ตรัง 16 พ.ย.-ปลูกยางไม่ไหว ปลูกลำไยดีกว่า ชายเมืองตรัง เกษตรกรผู้คิดต่าง โค่นต้นยางพาราเนื้อที่กว่า 30 ไร่ หันมาปลูกลำไยพันธุ์เพชรเวียงพิงค์ ใช้เวลาปลูกแค่ 4 ปีก็เริ่มเก็บเกี่ยวได้ ช่วงนี้คนงานเร่งเก็บลำไยที่ให้ผลดกเต็มต้น ขายหน้าสวน ราคา 90 บาท/กก.
ที่ ต.บางด้วน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง มีสวนลำไยถือว่าเป็นแห่งแรกในเมืองตรังของนายยงศักดิ์ เก้าเอี้ยน อายุ 58 ปีเกษตรกรผู้คิดต่าง ตัดสินใจตัดโค่นต้นยางพาราเนื้อที่กว่า 30 ไร่ หันมาปลูกลำไยพันธุ์เพชรเวียงพิงค์เมื่อปี 2551 จำนวน 600 ต้น ปัจจุบันขยายเป็น 1,200 ต้น โดยใช้เวลาปลูกแค่ 4 ปีลำไยก็เริ่มเก็บเกี่ยวได้ ซึ่งช่วงนี้คนงานกำลังเร่งเก็บลำไยที่ให้ผลผลิตดกเต็มต้นและสุกหวาน หอม กรอบ เพื่อนำออกไปขายหน้าสวน ริมถนนสายท่าพญา-หาดเลา ในราคา 90 บาท/กก. ขายส่ง 75 บาท/กก. โดยปีนี้พบว่าลำไยออกลูกดกกว่าหลายๆ ปีคาดจะได้ไม่ต่ำกว่า 200-300 กก.ต่อต้น หรือไม่ต่ำกว่า 40 ตัน ในปีนี้ (3.6 ล้านบาท)
ใกล้สวนของพี่ยงศักดิ์จะมีน้ำตกโตนเต๊ะ น้ำตกโตนตกแหล่งท่องเที่ยวลือชื่อ นักท่องเที่ยวที่ผ่าน ต่างแวะเลือกซื้อลำไยกันคึกคัก แม้จะราคาสูงกิโลกรัมเกือบ 100 บาท ก็ตาม สำหรับสวนนี้ ได้มาตรฐานระบบ GAP โดยใช้ตาจ่ายและกาวดักแมลงด้วยวิธีธรรมชาติ จนได้รับรางวัลเกษตรกรดีเด่นในปี 2557 ทำให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจในความปลอดภัย คุณภาพและรสชาติที่หวานกรอบ เม็ดลีบ ลูกใหญ่ขนาดเท่าเหรียญ 10 บาท ประกอบกับเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวใน จ.ตรัง ที่ปลูกลำไยได้ผลดีเกินคาด ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องราคาตกต่ำ ประกอบกับอยู่ใกล้กับเทือกเขาบรรทัด มีอากาศที่เย็นสบาย มีแหล่งน้ำและดินที่อุดมสมบูรณ์ นายสมศักดิ์ ชูเพ็ง ผจก.สวนลำไย บอกว่า แต่ละปีขายลำไยได้ไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งดีกว่าการทำสวนยางพาราในพื้นที่เท่ากันตลอดทั้งปีเลยทีเดียว ลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในภาคใต้ รวมไปถึง 3 จังหวัดชายแดนใต้ เกษตรกรรายใดคิดปรับเปลี่ยนอาชีพ สามารถติดต่อได้ที่หมายเลข 093-6925471 และ 088-8194360.-สำนักข่าวไทย