ประจวบคีรีขันธ์ 23 ธ.ค.-จับแม่ลูกเมียนมา ทำงานอยู่ไทยนาน 6 ปี อยากกลับประเทศบ้านเกิดยอมเสียเงิน 9,000 บาทจ้างขบวนการนำพาลักข้ามแดน
ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 บ้านหนองเสือ ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งจากลูกบ้านว่า พบกลุ่มบุคคลแปลกหน้าเป็นชาวเมียนมา หลบซ่อนตัวเดินอยู่ในป่าสวนยางพาราท้ายหมู่บ้านของชุมชนกะเหรี่ยงภายในหมู่บ้านเนินแก้ว หมู่ 5 ซึ่งติดกับแนวเทือกเขาตะนาวศรีชายแดนไทย-เมียนมา จึงประสานสนับสนุนกำลังจกาฝ่ายปกครองและความมั่นคง พบกลุ่มบุคคลต่างด้าวชาวเมียนมา 5 คน กำลังเดินอยู่ในป่าสวนยางพารา เพื่อเตรียมที่จะเดินข้ามไปยังแนวป่าสันแดนไทยบริเวณช่องทางธรรมชาติมุ่งหน้าสู่ประเทศเมียนมา ทีมชุดจับกุมของผู้ใหญ่บ้านจึงได้แสดงตัวเข้าตรวจสอบ ระหว่างนั้นคนนำพาซึ่งเป็นชาวเมียนมาได้อาศัยความมืดวิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าทิ้งให้แม่ลูกชาวเมียนมาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้รวม 4 คน เป็นหญิงวัย 30 ปี ทำงานและพักอาศัยอยู่กับนายจ้างที่บ้านมาบอำมฤต อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร และ ลูกสาวอายุ 7 ปี 2 คน ลูกชายอายุ 10 ปี อีก 1 คน
จากการสอบปากคำ แม่ชาวเมียนมา ยอมรับสารภาพว่า ครอบครัวตนเองและสามีได้ทำงานรับจ้างเก็บปาล์มอยู่ในสวนปาล์มของนายจ้างที่บ้านมาบอำมฤต จังหวัดชุมพร นาน 6 ปี จึงอยากกลับไปทำสวนของตนเองที่บ้านเกิดในจังหวัดมะริด ประเทศเมียนมา และปล่อยให้สามีทำงานอยู่ในประเทศไทยคนเดียว ตนเองจึงได้พาลูกและหลานกลับประเทศพม่า โดยได้เสียเงินจ่ายค่าจ้างนำพาข้ามแดนให้กับขบวนการ จำนวน 9,000 บาท แบ่งเป็นผู้ใหญ่ 3,000 บาท และเด็กคนละ 2,000 บาท จนมาถูกจับได้
เจ้าหน้าที่จึงได้ก่อไฟผิงเพื่อคลายความหนาวให้กับแม่ลูกชาวเมียนมา พร้อมยืนเฝ้ารอให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาตรวจหาเชื้อโควิค-19 ในตอนเช้า เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขต่อไป พร้อมกับประสานให้นายจ้างมารับตัวกลับไปก่อน.-สำนักข่าวไทย