบก ทันกระแส” โพสต์ว่า เจ้าหน้าที่ EOD เข้าพื้นที่เก็บกู้ระเบิด พบหลุมระเบิดที่เกิดจากฝีมือกัมพูชามากถึง 824 หลุม ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่พลเรือนและโรงพยาบาล ซึ่งสร้างความเสียหายและความหวาดกลัวให้ประชาชน ที่กำลังทยอยกลับเข้าพื้นที่เพื่อสำรวจความเสียหายของบ้านพักอาศัย ข้อมูลที่เพจโพสต์แสดงให้เห็นถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นใน 4 จังหวัดชายแดน ได้แก่ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ซึ่งเป็นผลจากการยิงอาวุธของกัมพูชาใส่เป้าหมายพลเรือน ทำให้ประชาชนในพื้นที่ต้องอพยพหนีภัยสงคราม และหากสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง ประชาชนเริ่มกลับเข้าสู่พื้นที่ตนเอง แต่ต้องเผชิญกับอันตรายจากระเบิดที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ EOD ทำงานอย่างหนัก เพื่อเร่งเก็บกู้ระเบิดให้แล้วเสร็จ เพื่อให้ประชาชนได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยในบ้านของตนเองอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย

ชวนชมดวงไฟประดับรอบกรุงเทพฯ วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม

ทำเนียบ 10 ส.ค.-รัฐบาลเชิญชวนชมความงดงามของดวงไฟประดับรอบกรุงเทพฯ ในโอกาสเฉลิมพระเกียรติ วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง วันที่ 12 สิงหาคมของทุกปี (วันแม่แห่งชาติ) กรมทางหลวงชนบท (ทช.) และ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง ร่วมใจกัน ติดตั้งไฟประดับทั้ง 2 ข้างทาง เพื่อเฉลิมพระเกียรติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ขอเชิญชวนประชาชนได้ร่วมสัมผัสความงดงามของดวงไฟประดับ เนื่องในโอกาสมหามงคลนี้ โดยการไฟฟ้านครหลวง ได้ดำเนินการติดตั้งไฟประดับจำนวนกว่า 2 ล้านดวง เพื่อประดับในสถานที่ต่าง ๆ ได้แก่ พระที่นั่งอัมพรสถาน วังศุโขทัย พระบรมมหาราชวัง บริเวณท้องสนามหลวง รอบพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน วังสระปทุม พระที่นั่งอนันตสมาคม ลานพระบรมรูปทรงม้า สนามเสือป่า ทำเนียบองคมนตรี กระทรวงมหาดไทย ถนนราชดำเนินใน ถนนราชดำเนินกลาง ถนนราชดำเนินนอก ถนนศรีอยุธยา ตั้งแต่วันนี้ – […]