เชียงรายพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก

เชียงราย 30 พ.ย.- เชียงรายพบหญิงสาวติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก ขณะนี้เจ้าหน้าที่เร่งตามหากลุ่มเสี่ยงตามไทม์ไลน์ของผู้ติดเชื้อ


นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายแพทย์ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุข จ.เชียงราย และนายแพทย์ไชยเวช ธนไพศาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ แถลงผลการตรวจพบเชื้อผู้ป่วยด้วยไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ระบุว่าพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 2 คน เป็นหญิงอายุ 26 ปีชาว อ.ขุนตาล จ.เชียงราย และสาวชาว จ.พะเยา อายุ 23 ปี ทั้งคู่มีประวัติลักลอบไปทำงานที่สถานบันเทิงเดียวกันในจังหวัดท่าขี้เหล็ก สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ติดกับ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ก่อนลอบกลับข้ามมาพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.แม่สาย

ต่อมาทราบข่าวเพื่อนหญิงอายุ 29 ปีที่ จ.เชียงใหม่ ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้หญิงสาวชาว อ.ขุนตาล จ.เชียงราย เกิดความกลัวจึงเดินทางไปขอตรวจโรคที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในเขต อ.เมืองเชียงราย กระทั่งพบเชื้อจึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ทางเจ้าหน้าที่ได้สอบสวนเพิ่มเติมและตามไปตรวจสอบหญิงสาวชาวพะเยาที่ยังพักอยู่ที่โรงแรม เมื่อนำมาตรวจก็พบว่าติดเชื้อเช่นกัน ตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ในการดูแลของแพทย์ ที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์แล้ว และทางเจ้าหน้าที่ได้ติดตามขยายผลไปถึงกลุ่มคนสัมผัสใกล้ชิดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการพบเชื้อดังกล่าวไม่อยู่เหนือความคาดหมายเพราะเชียงรายเป็นเมืองชายแดน จังหวัดเคยซ้อมแผนเผชิญเหตุพื้นที่ อ.แม่สาย มาแล้วกระทั่งพบผู้ติดเชื้อลักลอบข้ามไปทำงานประเทศเพื่อนบ้าน แล้วลักลอบข้ามกลับมาอีกในระหว่างที่มีการระบาดในประเทศเพื่อนบ้าน


ด้านนายแพทย์ทศเทพ กล่าวว่าผู้ป่วยทั้งสองรายได้ข้ามไปทำงานในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค.2563 และลักลอบข้ามมายังฝั่งไทยพร้อมกันระหว่างวันที่ 26-27 พ.ย.โดยมีประวัติแตกต่างจากหญิงสาวที่ติดเชื้อที่เชียงใหม่ เพราะหลังจากข้ามมาแล้วก็พักที่โรงแรมไม่ออกไปไหน พอดูข่าวก็พบเพื่อนสาวที่ทำงานด้วยกันในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ประกอบกับตัวเองก็เริ่มมีอาการป่วย วันที่ 28 พ.ย. จึงได้ว่าจ้างรถจักรยานยนต์รับจ้างให้พาไปส่งที่โรงพยาบาลเอกชนใน อ.เมืองเชียงราย ก็ตรวจพบเชื้อและถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเชียงรายนุเคราะห์เพื่อตรวจหาเชื้อก็พบผลเป็นบวกทั้ง 2 ครั้งคือ เวลาบ่ายของวันที่ 29 พ.ย.และเวลา 03.00 น.วันที่ 30 พ.ย.นี้ ต่อมาวันที่ 29 พ.ย.เจ้าหน้าที่ได้ติดตามไปตรวจก็พบผลบวกทั้งสองครั้งเมื่อช่วงคืนที่ผ่านมา

สำหรับไทม์ไลน์ของผู้ป่วยทั้งสองคนถือว่าไม่ซับซ้อน เพราะหลังจากลักลอบกลับเข้าไทยก็พักอยู่ที่โรงแรม ทำให้มีผู้สัมผัสที่เป็นกลุ่มเสียงสูงและต่ำรวมกันทั้งหมด 26-30 คน เช่น พนักงานโรงแรม จักรยานยนต์รับจ้าง เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน ฯลฯ

แต่ตัวเลขยังไม่นิ่งเนื่องจากผู้ป่วยหญิงอายุ 23 ปีชาวพะเยา เคยสั่งอาหารไปที่ห้องจึงอยู่ระหว่างติดตามหาตัวคนส่งอาหารอยู่ แต่กลุ่มเสี่ยงทั้งหมดมีไม่เกิน 30 คน เป็นกลุ่มเสี่ยงต่ำ 25-26 คน เสี่ยงสูง 4 คนซึ่งได้ทำการตรวจหาเชื้อและผลจะออกมาในบ่ายวันที่ 30 พ.ย.นี้ต่อไป ทั้งนี้ ยืนยันว่าทั้งคู่ให้การว่าไม่ได้ออกนอกเส้นทางที่แจ้ง


เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง พร้อมด้วยตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเชียงราย ฝ่ายปกครองอำเภอแม่สาย และเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคแม่สาย ร่วมกันควบคุมตัว น.ส.นิราวรรณ์ จันดาลุย อายุ 29 ปี ชาวจังหวัด จ.นครราชสีมา น.ส.นงนุช ศรีห าวงค์ อายุ 28 ปี ชาวจังหวัดสกลนคร น.ส.กนกพร แสนสันเทียะ ชาวจังหวัดนครราชสีมา และนายภัทรภรณ์ อายุวัฒน์ อายุ 28 ปี ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช

หลังจากเจ้าหน้าที่สืบทราบคนกลุ่มนี้เคยไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้านและเดินทางเข้าออกตามช่องทางธรรมชาติในช่วงที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 และได้โพสต์เฟซบุ๊กขณะลักลอบข้ามกลับมาฝั่งไทยและเช็กอินตามที่ต่างๆ ในอำเภอแม่สายหลายจุด โดยพบตัว น.ส.นงนุช และ น.ส.นิราวรรณ์ ที่บริเวณด่านตรวจกิ่วทัพยั้ง อ.แม่จัน จ.เชียงราย และพบ น.ส.กนกพร และนายภัทรภรณ์ ได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในอำเภอแม่สาย และได้นำตัวทั้ง 4 คน มายังที่ทำการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงราย เพื่อสอบสวนโรค เบื้องต้นผลการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายปกติ ทั้ง 4 คนไม่มีไข้ ทั้ง 4 คนให้การว่า เมื่อประมาณ 2 เดือนก่อน เดินทางไปทำงานที่ร้านคาราโอเกะโป๊ะโกะ จังหวัดเมียววดี ประเทศเมียนมา ฝั่งตรงกันข้ามอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และเมื่อเศรษฐกิจไม่ดีและกลัวว่าจะติดเชื้อโควิด-19 พวกตนจึงได้ขอออกจากงาน และได้เดินทางกลับประเทศไทย โดยลักลอบเดินข้ามพรมแดน (แม่น้ำเมย) ซึ่งได้มีชายชาวเมียนมา มารับและเป็นคนนำทาง โดยได้เสียเงินค่าจ้างพาข้ามแดนให้กับคนนำทางชาวเมียนมา เป็นเงินคนละ 5,500 บาท และเมื่อข้ามมาแล้ว ก็ได้ชักชวนกันเดินทางมาเที่ยวหาเพื่อนที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย และพักอาศัยอยู่ที่อำเภอแม่สายประมาณ 3 วันก่อนแยกย้ายกัน ขณะนี้ทั้ง 4 คน ถูกกักตัวที่กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดเชียงราย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดปมสามียิงภรรยาดับคารถ ปัญหาเรื่องเงิน

กทม. 11 มิ.ย. – เปิดปมเหตุสามียิงภรรยาดับคารถ พี่ชายกับเพื่อนรุ่นน้องเผยว่าผู้ก่อเหตุมีปัญหาเรื่องเงิน พบช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป จากกรณีนายมีนาพัฒน์ อายุ 40 ปี ก่อเหตุยิงนางสาวนันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยาของตัวเอง แล้วทิ้งศพไว้ในรถ ในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เขตบางแค และหลังก่อเหตุปิดล็อกประตูเงียบอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่ล้อมจับนาน 4 ชั่วโมง จนยอมมอบตัวเมื่อคืนวานนี้ (10 มิ.ย.) ต่อมาพี่ชายของนายมีนาพัฒน์ มาเยี่ยมผู้ก่อเหตุที่ สน.เพชรเกษม เปิดใจยอมรับว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาเรื่องเงิน เมื่อช่วงเดือนเมษายน น้องสะใภ้ (ผู้ตาย) บอกว่า น้องชายนำบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดกไปเข้าธนาคาร 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งผิดจากปกติที่น้องไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินมาก่อน เพราะแม่ยกสมบัติให้เยอะมาก ครั้งสุดท้ายที่คุยกับน้องชายคือเมื่อวานนี้ช่วง 19.30 น. น่าหลังจากก่อเหตุฆ่าภรรยาแล้ว คุยกันประมาณครึ่งชั่วโมงสังเกตได้ว่าน้องชายมีอาการสับสน พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มีบางประโยคที่น้องชายพูดออกมาแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ เรื่องบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดก บอกว่า “บ้านหลังนี้ครอบครัวเราจะต้องได้อยู่” […]

ตำรวจภาค 8 รวบ 3 ราย ขบวนการส่งยาขนมากับรถทัวร์

กระบี่ 11 มิ.ย. – รวบขบวนการค้ายาบ้า ขนมากับรถทัวร์ สายเชียงใหม่-ภูเก็ต 3 แสนเม็ด แวะลงกระบี่ ส่งให้เอเย่นต์สาขาสุราษฎร์ฯ ตำรวจรวบทีเดียวทั้งคนส่งและคนรับ นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8 รักษาการ ผบ.ภ.จ.กระบี่ แถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ได้ผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 300,000 เม็ด ประกอบด้วย นายสัมพันธ์ อายุ 54 ปี นายสุรพล อายุ 30 ปี และนางสาวสุนารี อายุ 27 ปี พร้อมยึดรถเก๋ง 1 คัน และแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการส่งมอบยาบ้ากันบริเวณสามแยกเขาต่อ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เมื่อถึงเวลาก็มีรถทัวร์สายเชียงใหม่-ภูเก็ต […]

‘ฮุน มาเนต’ ย้ำทหารกัมพูชาไม่ได้ถอยออกจากพื้นที่

ปารีส 10 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งสารจากฝรั่งเศสถึงชาวกัมพูชา ยืนยันจุดยืนกองทัพไม่ได้ถอนออกจากพื้นที่ภายใต้อธิปไตย พร้อมร่วมมือกับไทยปักปันเขตแดน ตามกลไกเจบีซี ยกเว้น 4 จุดที่จะส่งศาลโลกตัดสิน ฮุน มาเนต ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยมหาสมุทรของสหประชาชาติ ครั้งที่ 3 ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Hun Manet ส่งสารถึงชาวกัมพูชา มีใจความดังนี้ กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางแก้ไขปัญหานี้โดยสันติ แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการพยายามรุกรานใดๆ กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะเข้าร่วมสนับสนุนกลไกการเจรจาชายแดนกับไทยที่มีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม เพื่อดำเนินงานรังวัดและปักปันเขตแดนที่เหลือระหว่าง 2 ประเทศต่อไป ยกเว้นประเด็นที่กัมพูชาจะส่งให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ไอซีเจ (ICJ) พิจารณา

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ดูบังเกอร์หลบภัย ถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ มท.

11 มิ.ย.- นายกฯ ดูชาวบ้านทำบังเกอร์ ร้องโถ่ ก่อนถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ ก.มหาดไทย หลังรายงานขอรับบริจาคมาใช้แทนยางรถยนต์ วันนี้ (11 มิ.ย. 68) เวลา 13.40 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่ต่อมายังหมู่บ้านสกลพัฒนา ตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง เพื่อพบปะชาวบ้าน มอบสิ่งของ และตรวจดูการทำบังเกอร์หลบภัย โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้มีชาวบ้านนำผ้าขาวม้ามามอบให้ ซึ่งนายกฯ รับมาก่อนจะหันไปหานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า “ผูกกันเป็นทีม” ก่อนจะมอบสิ่งของอุปโภค – บริโภค เพื่อให้กำลังใจชาวบ้านในพื้นที่ จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมการสร้างบังเกอร์ โดยมีนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านสกลพัฒนา รายงาน โดยนายกรัฐมนตรี ถามผู้ว่าฯ ว่า ขอเข้าไปดูได้หรือไม่ และถามชาวบ้านบ้านว่า “ทำมานานหรือยัง” โดยชาวบ้านบอกว่า […]

คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา-ค้านประกันตัว

กรุงเทพฯ 11 มิ.ย. – คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ ตำรวจคัดค้านการประกันตัว ส่วนผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวฝากขังพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 1 ควบคุมตัวหมอแอร์ ไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากการกระทำความผิดมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะมีการหลบหนีและยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ในระหว่างควบคุมตัว หมอแอร์สวมหมวก แว่นตาดำ และแมสก์ปิดบังใบหน้า พยายามแอบอยู่หลังเจ้าหน้าที่ โดยไม่ตอบคำถามของสื่อมวลชนแต่อย่างใด สำหรับผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ วันพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) .-สำนักข่าวไทย

เปิดขบวนการ “หมอแอร์” สวมชื่อคนตายซื้อยาเสียสาว

11 มิ.ย. – ผู้ช่วย ผบ.ตร. นำแถลงกรณี “หมอแอร์” พร้อมพวกรวม 7 คน แอบอ้างชื่อคลินิก 12 แห่ง สั่งซื้อยายาเสียสาว นำมาขายต่อ นาน 3 ปี และยังสวมชื่อคนตาย 370 คน รับยา ขณะที่ รพ.ตำรวจ มีคำสั่งให้ “หมอแอร์” ออกจากราชการไว้ก่อน หลังเมื่อวานนี้ (10 มิ.ย.68) เจ้าหน้าที่บุกจับ “หมอแอร์” คุณหมอชื่อดัง สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมพวก แอบอ้าง 12 คลินิก สั่งซื้อยาควบคุม (ยาเสียสาว) นำมาขายต่อ นาน 3 ปี วันนี้ (11 มิ.ย.68) มีการแถลงข่าวเรื่องนี้ นำโดย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย […]

เปิดภาพความจริง! อดีต-ปัจจุบันชายแดนช่องบก

11 มิ.ย. – ‘กองทัพไทย’ เปิดภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศ ชายแดนช่องบก อุบลราชธานี เปรียบเทียบอดีต-ปัจจุบัน พบการทำกิจกรรมทางทหาร-ขุดคูเลต-ทำถนนส่งกำลังบำรุง ก่อนเหตุปะทะช่องบก 28 พ.ค.2568 ทีมโฆษกกองทัพไทย เปิดข้อมูลแผนที่ทางอากาศ จัดทำโดยกองบัญชาการกองทัพไทย จากกรณีไทย และกัมพูชา มีข้อสังเกตหลายประเด็นที่ปรากฏในภาพถ่ายทางอากาศตรงจุดปะทะ โดยภาพถ่ายทางอากาศ เริ่มตั้งแต่ปี 2497 ช่วงแรกถ่ายไว้จนถึงปี 2520, 2527 และมีการถ่ายภาพทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ส่วนกรณีที่อ้างถึงการยึดครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่ที่มีปัญหานานมากแล้วนั้น หากมองตามภาพถ่ายทางอากาศ จะยืนยันได้ว่า ไม่มีการเข้าไปใช้พื้นที่อย่างที่อ้าง ข้อมูลของกองทัพไทย ยังได้เปรียบเทียบเส้นสีแดงในแผนที่ เป็นเส้นแนวที่ไทยยึดถือ ใช้แบ่งแนวเขตระหว่างไทย กัมพูชา และลาว ส่วนจุดปะทะที่เกิดขึ้นนั้น เป็นพื้นที่ที่เข้ามาทางฝั่งไทย ทั้งนี้ กองทัพไทยยังมีการถ่ายทางอากาศต่อเนื่องยาวมาถึงปี 2539, 2546, 2553 และ 2561 เป็นที่สังเกตได้ว่า ช่วง 70 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2497 ไม่มีใครเข้ามาถือครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่นั้น หากมองถึงกิจกรรมของประเทศเพื่อนบ้านที่ประเด็นในปัจจุบันนั้น เห็นได้อย่างชัดเจนตามภาพถ่ายทางอากาศว่า มีการเคลื่อนไหวทางการทหารที่แตกต่าง […]