นราธิวาส 10 ธ.ค. – เอาจริง จับจริง กำลัง 3 ฝ่ายอำเภอสุไหงโก-ลก รวบต่างด้าวชาวมาเลเซีย ขณะล่องเรือขึ้นฝั่งหลบหนีเข้าเมืองที่ชายแดนนราธิวาส ส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมายทันที
นายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงโก-ลก พร้อมกำลัง 3 ฝ่าย จับกุมนายอัสฮา บินอับดุลเลาะมาน อายุ 53 ปี ชายสัญชาติมาเลเซีย ขณะลักลอบเดินทางเข้ามาประเทศไทยทางเรือของผู้นำพาชาวไทยบริเวณช่องทางธรรมชาติ ท่าข้ามบ้านท่าทราย หมู่ 7 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส จึงควบคุมตัวพร้อมของกลางเรือไฟเบอร์ 1 ลำ และรถจักรยานยนต์ 1 คัน ที่บุคคลต่างด้าวเตรียมใช้ในการเดินทางใน อ.สุไหงโก-ลก เพื่อไปหาภรรยาที่ ต.ปาเสมัส
นายอำเภอสุไหงโก-ลก กล่าวว่า พฤติกรรมของนายอัสฮา บินอับดุลเลาะมาน ตั้งใจจะเดินทางเข้ามาใน อ.สุไหงโก-ลก เพื่อนำเงินมาให้ภรรยาใช้จ่าย จึงได้ติดต่อผ่านนายหน้าที่อยู่ในรัฐกลันตัน จากนั้นได้ว่าจ้างผู้นำพาซึ่งเป็นคนไทยด้วยค่าจ้าง 30 ริงกิต หรือประมาณ 270 บาท แต่ด้วยมาตรการป้องกันชายแดนที่เข้มงวด ร.อ.ณัฐพล คณะทอง กองร้อยป้องกันชายแดนที่ 3 ชุดควบคุมป้องกันชายแดนพร้อมหน่วยกำลังในพื้นที่ตรวจพบ จึงจับกุม ส่วนผู้นำพาหลบหนีไปได้
ทั้งนี้ มาตรการทางกฎหมายสำหรับบุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมือง เจ้าหน้าที่จะดำเนินคดีตามกฎหมาย ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยศาลจะเป็นผู้พิจารณา ส่วนผู้นำพา ขณะนี้ทราบชื่อแล้ว และเตรียมออกหมายจับ ระวางโทษของผู้นำพาคือจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายอัสฮา บินอับดุลเลาะมาน บุคคลต่างด้าวชาวมาเลเซีย กล่าวว่า ทราบว่าประเทศไทยมีความเข้มงวดในการป้องกันบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง แต่เข้าใจว่าเมื่อมีการจับกุมแล้ว จะกักตัว 14 วัน และปรับ แล้วผลักดันกลับประเทศ จึงยอมเสี่ยงเข้ามา รู้สึกเครียดมากที่ต้องเจอกับสถานการณ์แบบนี้ เพราะไม่รู้ว่าหลังจากนี้ต้องทำอย่างไร และอยากขอโอกาสให้ได้กลับประเทศอีกครั้ง จะไม่ลักลอบเข้ามาอีก
หลังเกิดเหตุ นายอำเภอมีคำสั่งให้ปิดท่าข้ามจุดท่าทรายอย่างถาวรไม่มีกำหนด จนกว่าสถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลาย ซึ่งเป็นไปตามบันทึกข้อตกลง MOU มาตรการรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในพื้นที่ตามแนวชายแดนระหว่างอำเภอสุไหงโก-ลก กับประธานชุมชนท่าข้ามริมแม่น้ำโก-ลก ที่จะปิดท่าข้ามและจุดผ่อนปรนที่มีการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายทันทีที่ตรวจพบการกระทำความผิด. – สำนักข่าวไทย