2 พี่น้องรับจ้างเก็บเศษยางประทังชีวิต

ตรัง 23 พ.ย.-ชีวิตสุดลำเค็ญ สองพี่น้องวัย 12 และ 13 ปีชาว อ.ห้วยยอด จ.ตรัง พ่อแม่แยกทางกัน ทิ้งให้อยู่กับยายที่ไร้เรี่ยวแรงและตาป่วยติดเตียง ต้องรับจ้างเก็บเศษยางประทังชีวิต

ด.ญ ภิญญดา (ครีม) ทองรอด อายุ 12 ปีและ ด.ญ กานติมา (ข้าวฟ่าง) ทองรอด อายุ 13 ปี ทั้งคู่เป็นนักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 102 บ้านเกาะเต่า ต.ในเตา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง โดยอาศัยอยู่ในบ้านเอื้ออาทรที่ทางจังหวัดสร้างให้กับคุณตาคือ นายแดง จุ้ยล่าย อายุ 83 ปีซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียงมานานกว่า 8 ปีแล้ว และนางละมุน สุกแก้วไชย อายุ 62 ปี คุณยาย น้องครีม นั้นมีผลการเรียนที่ดีเป็นที่ชื่นชมของคุณครู แต่มักเก็บตัวเนื่องจากมีปัญหาพ่อแม่แยกทางกันและไปมีครอบครัวใหม่ โดยคุณแม่ส่งให้มาให้เดือนละ 500 บาท ส่วนคุณยายวัย 62 ปีก็ต้องออกไปรับจ้างเล็กๆ น้อยๆ เนื่องจากเคยขาหักต้องใส่เหล็กดามไว้ จึงทำงานหนักไม่ได้


น้องครีมกับพี่สาวจึงต้องออกไปรับจ้างเก็บเศษยาง หรือขี้ยางพารา เก็บผักขายและรับจ้างทั่วไป เพื่อหาเงินมาเป็นทุนการศึกษาและใช้จ่ายประจำวัน รวมรายได้รับจ้างเด็ก 2 คนกับค่าเบี้ยยังชีพคนชรา และเบี้ยคนพิการคุณตาคุณยายและที่แม่ส่งมาให้ ครอบครัวนี้ก็มีรายได้เพียงเดือนละ 5,000 บาท ทำให้ทุกวันนี้น้องครีมกับพี่สาวมีชุดนักเรียนแค่คนละ 1 ชุดซึ่งต้องกลับมาซักทุกวัน หากวันไหนฝนตกหนักเสื้อผ้าไม่แห้งก็ต้องขาดเรียนไป นอกจากนี้ เด็กทั้งสองยังต้องช่วยกันดูแลคุณตาซึ่งป่วยติดเตียงด้วย หลอดไฟในบ้านก็ดับมาหลายวันแล้ว ต้องจุดเทียนในเวลากลางคืน โดยฝันอยากจะเป็นพยาบาลแต่เชื่อว่าคงไปไม่ถึงฝันเพราะฐานะทางบ้านยากจน ที่ผ่านมามีกำนันผู้ใหญ่บ้านและ อบต.ในพื้นที่แวะเวียนมาเยี่ยมบ้าง ทำให้มีขวัญกำลังใจที่ดีขึ้น ส่วนผู้มีจิตศรัทธาอยากจะช่วยเหลือน้องครีมกับพี่สาว สามารถติดต่อน้องครีมได้ที่ หมายเลข 063-0950970 หรือที่หมายเลขบัญชีชื่อ ด.ญ ภิญญดา ทองรอด ธนาคารออมสิน สาขาห้วยยอด หมายเลขบัญชี 020347968933.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชนรถบรรทุก

แพทย์หญิงดับสลด ขับชนท้ายรถบรรทุก

แพทย์หญิง ขับรถพุ่งชนท้ายรถบรรทุก 6 ล้อ เสียชีวิตคาที่ บริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี มุ่งหน้าสะพานตากสิน ถนนกรุงธนบุรี ตรวจสอบในรถพบซองยาแก้หวัด-คัดจมูก

แสตมป์ถูกข่มขู่

โฆษก ทบ. พร้อมให้ความเป็นธรรม​​ “แสตมป์​-​ภรรยา​”

โฆษกกองทัพบก พร้อมให้ความเป็นธรรม​​ “แสตมป์​-​ภรรยา​” ถูกนายพลข่มขู่​ ขอข้อมูลเพิ่มตรวจสอบอยู่ในประจำการหรือไม่​ ลั่น​ หากยังรับราชการถือผู้วินัยร้ายแรง​แม้เป็นเรื่องส่วนตัว​

ข่าวแนะนำ

น้ำค้างแข็งดอยอินทนนท์

ดอยอินทนนท์ น้ำค้างแข็งต่อเนื่อง อุณหภูมิยอดหญ้าติดลบ

ภาคเหนือหนาวต่อเนื่อง บริเวณกิ่วแม่ปาน ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ เกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็งขาวโพลน เป็นวันที่ 10 อุณหภูมิยอดหญ้า ติดลบ 0.4 องศาฯ

U.S. President Joe Biden and Trump shaking hands during meeting in Oval Office on November 13, 2024

“ทรัมป์” เตรียมสาบานตนรับตำแหน่ง ปธน.สหรัฐวันนี้

วอชิงตัน 20 ม.ค. – นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐประกอบกิจกรรมหลายอย่างเมื่อวานนี้ ก่อนเตรียมตัวเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีช่วงเที่ยงวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น นายทรัมป์เดินทางมาถึงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ตั้งแต่เย็นวันเสาร์ และเมื่อวานนี้เขาและนายเจดี แวนซ์ ว่าที่รองประธานาธิบดี ได้เดินทางไปร่วมพิธีวางพวงมาลาและเคารพเหล่าทหารที่เสียชีวิตในสงครามที่สุสานแห่งชาติอาร์ลิงตัน รัฐเวอร์จิเนีย จากนั้นนายทรัมป์ได้ไปเข้าร่วมงานปราศรัยกับผู้สนับสนุนที่แคปิตอลวันอารีนา ซึ่งเป็นสนามกีฬาในร่มในกรุงวอชิงตัน นับเป็นการปราศรัยใหญ่ในกรุงวอชิงตันครั้งแรกของทรัมป์ หลังจากที่เคยปราศรัยเรียกร้องผู้สนับสนุนให้ยกขบวนไปอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 คัดค้านที่เขาพ่ายแพ้ให้แก่นายโจ ไบเดนในการเลือกตั้งปี 2563 สนามกีฬาแห่งนี้ยังจะเปิดให้ผู้คนได้เข้าชมงานพิธีสาบานตนของทรัมป์ผ่านการถ่ายทอดสดทางจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ เนื่องจากสภาพอากาศเลวร้ายจากอิทธิพลของกระแสลมวนขั้วโลกแผ่ปกคลุมสหรัฐ ทำให้ต้องย้ายการจัดพิธีสาบานตนจากด้านหน้าอาคารรัฐสภาเข้าไปจัดด้านใน โดยมีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยพื้นที่โดยรอบ ขณะที่ชาวอเมริกันจากทั่วประเทศเดินทางถึงกรุงวอชิงตันแล้วเพื่อร่วมงานที่เกี่ยวข้องกับพิธีสาบานตนของทรัมป์ หลายคนผิดหวังที่พลาดโอกาสได้ร่วมพิธีสาบานตนของทรัมป์ แต่ส่วนใหญ่เข้าใจเกี่ยวกับปัญหาสภาพอากาศเลวร้าย นายทรัมป์ วัย 78 ปี จะทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในเวลาเที่ยงวันของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเที่ยงคืนวันนี้ตามเวลาไทย ตามด้วยการกล่าวปราศรัย ซึ่งจะเป็นการประกาศแนวทางสำหรับการบริหารงานเป็นเวลา 4 ปีหลังจากนี้.-815(814).-สำนักข่าวไทย

ฝุ่นPM

เตือนเฝ้าระวังค่าฝุ่น PM2.5 สูงตลอดสัปดาห์นี้

กรมควบคุมมลพิษ แจ้งเตือนแนวโน้มค่าฝุ่น PM2.5 มีแนวโน้มสูงขึ้นตลอดสัปดาห์ โดยเฉพาะระหว่างวันที่ 22-25 ม.ค. ทั้งสาเหตุจากอากาศนิ่งและจมตัว อัตราการระบายอากาศค่อนข้างต่ำ ประกอบกับข้อมูลจุดความร้อนที่ยังพบการเผาในหลายพื้นที่ รวมถึงหมอกควันข้ามแดน