fbpx

มท.สั่งคุมเข้มทั่วประเทศเฝ้าระวังโควิด

กรุงเทพฯ 3 ธ.ค.- จากกรณีพบหญิงไทยรวม 10 คนลักลอบเข้าเมือง ติดโควิด-19 ทำให้กระทรวงมหาดไทยสั่งเพิ่มมาตรการเข้มในการเฝ้าระวังทั่วประเทศ


โดยกระทรวงมหาดไทยแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัด ประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ให้เน้นย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างเคร่งครัดในห้วงวันที่ 1-31 ธันวาคมนี้ เพื่อให้ประชาชนเดินทางไปร่วมกิจกรรมฉลองเทศกาลคริสต์มาสและเทศกาลขึ้นปีใหม่ 2564 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

มาตรการสำคัญ ได้แก่ 1. เฝ้าตรวจการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายในพื้นที่ตอนในโดยให้ความสำคัญเร่งด่วนและความเข้มข้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนด้านภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามลำดับ


  1. ตรวจกำกับดูแลกิจการหรือกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคฯ เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงเรียน ร้านอาหาร สถานประกอบการ สถานบันเทิง สนามกีฬา สถานที่ท่องเที่ยว ให้มีความเข้มงวดมากขึ้น

3.ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน เฝ้าสังเกตและกำกับดูแลบุคคลที่กลับเข้ามาในพื้นที่ชุมชน

4.ขอความร่วมมือภาคประชาชนและภาคประชาสังคม ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ทั้งสวมหน้ากากอนามัย ทำความสะอาดพื้นผิวและอุปกรณ์ที่มีการสัมผัสบ่อย เว้นระยะห่างหรือหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับบุคคลอื่น และใช้แพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” ในการเข้า-ออกสถานที่สาธารณะ

สำหรับหญิงไทยที่พบติดเชื้อล่าสุด 6 คน อยู่ในสถานบันเทิงชื่อดังในฝั่งท่าขี้เหล็ก เมียนมา ที่เดียวกับ 4 คนที่ตรวจพบเชื้อก่อนหน้านี้ ซึ่งมีการหลบหนีเข้าไทยทางช่องทางธรรมชาติ โดย 6 คนนี้ มี 2 อยู่ในเชียงใหม่ ส่วนที่เหลืออยู่ในจังหวัดพะเยา พิจิตร ราชบุรี และ กทม.


มาดูรายละเอียดแต่ละคน รายแรก หญิงอายุ 28 ปี อาศัยอยู่ใน จ.พะเยา กลับไทยเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน นั่งแท็กซี่จากขนส่งแม่สาย ไปหน้า Big C เชียงราย วันที่ 28 เข้าพักในตัวเมืองเชียงราย จากนั้นมีแฟนจากจังหวัดพะเยามารับไปเที่ยว จนทราบข่าวว่าเพื่อนที่ทำงานที่เดียวกันติดโควิด จึงไปตรวจหาเชื้อและพบว่าติดเชื้อ

รายที่ 2 หญิงอายุ 21 ปี อาศัยใน กทม. ประวัติไปที่สถานบันเทิงในขี้เหล็ก พร้อมกับเพื่อนสนิทที่อยู่ จ.พิจิตร และเดินเข้าไทยผ่านช่องทางธรรมชาติเมื่อ 28 พ.ย. จากนั้นนั่งเครื่องมาลงที่สนามบินดอนเมือง แล้วนั่งแท็กซี่จากสนามบินกลับที่พัก วันที่ 29 พ.ย.ไปตรวจที่คลินิกแพทย์ ได้รับคำแนะนำให้ไปตรวจที่ รพ. จึงนั่งรถยนต์ส่วนตัวกับแฟนไปตรวจที่ รพ.เอกชน ผลตรวจพบเชื้อโควิด

รายที่ 3 หญิงอายุ 25 ปี จ.พิจิตร ไม่มีอาการ แต่เนื่องจากเป็นเพื่อนกับหญิงอายุ 28 ปี จ.พะเยา จึงเข้าสู่การกักกันโรค ผลตรวจพบเชื้อเช่นกัน

รายที่ 4 หญิงอายุ 36 ปี จ.ราชบุรี มีประวัติไปทำงานที่สถานบันเทิงในท่าขี้เหล็ก เดินทางเข้าไทยผ่านช่องทางธรรมชาติวันที่ 28 พ.ย. และเดินทางไปสนามบินเชียงใหม่โดยรถยนต์ของเพื่อน พร้อมแฟนเพื่อน จากนั้นนั่งเครื่องบินมาลงถึงดอนเมือง นั่งแท็กซี่ไปหมอชิต นั่งรถตู้ต่อไปราชบุรี ทราบข่าวว่าเพื่อนติดเชื้อ แพทย์จึงส่งตรวจหาเชื้อ และได้ผลยืนยันตรวจพบเชื้อ

ส่วนรายที่ 5 และรายที่ 6 เป็นหญิง อายุ 23 ปี และ 25 ปี จ.เชียงใหม่ เดินทางเข้าไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ 3 คน โดยการเดินเท้า และจ้างวิน จยย. ไปนอนค้างบ้านเพื่อนที่ อ.แม่สาย จากนั้นเหมารถจากแม่สายมาเชียงใหม่ และไปตรวจที่ รพ.เอกชน พบเชื้อโควิดทั้ง 2 คน

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ตรวจพบขณะนี้ ซึ่งเป็นคนที่เดินทางกลับเข้ามาไม่ยอมแจ้งข้อมูลแสดงตนและไม่ยอมรับการกักตัว ไร้ความรับผิดชอบ สร้างความเสียหายให้กับประเทศ ซึ่งการดำเนินคดียังไม่ทราบว่าจะเข้าข่ายความผิดใดบ้าง แต่กระทรวงสาธารณสุขจะรับผิดชอบในส่วนเกี่ยวข้องในการสอบสวนโรค และพร้อมประสานกับหน่วยงานความมั่นคง เพื่อปิดช่องทางลักลอบต่างๆ รวมถึงอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. ก็ต้องร่วมสอดส่อง พร้อมย้ำว่าสถานการณ์ขณะนี้ยังควบคุมได้ และยังไม่เป็นการแพร่ระบาดรอบ 2 ไม่ต้องล็อกดาวน์จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย เพราะยังสามารถควบคุมการแพร่ระบาดไม่ให้กระจายไปในวงกว้างได้ แต่ก็ต้องยืดระยะเวลาการคลายล็อกออกไปก่อน และประเมินสถานการณ์บริเวณชายแดนไม่ให้มีการแพร่ระบาด เพราะเหตุที่เกิดขึ้นไม่เหมือนการระบาดที่สนามมวย แต่เป็นการไม่ยินยอมมาแสดงตัว ดังนั้น จึงอยากให้คนที่เดินทางมาจากอำเภอท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งไม่ใช่เพื่อจะดำเนินคดี แต่เป็นการทำคุณประโยชน์แก่ประเทศ ส่วนคนที่จะเดินทางไปท่องเที่ยว สามารถไปเที่ยวได้ตามปกติในช่วงสิ้นปีนี้ แต่ขอให้สวมหน้ากากอนามัย ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรค ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะดูแลอย่างดีและจะไม่ให้เกิดการลับลอบเข้าประเทศอีก.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ระทึก! สารแอมโมเนียจากโรงน้ำแข็งรั่ว บาดเจ็บนับร้อย

ระทึกกลางดึก สารแอมโมเนียรั่วในโรงน้ำแข็ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ชาวบ้านสูดดม ได้รับผลกระทบกว่า 100 คน ต้องกระจายส่งตาม รพ. ต่างๆ

จับแล้ว! ชายอินเดียฆ่าปาดคอหญิงวัย 51 ปี

เกิดเหตุฆ่าปาดคอหญิงอายุ 51 ปี ในโรงแรมท้องที่ สน.ตลาดพลู ผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวอินเดียที่อยู่ด้วยกันในโรงแรม กว่า 1 สัปดาห์ ก่อนหายตัวไปหลังเกิดเหตุ ล่าสุดตามจับได้แล้ว สารภาพอ้างแค้นผู้ตายไม่คืนเงิน

วัยรุ่นเชียงใหม่ ตะลุมบอนงานไม้ค้ำ จ.เชียงใหม่

กลุ่มวัยรุ่นตะลุมบอนชกต่อยกันในงานแห่ไม้ค้ำโพธิ์ จ.เชียงใหม่ ขณะที่ผู้จัดงานติดป้ายเตือนทะเลาะวิวาทในงาน จับได้ปรับ 75,000 มอบให้คนถ่ายคลิป 5,000

ล่า “จัก เขาบายศรี” ถ้าต่อสู้อาจจำเป็นต้องวิสามัญ

ตำรวจปิดล้อมตรวจค้นหลายจุดทั่วเมืองชลบุรี ล่าตัว “จัก เขาบายศรี” มือกราดยิงวันไหล ย่านบ่อนไก่ จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต หากเจอตัวแล้วยิงต่อสู้ อาจจำเป็นต้องวิสามัญ วอนญาติรีบประสานพามามอบตัว

ข่าวแนะนำ

จับตา ครม.เศรษฐา 2 โผเริ่มนิ่ง คาดไม่เกินสัปดาห์

จับตา “ครม.เศรษฐา 2” โผเพื่อไทยเริ่มนิ่ง คาดไม่เกินสัปดาห์ รอตรวจสอบประวัติว่าที่รัฐมนตรี “สุทิน-หมอชลน่าน-ไชยา-เกรียง” ส่อหลุดเก้าอี้ ด้าน “ธรรมนัส” ยันโควตา พปชร. อีก 1 ตำแหน่ง เป็นของ “ไผ่ ลิกค์”

“ดาว บ้านดอน” ลูกทุ่งดัง ล้มในห้องน้ำ

“ดาว บ้านดอน” วัย 76 ปี เจ้าของผลงานเพลงดัง ประสบอุบัติเหตุล้มในห้องน้ำ ล่าสุดลุกนั่งได้ ลืมตาได้ และรู้สึกตัวดี แต่ยังไม่สามารถพูดได้

“บิ๊กต่าย” เซ็นให้ “บิ๊กโจ๊ก-4 ลูกน้อง” ออกจากราชการไว้ก่อน

รักษาราชการแทน ผบ.ตร. เซ็นคำสั่งให้ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” พร้อมลูกน้องอีก 4 นาย ออกจากราชการไว้ก่อน หลังถูกดำเนินคดีอาญา

แพทย์ห่วง ด.ต.ปิยนันท์ มีเลือดคั่งในสมอง

ผู้ช่วย ผบ.ตร.ขอบคุณประชาชน เปิดทางเคลื่อนย้าย ด.ต.ปิยนันท์ รักษา รพ.ตำรวจ ขณะที่แพทย์รับห่วง พบยังมีเลือดคั่งในสมอง เตรียมผ่าตัดสมองซ้ำนำเลือดที่คั่งออก