fbpx

สมุทรสาครเร่งหาที่สร้าง รพ.สนามแห่งใหม่ หลังชาวบ้านคัดค้าน

ภูมิภาค 6 ม.ค. – หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสมุทรสาคร ลงพื้นที่เจรจากับชาวชุมชนบริเวณด้านข้างโรงงานปูน เพื่อสร้างความเข้าใจในการนำพื้นที่โกดังเก่าของโรงปูน จัดสร้างโรงพยาบาลสนาม แต่การเจรจาไม่เป็นผล ชาวบ้านไม่ยอมให้ตั้งโรงพยาบาล จึงต้องหาสถานที่สร้างโรงพยาบาลสนามแห่งใหม่


นายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมคณะ ลงพื้นที่เจรจากับชาวชุมชนชีผ้าขาว บริเวณด้านข้างโรงงานปูน ม.2 ต.ท่าจีน อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เพื่อสร้างความเข้าใจในการนำพื้นที่โกดังเก่าของโรงปูน พื้นที่ประมาณ 3 ไร่ จัดสร้างโรงพยาบาลสนาม สำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภายหลังมีชาวบ้านรวมตัวคัดค้าน เนื่องจากเกรงว่าคนในชุมชนที่มีทั้งเด็กเล็กและคนชราจะได้รับผลกระทบ แต่การเจรจากลับไม่เป็นผล ชาวบ้านไม่ยอมให้ตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ นายวุฒิพงษ์ พร้อมคณะเจรจา จึงต้องกลับไปประชุมหาที่สร้างโรงพยาบาลสนามแห่งใหม่

ด้านนายสุรศักดิ์ ผลยังส่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวถึงกรณีชาว ต.ท่าจีน คัดค้านการตั้งโรงพยาบาลสนามว่า ขอให้เห็นใจและเห็นความจำเป็นที่ต้องจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม หรือ “ศูนย์ห่วงใยคนสาคร” เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อแต่ไม่รุนแรง ซึ่งจะแยกออกมาจากผู้ที่ไม่ติดเชื้อ เพื่อสกัดกั้นการระบาดของเชื้อ ย้ำประชาชนไม่ต้องกังวล เพราะหากมีผู้ที่ติดเชื้อมีอาการรุนแรงจะนำไปรักษาที่โรงพยาบาล ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย แต่ถ้าไม่มีโรงพยบาลสนามเพิ่มขึ้น คาดว่าจะมีสถานที่ไม่เพียงพอที่จะรองรับจำนวนผู้ติดเชื้อ ซึ่งเพิ่มขึ้นทุกวัน ตอนนี้เกือบ 3,000 รายแล้ว จึงอยากจะขอความเห็นใจจากพี่น้องประชาชนชาวสมุทรสาคร อย่าคัดค้านการจัดตั้ง “ศูนย์ห่วงใยคนสาคร”


ด้านนายแพทย์นเรศฤทธิ์ ขัดธะสีมา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยว่า ตามหลักการด้านสาธารณสุขต้องแบ่งแยกคนที่มีเชื้อกับไม่มีเชื้อออกจากกัน เป็นระเวลา 14 วันก็จะปลอดภัย และไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการติดเชื้อถ้าหากเราอยู่ห่างกันระยะเกิน 1 เมตร และสวมหน้ากากอนามัย เชื้อจะไม่สามารถติดได้ และเชื้อไม่ได้ลอยตามอากาศ แต่จะตายเมื่อถูกแสงแดด 3 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นการคัดค้านไม่ให้มีการตั้งโรงพยาบาลสนาม เพื่อคัดแยกผู้ติดเชื้อ และหากปล่อยอยู่รวมกันเชื้อก็จะระบาดไปทั่วทั้งจังหวัดแน่นอน

ด้านนายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ได้สั่งการให้เพิ่มความเข้มข้นในการเฝ้าระวัง ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยให้ตั้งด่านตรวจตามเส้นทางถนนสายหลักที่ใช้เดินทางเชื่อมต่อจังหวัดข้างเคียง รวม 6 ด่าน ประกอบด้วย 1.ด่านบนถนนสาย 36 ท้องที่ อ.นิคมพัฒนา 2.ด่านบนถนนสุขุมวิท ท้องที่ อ.บ้านฉาง 3.ด่านบนถนนสุขุมวิท หน้าทางเข้าสนามบินอู่ตะเภา 4.ด่านบนถนนสายบ้านบึง-บ้านค่าย ท้องที่ อ.ปลวกแดง 5.ด่านบนถนนสายบ้านบึง-แกลง อ.วังจันทร์ และ 6.ด่านบนถนนสุขุมวิท ติดต่อเขตแดน จ.จันทบุรี ท้องที่ อ.แกลง โดยบูรณาการกำลังทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ปฏิบัติการ

สำหรับรถส่วนบุคคลจะเน้นสอบถามที่ไปจดทะเบียนรถ ตรวจวัดอุณหภูมิ และรณรงค์สวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ส่วนรถเมล์และรถโดยสารสาธารณะ ผู้โดยสารทุกรายต้องลงจากรถมาตรวจอุณหภูมิร่างกาย และแสดงบัตรประจำตัวประชาชน รวมทั้งเน้นย้ำให้สวมใส่หน้ากากอนามัย


ส่วนบรรยากาศตามถนนสายหลักที่เข้าสู่ตัวเมืองระยองและออกจากตัวเมืองระยอง ตลอดจนในเขตเทศบาลนครระยอง ค่อนข้างเงียบเหงา มีรถสัญจรบนถนนบางตา เพราะผู้คนงดการเดินทาง ร้านค้า ร้านขายอาหาร ตลอดจนบรรดาพ่อค้าขายอาหารแบบรถเข็นตามริมถนนบนทางเท้าบางร้านหยุดขายชั่วคราว ส่วนร้านที่ยังเปิดขายอยู่ ลูกค้าก็ซื้อกลับไปกินที่บ้าน

ส่วนที่ จ.จันทบุรี หลังพบแม่ค้าในตลาดใหญ่กลางชุมชน อ.เมืองจันทบุรี ติดโควิด-19 เจ้าของตลาดสั่งปิด 14 วัน ประสานท้องถิ่นเร่งพ่นยาทำความสะอาดทันที ที่ตลาดเจริญสุข ต.ท่าช้าง อ.เมือง จ.จันทบุรี แม่ค้าพ่อค้า พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมกองช่าง อบต.ท่าช้าง ได้เข้าทำความสะอาดภายในตลาด พร้อมทั้งพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโควิด-19 ทั่วแผงจำหน่ายสินค้า และบริเวณด้านในตลาด หลังจากตลาดเจริญสุขประกาศว่าเจ้าของแผงจำหน่ายยำติดเชื้อโควิด-19 สร้างความวิตกให้กับประชาชนจำนวนมากที่เข้าไปจับจ่ายซื้ออาหารและข้าวของภายในตลาดตั้งแต่ช่วงก่อนปีใหม่ เนื่องจากเป็นตลาดแหล่งใหญ่ที่มีคนเข้า-ออกนับพันคน

น.ส.กมลชนก สหายสุข อายุ 26 ปี ลูกสาวเจ้าของตลาดเจริญสุข เปิดเผยว่า หลังทราบว่ามีผู้ค้าในตลาดตรวจพบเชื้อโควิด-19 จึงรีบแจ้งข้อเท็จจริงให้แผงจำหน่ายสินค้าและประชาชนทราบทันที เพื่อป้องกันการแตกตื่น ซึ่งพบผู้ป่วยติดเชื้อจริงรายเดียว เป็นหญิงไทย อายุประมาณ 40 ปีเศษ จำหน่ายอาหารประเภทยำ สัมผัสกลุ่มเสี่ยงสูงจากคนในครอบครัวตัวเอง โดยได้มาขายวันสุดท้ายเมื่อวันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นหยุดขายและเริ่มกักตัวเมื่อวันที่ 3 ม.ค. พร้อมกับเดินทางไปตรวจหาเชื้อ ต่อมาเช้าวันที่ 5 ม.ค. ได้แจ้งผลตรวจมายังตลาด พบผลตรวจเป็นบวก จึงแจ้งให้ผู้ค้าที่สัมผัสกับผู้ป่วยและกลุ่มที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง และแผงรอบข้างทั้งหมด 15 แผง ไปตรวจหาเชื้อและสังเกตอาการอยู่บ้าน 15 วัน นับตั้งแต่เมื่อวานนี้ (5 ม.ค.) พร้อมกันนี้ได้ปิดตลาด 14 วัน นับตั้งแต่วันนี้ และจะเปิดทำการอีกครั้งวันที่ 20 ม.ค. พร้อมเผยหลังจากนี้จะให้ผู้ค้าและผู้เกี่ยวข้องในตลาดทั้ง 225 แผง ทำไทม์ไลน์ของตัวเอง

ที่ จ.ตราด นายภิญโญ ประกอบผล ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด สั่งปิดชั่วคราวสถานที่เสี่ยงแพร่ระบาดของเชื้อในทุกพื้นที่ ประกอบด้วย สถานบริการ สถานที่ที่จัดให้มีการเล่นการพนันไก่ชน กัดปลา สนามซ้อมชนไก่ สถานที่ลักลอบเล่นการพนันทุกประเภท สถานประกอบการกิจการอาบน้ำ อบไอน้ำ สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ สถานที่สัก

ส่วนสถานที่ที่ให้เปิดทำการหรือเปิดบริการได้ คือร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าปลีก ร้านอาหารเครื่องดื่ม โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่กำกับดูแลรักษาความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย พร้อมประกาศขอความร่วมมือไปยังบุคคลที่เดินทางไปยังสถานที่ศูนย์บริการรถยนต์ งานผู้สูงอายุองค์การบริหารส่วนจังหวัดตราด โต๊ะสนุกเกอร์ภายในตลาด รถโดยสารปรับอากาศ ร้านข้าวต้ม ประชาชนที่เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิด รวมถึงผู้ติดเชื้อให้ข้อมูลที่ถูกต้อง อย่าปิดบังข้อมูลกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและบุคลากรทางการแพทย์ เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวเป็นสิ่งที่สำคัญในการสอบสวนโรค และเป็นการป้องกันเชื้อโควิด-19 ไม่ให้ระบาดในวงกว้าง และขอให้ประชาชนทุกคนปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขโดยเคร่งครัดด้วย

ด้านเมืองตราดได้จัดเจ้าหน้าที่ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในทุกพื้นที่ของศาลากลางจังหวัดตราด ซึ่งเป็นที่ตั้งของหน่วยงานราชการต่างๆ เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่กระบาดของเชื้อโควิด-19 สร้างความมั่นใจให้ประชาชนที่จะเดินทางมาติดต่อราชการ นอกจากการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อแล้ว หน่วยงานต่างๆ ยังได้ตั้งจุดให้บริการแอลกอฮอล์เจล และตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายผู้ที่จะมาติดต่อราชการอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

“สารวัตรแจ๊ะ” ยื่นฟ้องหมิ่น “ทนายรัชพล” กล่าวหาจับแพะติดคุกฟรีปีกว่า

“สารวัตรแจ๊ะ” พร้อมทนายความ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาททนายดัง และฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ยันไม่ได้นําตัวไปเซฟเฮาส์ ด้านทนายเผยพบหลักฐานทนายคู่กรณีบีบผู้เสียหายกลับคําให้การ แบ่งเงินคนละครึ่ง

ข่าวแนะนำ

สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา เริ่มมีสัญญาณที่ดี-การสู้รบเงียบสงบ

สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น หลังการสู้รบเงียบสงบเกินกว่า 24 ชั่วโมง คาดมีการเจรจากันของกลุ่มต่อต้านและทางการเมียนมา หยุดยิงชั่วคราวเพื่อลดผลกระทบ

“บิ๊กโจ๊ก” ยื่น ป.ป.ช.อีกรอบ สอบตำรวจทำคดีเว็บพนันออนไลน์

“บิ๊กโจ๊ก” บุกสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อีกครั้ง เพื่อยื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษหัวหน้าและคณะพนักงานสอบสวนทั้งหมดในคดีเว็บพนันออนไลน์ที่มีการทำคดีโดยมิชอบ

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน-ใต้ พายุฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง ส่วนภาคใต้ มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ-ปริมณฑล อากาศร้อนจัดบางแห่ง โดยมีฝนฟ้าคะนองเล็กน้อย