fbpx

ทึ่ง! ป้า 2 พี่น้องปีนมะพร้าวทำน้ำตาลปึกขาย

ชุมพร 15 ธ.ค. – น่าทึ่ง! สองพี่น้องวัย 64 และ 62 ปี ยึดอาชีพทำน้ำตาลปึกขาย เลี้ยงปากท้อง ตั้งแต่ปีนขึ้นต้นมะพร้าวเก็บน้ำหวานจากเกสรเอง เคี่ยวเอง ครบกระบวนการ จนออกมาเป็นน้ำตาลได้อย่างคล่องแคล่วและชำนาญ


น.ส.ลัดดา อายุ 64 ปี และ น.ส.อุไร สวดตะนัง อายุ 62 ปี พี่น้องสูงวัยคู่นี้ สืบทอดอาชีพจากบรรพบุรุษ ปีนต้นมะพร้าวเก็บน้ำหวานจากงวงเกสรมาทำน้ำตาลปึกขาย ทั้งคู่อาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 147 ริมถนนสายวัดหนองหมุก-สถานีรถไฟทุ่งคา หมู่ 7 ต.ทุ่งคา อ.เมือง จ.ชุมพร ครอบครัวย้ายมาจาก จ.สมุทรสงคราม ตั้งแต่ปี 2514 มาซื้อที่ดิน 20 ไร่ เพื่อปลูกมะพร้าวน้ำหอมไว้ทำน้ำตาลมะพร้าวขาย ซึ่งเป็นอาชีพที่ครอบครัวส่งต่อมาจากรุ่นปู่ รุ่นพ่อ มาถึงรุ่นตนเอง โดยเริ่มช่วยพ่อแม่ทำน้ำตาลมะพร้าวมาตั้งแต่อายุ 14 ปี จนถึงปัจจุบัน เมื่อ 3 ปีก่อน ปีนขึ้นต้นมะพร้าว ท่ามกลางฝนตกหนัก และเกิดฟ้าผ่า ทำให้ตกใจแล้วปล่อยมือ พลัดตกจากต้นมะพร้าวกระแทกพื้น แขนและขาหัก จึงไม่สามารถปีนขึ้นไปเก็บน้ำหวานได้อีก มี น.ส.อุไร น้องสาว ที่ยังปีนขึ้นต้นมะพร้าวเพียงคนเดียวทุกวันเช้า-เย็น เพื่อเก็บและปาดงวงเกสรมะพร้าว เอาน้ำหวานใส่กระบอกพลาสติก นำลงมากรองและคัดแยกเศษผง แมลง ผึ้ง ที่ติดออก

จากนั้นก็นำมาต้มกับเตาฟืน เก็บรวบรวมน้ำหวานไว้ 3 วัน ก่อนเข้าสู่กระบวนการใส่กระทะเคี่ยว เพื่อทำน้ำตาลปี๊บไปเรื่อยๆ ประมาณ 30 นาที หากต้องการให้ได้น้ำตาลที่มีสีแดงสวยน่ารับประทาน ก็จะต้องนำใบมะพร้าวที่เป็นใบสดๆ มาต้มลงในกระทะพร้อมกับน้ำหวาน เมื่อน้ำตาลเหนียวข้น จะคนและตีน้ำตาลให้มีความเหนียวข้นจับตัวกันแน่น ใช้เวลาอีก 15-20 นาที ก่อนจะตักลงมาวางบนผ้าบาง และจัดใส่ถุงเพื่อจำหน่าย จะไม่ใส่สารกันบูด ซึ่งจะมีแม่ค้ามารับซื้อถึงที่บ้าน โดยน้ำหวานที่เคี่ยว 1 กระทะ จะได้น้ำตาลประมาณ 15-17 กิโลกรัม จำหน่ายกิโลกรัมละ 40 บาท ใครที่สนใจอยากเรียนรู้ หรือต้องการน้ำตาลมะพร้าวสูตรโบราณแท้ๆ ไปทำขนมและอาหาร ติดต่อได้ที่ 098-7683760. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

“สารวัตรแจ๊ะ” ยื่นฟ้องหมิ่น “ทนายรัชพล” กล่าวหาจับแพะติดคุกฟรีปีกว่า

“สารวัตรแจ๊ะ” พร้อมทนายความ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาททนายดัง และฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ยันไม่ได้นําตัวไปเซฟเฮาส์ ด้านทนายเผยพบหลักฐานทนายคู่กรณีบีบผู้เสียหายกลับคําให้การ แบ่งเงินคนละครึ่ง

ข่าวแนะนำ

คดีสะเทือนขวัญ ฆ่าหั่นศพ “ยากูซ่า” จ.นนทบุรี

คดีสะเทือนขวัญ พบชิ้นส่วนมือ ในพื้นที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ล่าสุดตำรวจจับกุมหนึ่งในผู้ต้องหาได้แล้ว และทราบว่าทั้งผู้ตายและผู้ลงมือฆ่าหั่นศพ เป็นแก๊งยากูซ่าชาวญี่ปุ่น

ชาวบ้านร้องโรงงานเก็บสารเคมีเร่งเยียวยาเหตุไฟไหม้

ชาวบ้านที่เดือดร้อนจากเหตุไฟไหม้โกดังเก็บสารเคมีอุตสาหกรรม จ.ระยอง เรียกร้องโรงงานช่วยเหลือ บอกน้ำสักขวดก็ไม่ได้

แบงก์ชาติ​ส่งหนังสือให้ทบทวนดิจิทัลวอลเล็ต​​ ไม่ทำสะดุด

ปลัดคลัง ระบุแบงก์ชาติ​ส่งหนังสือถึง ครม.ทบทวนดิจิทัลวอลเล็ต​​ ไม่ทำให้สะดุด ชี้เป็นข้อเสนอเก่า​​ เดินหน้าตามแผนเดิม​ 

สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา เริ่มมีสัญญาณที่ดี-การสู้รบเงียบสงบ

สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น หลังการสู้รบเงียบสงบเกินกว่า 24 ชั่วโมง คาดมีการเจรจากันของกลุ่มต่อต้านและทางการเมียนมา หยุดยิงชั่วคราวเพื่อลดผลกระทบ