พนักงานสถานบันเทิงใน จ.ท่าขี้เหล็ก กลับไทยหลังโควิดระบาด

ภาคเหนือ 2 ธ.ค. – พนักงานสถานบันเทิงใน จ.ท่าขี้เหล็ก กลับไทยหลังโควิด-19 ระบาด โดยเจ้าหน้าที่ตั้งจุดคัดกรองบริเวณหน้า สภ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ต่อเนื่อง ด้านผู้ประกอบการโรงแรมในตัวเมืองเชียงใหม่ ยอมรับกระทบธุรกิจ


คนไทย 23 คน เป็นผู้หญิง 11 คน ซึ่งทำงานในสถานบันเทิงใน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกับ 4 หญิงไทยที่ติดโควิด-19 และลักลอบข้ามกลับไทยทางช่องทางธรรมชาติ ทางชายแดน อ.แม่สาย ก่อนหน้านี้ รวมถึงชาย 8 คน และพระสงฆ์ 4 รูป ที่อยู่ใน จ.ท่าขี้เหล็ก ได้เดินทางกลับไทยผ่านทางด่านมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 2 ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อมาถึงฝั่งไทยมีการสอบประวัติ-วัดไข้ รวมทั้งตรวจหาเชื้อเบื้องต้นจากรถพระราชทาน เบื้องต้นยังไม่ทราบผล และไม่มีใครแสดงอาการป่วย ก่อนจะส่งทั้งหมดกักตัวดูอาการที่โรงแรมเวียงอินทร์ริเวอร์ไซด์

สำหรับคนไทยและพระสงฆ์ทั้งหมดที่เข้ากลับฝั่งไทยในวันนี้ เป็นผู้ที่เดินทางออกนอกประเทศแบบถูกกฎหมาย และเป็นคนละกลุ่มที่ลงทะเบียนไว้กับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา ตามประกาศของ จ.เชียงราย ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ใน จ.ท่าขี้เหล็ก ขณะนี้ยังคงพบอย่างต่อเนื่อง วันนี้พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม 3 ราย โดยในช่วงวันที่ 22พฤศจิกายน-2 ธันวาคม 63 พบผู้ป่วยโควิด-19 ใน จ.ท่าขี้เหล็ก รวม 53 ราย


ด้านผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชเวชเชียงใหม่ และผู้อำนวยการฝ่ายแพทย์ ออกมายืนยันถึงความพร้อมของบุคลากรในการรับมือและดูแลผู้ป่วยและคนไข้ ในยุคที่พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิค-19 ที่ติดเชื้อจากประเทศเมียนมา และเข้ามารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนครพิงค์ เชียงใหม่ โดยทางโรงพยาบาลราชเวชมีการตั้งจุดคัดกรอง ตรวจวัดไข้ด้วยเครื่องเทอร์โมสแกน ตั้งแต่ด่านแรก เข้าประตูภายในอาคาร หากพบมีไข้จะทำการสอบประวัติว่ามีความเสี่ยงมาจากประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ จากนั้นจะคัดแยกมาตรวจนอกอาคารตามกระบวนการ เข้าห้องกักตัว ตรวจเสมหะจมูกและคอ และนำตัวเข้าห้องความดันลบตรวจหาเชื้อ ซึ่งจะทราบผลใน 4 ชั่วโมง จากนั้นจะแจ้งทางสำนักงานสาธารณสุขเชียงใหม่ และโรงพยาบาลนครพิงค์ มารับตัวส่งต่อ โดยมีตู้ความดันลบสำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเชื้อ เพื่อส่งต่อไปยังโรงพยาบาลที่รับการรักษาของรัฐ ทั้งนี้ เพื่อให้ความมั่นใจกับผู้ป่วยที่มารับการรักษา และญาติที่มาเยี่ยมอาการป่วยในโรงพยาบาล

เจ้าหน้าที่ออกตั้งจุดคัดกรองบริเวณหน้า สภ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ต่อเนื่อง ช่วง 2 วัน มีการตรวจคัดกรองวัดไข้ผู้ที่ใช้เส้นทางวันละหลายพันคน เบื้องต้นพบมีไข้เข้าเกณฑ์ 37. 5 จำนวน 2 ราย จึงส่งตรวจโรงพยาบาลซ้ำ พบว่าเป็นแค่ไข้ธรรมดาทั่วไป ซึ่งการตั้งจุดตรวจคัดกรองดังกล่าว หลังพบมีหญิงวัย 29 ปี ที่ไปทำงานที่ประเทศเมียนมา ติดโควิด-19 และยังนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนครพิงค์ เชียงใหม่ ทำให้มีการเข้มงวดและเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น และจากการตรวจสอบยานพาหนะ เน้นตรวจยานพาหนะรถโดยสารขนาดใหญ่-ขนาดเล็ก รถส่วนบุคคลที่มีผู้โดยสารมาก และเดินทางมกจาก จ.เชียงราย

ด้านผู้ประกอบการโรงแรมแอทอีท ย่านถนนทิพยเนตร ในตัวเมืองเชียงใหม่ ยอมรับการมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รอบ 2 ในพื้นที่เชียงใหม่ กระทบต่อธุรกิจ ลูกค้าโทรมายกเลิกห้องพักแล้ว แต่ต้องรอดูว่าในช่วงหยุดยาว 10-13 ธันวาคมนี้ จะมีลูกค้าโทรมาจองเพิ่มหรือไม่ ปกติหากไม่มีการระบาดของโควิด -19 จะมีลูกค้าโทรเข้ามาจองจนห้องพักเต็ม จึงอยากให้ภาครัฐในระดับท้องถิ่น ระดับจังหวัด แจ้งข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนได้รับทราบอย่างรวดเร็ว ไม่ใช้ให้รับรู้จากเพจหรือโลกออนไลน์ ก่อนที่ภาครัฐจะออกมาให้รายละเอียด อย่างไรก็ตาม หลังมีการแพร่ระบาดโควิด-19 ทางโรงแรมได้ปรับตัวโดยลดค่าแรงงานลง 50 เปอร์เซ็นต์ ลดค่าห้องพักลง 60 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้พนักงานอยู่ได้และธุรกิจอยู่ได้ ส่วนการบริการลูกค้านวดแผนไทยที่โรงแรมจัดไว้ให้ ช่วงนี้นักท่องเที่ยวไม่ได้เข้ามาพัก พนักงานนวดแผนไทยไม่มีงานทำ จึงอนุญาตให้ไปรับจ้างในอาชีพอื่นก่อน เพื่อมีรายได้เลี้ยงตัวเอง


นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กล่าวว่า แม้ขณะนี้ภาคเหนือ เพื่อนบ้านรอบ จ.ลำปาง พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 แต่ต้องทำความเข้าใจและยืนยันก่อนว่าผู้ที่ติดมาจากต่างประเทศไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อในประเทศ ซึ่ง จ.ลำปาง ยังคงวางมาตรการคุมเข้มเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดเช่นเดิม ทั้งการออกตรวจสถานประกอบการต่อเนื่อง สถานประกอบการที่ใช้แรงงานต่างด้าวในลำปาง ซึ่งมีประมาณ 600 แห่ง มีแรงงานต่างด้าว 2,000 คน โดยเจ้าหน้าที่มีการลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยม สำรวจว่ามีแรงงานต่างด้าวคนไหนที่ลาหยุดยาว หรือสงสัยว่าจะหนีกลับบ้านหรือไม่ อยากบอกประชาชนและนักท่องเที่ยวว่าอย่าตื่นตะหนก จ.ลำปาง ยังคงมีความปลอดภัย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลังทิ้งกลางไร่อ้อย

กาญจนบุรี 18 พ.ค. – พบแล้วศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลัง นำศพทิ้งกลางไร่อ้อย เมืองกาญจน์ หลังครอบครัวแจ้งช่วยตามหาตัวตั้งแต่คืนวันที่ 14 พ.ค. ตั้งปมสังหารเรื่องชู้สาว ความคืบหน้ากรณี “ดีเจเตเต้” ถูกขับรถตามประกบ ก่อนอุ้มขึ้นรถหายตัวไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.53 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุพ่อของดีเจเตเต้ ได้ออกมาอัดคลิปลงเฟซ บุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือในการตามหาตัวลูกชายที่หายตัวไป ก่อนที่ล่าสุดจะพบว่า กลายเป็นศพอยู่กลางไร่อ้อยเชิงเขาบ้านทุ่งนานางหรอก โดยวันนี้เวลาประมาณ 10.30 น. นายธนพล เสือส่าน กำนันบ้านทุ่งนานางหรอก ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพอยู่บริเวณไร่อ้อย หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี คนที่ไปเจอ เป็นน้าชายของนายกอล์ฟคนในหมู่บ้าน ที่ออกไปหาของป่าแล้วไปเจอศพ ในสภาพนอนตะแคง ถูกมือถูกมัดไขว้หลัง แล้วมาบอกหลานชายคือนายกอล์ฟไปดูด้วยกัน แล้วนายกอล์ฟจึงแจ้งให้กำนันทราบ ทางกำนันก็แจ้งเรื่องต่อไปยังตำรวจ สภ.ลาดหญ้า ซึ่งเบื้องต้นศพสวมเสื้อผ้าตรงกับที่เป็นข่าว […]

หาความจริง “แก๊งแม่ชีพันล้าน” ยันไม่ใช่เรื่องจริง

สมุทรสาคร 18 พ.ค. – วงการสงฆ์ยังไม่แผ่ว กระแสแก๊งแม่ชีพันล้านโผล่อีก สำนักพุทธลงตรวจสอบแล้ว แม่ชีที่ถูกกล่าวหา ตอบได้ทุกคำถาม ยืนยันไม่ใช่เรื่องจริง จากกระแสเมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) มีเพจหนึ่งนำภาพกลุ่มแม่ชีหลายภาพพร้อมกองธนบัตร และภาพแม่ชีที่แอดมินระบุอ้างว่าเป็นการใส่วิกผม มาโพสต์ลงโซเชียล พร้อข้อความเขียนแจงอย่างละเอียดว่า กรณีมีเพจดังโพสต์ภาพแม่ชีพร้อมข้อความระบุข้อความเด็ดว่า ทำนองว่า “แก๊งแม่ชีพันล้านคุมวัดเบ็ดเสร็จไร้เงาพระ! 1. แม่ชี 2 พี่น้องบริหารวัดลำพังไม่มีไวยาวัจกร ไม่มีกรรมการ ไม่มีมัคทายก ครอบครองที่ดินนับพันไร่แต่ชื่อเจ้าของไม่ใช่วัด บางแปลงเป็นชื่อแม่ชี อาจเข้าข่าย “ถือครองแทน” หรือใช้วัดบังหน้า? ยอดกฐินปีละเกือบ 100 ล้าน! รายชื่อผู้บริจาคซ้ำๆ เดิมๆ ส่วนใหญ่เป็นแม่ชี-คนในวัด ไม่มีอาชีพ ไม่มีธุรกิจ แต่ “บริจาคเป็นล้านทุกปี” ระบบโบนัสแม่ชีสาวช่วยหาทุนได้มาก พาเที่ยวรีสอร์ตหรูปีละครั้ง ใส่วิกเต็มยศ นั้น วันนี้ผู้สื่อข่าวพร้อม นส.สวาท แซ่ตัน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สมุทรสาคร นายอิทธิธร สีเหลือง นักวิชาการศาสนาปฏิบัติการ เดินทางไปที่วัดที่แม่ชีในภาพบวชอยู่ ต.บางโทรัด […]

รวบแม่บ้านควบตำแหน่งกรรมการบริษัท เลี่ยงภาษีกว่า 180 ล้าน

กทม. 18 พ.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง รวบแม่บ้านควบตำแหน่งกรรมการบริษัทชิปปิ้ง เลี่ยงภาษีกว่า 180 ล้านบาท พบก่อเหตุคล้ายกันในบริษัทฯ อีก 2 แห่ง รวมรัฐเสียหายกว่า 430 ล้านบาท ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) นำเจ้าหน้าเข้าจับกุม นางสมบุญ อายุ 54 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1051/2568 ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์2568 ในความผิดฐาน “ร่วมกันเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่มกระทำการใดๆ โดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกัน ที่ลานจอดรถหน้าอพาร์ทเมนต์ พื้นที่ ม.2 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พฤติการณ์ ของ น.ส.สมบุญ ผู้ต้องหา ตรวจสอบพบว่า เป็นหนึ่งในกรรมการ บริษัท แห่งหนึ่งประกอบกิจการเป็นตัวแทนนำเข้าสินค้าและดำเนินพิธีการศุลกากรเพื่อนำสินค้าออกจากท่าเรือ แต่จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบว่าบริษัทฯดังกล่าวมีพฤติการณ์ปิดบังซ่อนเร้นที่มาของรายได้ รวมถึงค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ โดย บริษัทมักจะไม่มีการออกใบกำกับภาษีขายและใบเสร็จรับเงินสำหรับค่าบริการให้แก่ลูกค้าแต่อย่างใด และการจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างของบริษัทฯ มักจะจ่ายเป็นเงินสดให้ลูกจ้างเป็นรายสัปดาห์ […]

สาวใจเด็ด โดดจยย.รับจ้าง วิ่งตามรถตัวเองหลังตามหา 1 ปี

กทม. 18 พ.ค. – สาวใจเด็ด โดดลงจากมอเตอร์ไซค์รับจ้าง วิ่งไล่รถตัวเอง หลังตามหาและผ่อนกุญแจเปล่ามานานกว่า 1 ปี พบเพื่อนสนิทนำรถไปค้ำประกันกับเจ้าหนี้ จากกรณีคลิปที่มีการแชร์ในโซเซียล ขณะผู้หญิงใส่เสื้อลายกำลังวิ่งไล่ตามรถเก๋งสีขาว พร้อมตะโกนให้คนช่วย จนพลเมืองดี ช่วยกันเข้ามารายล้อมรถและคนขับรถเก๋งต้องเลี้ยวเข้าซอย เพื่อลงมาเคลียร์ ก่อนเกิดเหตุชุลมุนขึ้น เมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) ล่าสุดทีมข่าวเปิดใจ สาวที่ปรากฏในคลิป เล่าถึงสาเหตุที่ต้องเข้าไปขวางรถยนต์คันนี้ เพราะว่าเมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม ปี 2567 ตนเองได้ซื้อรถเก๋งคันนี้ ทะเบียนขอนแก่น และนำรถไปฝากจอดไว้ที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง ซึ่งเป็นห้องของแฟนเพื่อนสนิท แต่หลังจากที่นำรถไปฝาก ก็ไม่เคยได้พบรถตัวเองอีกเลย โดยเพื่อนสนิท อ้างว่าแฟนเอาไปขับ ทุกครั้งที่ทวงถามหารถ จะมีการบ่ายเบี่ยงต่างๆ นานา จนในที่สุด ตนเองก็เข้าแจ้งความ ลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ห้วยขวาง ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยตามหารถ เวลาผ่านไปประมาณ 1 ปี ก็ยังตามหาไม่ได้ ตนเองจึงต้องผ่อนกุญแจเปล่า มาเป็นระยะเวลา 1 ปีเต็ม […]

ข่าวแนะนำ

ออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการอุ้มฆ่า “ดีเจเตเต้”

กาญจนบุรี 19 พ.ค. – ออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการแล้ว 4 ราย อุ้มฆ่า “ดีเจเตเต้” ตั้งข้อหาหนักหลายกระทง ล่าสุด ครอบครัวรับศพแล้ว เผยผลชันสูตร กระสุนเจาะศีรษะ 2 นัด เป็นเหตุเสียชีวิต พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เดินทางลงพื้นที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดีล่าตัวแก๊งอุ้มฆ่า นายวราพงษ์ ขุนศรีจตุรงค์ หรือ ดีเจเตเต้ อายุ 33 ปี โดยภายหลังการประชุม พล.ต.ต.พรชัย ชลอเดช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้จับกุม นายธนเดช หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการอุ้มฆ่า ดีเจเตเต้ แล้ว ส่วนอีก 4 คน ศาลอนุมัติหมายจับ ประกอบด้วย นายณรงค์เดช, นายภคณัท, นายนพพิจิตร และนายธราเทพ ทั้งหมดมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ใน 5 ข้อหาหนัก ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น […]

ขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย

กทม. 19 พ.ค.-ทีมค้นหาฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เพื่อขุดค้นหาผู้ประสบเหตุ ซึ่งขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ทีมค้นหา ทั้ง กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) Usar Thailand เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และบริษัทรับเหมาเจาะเสาเข็ม ได้ใช้แบคโฮ เริ่มฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ ความยาวประมาณ 16 เมตร รอบหลุมเสาเข็ม 4 ด้าน เพื่อป้องกันดินสไลด์ปิดทับปากหลุมที่รถแบ็คโฮจะทำการขุด เพื่อค้นหาผู้ประสบเหตุ โดยการฝั่งแผ่นชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เนื่องจากการประเมินของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรม พบว่าดินที่สไลด์ลงมาส่งผลกระทบรุนแรงต่อโครงสร้างอาคาร และเสาไฟฟ้า ในบริเวณที่เกิดเหตุ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาอาคารทรุดตัว เอน และ พังถล่ม จึงจำเป็นต้องนำแผ่นชีทไพล์มากั้น ก่อนทำการขุดดิน และเริ่มค้นหาผู้ประสบเหตุ และหลังจากฝังชีทไพล์ เสร็จสิ้นในเวลา 18.30 น. โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องโซน่า ลงไปในหลุม เพื่อค้นหาร่างผู้ประสบเหตุ ซึ่งจากการใช้ โซน่าสแกน ร่างของผู้ประสบเหตุ ฝังอยู่ในหลุมลึก […]

ตามหา “เจ๊แก้ว” ใส่ทอง 20 บาท หายตัวไป 2 วัน

สุราษฎร์ธานี 19 พ.ค. – ยังไร้วี่แวว “เจ๊แก้ว” เจ้าของแผงทุเรียน หายตัว 2 วัน พร้อมทองหนัก 20 บาท-เงินสด 1 แสน สามีวอนตำรวจ-พลังโชเชียลช่วยตามหา หวั่นเกิดเหตุร้าย เมื่อวานนี้ (18 พ.ค.) ญาติของ น.ส.สุจิตรา หรือเจ๊แก้ว อายุ 43 ปี เจ้าของแผงทุเรียนในตลาดโพธิ์หวาย ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ว่า น.ส.สุจิตรา หายตัวไปวันที่ 17 พฤษภาคม หลังจากเสร็จงานที่แผงทุเรียน และกำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 2 กม. ช่วงเวลาประมาณ 19.40 น. น้องสาวของเจ๊แก้ว เล่าว่า วันนั้นตนได้โทรศัพท์คุยกับพี่สาวและทราบว่าพี่สาวกำลังจะออกจากแผงทุเรียนเพื่อที่จะกลับบ้าน หลังจากนั้นก็เห็นผิดสังเกตว่าพี่สาวยังมาไม่ถึงบ้านเลยพยายามโทรหาแต่ก็ไม่มีคนรับ ปกติแล้วพี่สาวได้สวมใส่สร้อยคอทองคำน้ำหนัก 5 บาท เลทข้อมือทองคำน้ำหนัก 10 บาท […]

“บิ๊กเต่า” นำทีมตรวจเงินวัดไร่ขิง พบบัญชีวัดเพิ่มอีกรวม 49 บัญชี

นครปฐม 19 พ.ค. – “บิ๊กเต่า” นำทีมตรวจเงินวัดไร่ขิง พบตู้บริจาค 185 ตู้ บัญชีวัดรวม 49 บัญชี รอตรวจสอบเส้นเงินที่ชัดเจน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้นำกำลังตำรวจ เจ้าหน้าที่ สตง. และเจ้าหน้าที่สำนักพระพุทธศาสนา เข้าตรวจสอบข้อมูลการเงินเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม ภายในห้องการเงิน วัดไร่ขิง ก่อนที่ในช่วงบ่ายพระครูปฐมธีรวัฒน์ (บัญชา ฐิตธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ได้เป็นตัวแทนนำ จนท.ออกมาชี้จุดตั้งตู้บริจาคปัจจัยที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัด พบว่ามีตู้บริจาคทั้งหมด 185 ตู้ ซึ่งหลังจากใช้เวลาตรวจสอบบัญชีเพิ่มเติมกว่า 8 ชั่วโมง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่าการตรวจสอบในวันนี้ ไม่ได้ เป็นการสอบปากคำ แต่เป็นเพียงการเรียกทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีการเงินของวัดประมาณ 10 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่ธนาคารจาก 4 ธนาคาร เข้ามาให้ข้อมูล เพื่อหาข้อสรุปว่า บัญชีของวัดมีกี่บัญชี ซึ่งทำให้พบบัญชีวัดเพิ่มขึ้นจากที่พบก่อนหน้านี้ 20 กว่าบัญชี (ใน 20 กว่า มีบัญชีส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาส […]