“ฝายมีชีวิตวัดช้าง” ป้องกันน้ำท่วม-น้ำแล้ง

31 ต.ค.-อธิบดี พช. น้อมนำศาสตร์พระราชาเปิด “ฝายมีชีวิตวัดช้าง” ป้องกันน้ำท่วม-น้ำแล้งอย่างสมบูรณ์แบบ ช่วยฟื้นฟูรักษาระบบนิเวศน์ป่าไม้อย่างยั่งยืน ชู “ฝายวัดช้าง” เป็นต้นแบบต่อยอดเป็นตลาดริมน้ำหนุนการท่องเที่ยววิถีพุทธ วิถีธรรมชาติ นำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากมั่นคงและชุมชนพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2563 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานในพิธีเปิดฝายมีชีวิตวัดช้าง “สามัคคี สร้างสรรค์ แบ่งปัน” ณ ริมคลองบ้านนา วัดช้าง ตำบลบ้านนา อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก โดยน้อมนำศาสตร์พระราชาของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงพระราชทานแนวพระราชดำริทฤษฎีการพัฒนาและฟื้นฟูป่าไม้ ตลอดจนการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” รวมถึงการบริหารจัดการน้ำ ธนาคารน้ำใต้ดิน และการสร้างฝายมีชีวิต เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน โดยมี พระครูโสภณนาคกิจ เจ้าคณะอำเภอบ้านนา และเจ้าอาวาสวัดช้าง นายอุดมเขต ราษฎร์นุ้ย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก นายอำนาจ แย้มศิริ ปลัดจังหวัดนครนายก นางวจิราพร อมาตยกุล นายอำเภอบ้านนา นายเสฏฐชัย ยุทธเศรษฐสิริ พัฒนาการจังหวัดนครนายก ตลอดจนผู้นำท้องถิ่น และประชาชนอำเภอบ้านนาเข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพียง


พระครูโสภณนาคกิจ กล่าวสัมโมทนียกถาความเป็นมาของฝายมีชีวิตวัดช้างว่า เมื่อก่อนลำคลองบ้านนา อำเภอบ้านนาซึ่งเป็นพื้นที่สูง เวลามีน้ำหลากมาก็จะไหลท่วมลงไปที่อำเภอองครักษ์ซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำ ในฤดูน้ำหลากไหลมาน้ำก็จะไหลหายไปหมด เมื่อถึงฤดูที่จะปลูกพืชผักสวนครัวหลังจากอาชีพทำนาก็ไม่มีน้ำเหลือใช้ อย่างไรก็ตามหลังจากได้มีการหารือกับพัฒนาการจังหวัดนครนายก และได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและภาคเอกชน จึงได้มีการสร้างฝายมีชีวิตขึ้นมาเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ ถือว่าเป็นสิ่งมีประโยชน์ต่อชุมชนที่ได้มีน้ำไว้ใช้ในการเกษตรและอื่นๆในยามหน้าแล้ง

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่ารู้สึกปลื้มใจที่พระเดชพระคุณท่านเอาใจใส่รวมกับศรัทธาญาติโยมในการช่วยกันสร้างฝายมีชีวิตกักเก็บน้ำ เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ เป็นประโยชน์เรื่องสิ่งแวดล้อม โดยไม่ใช้งบประมาณของทางราชการ ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งกำลังความคิด กำลังกาย กำลังทรัพย์ นับเป็นคุณูปการสมควรอย่างยิ่งที่พวกเราจะได้ช่วยกันอุปถัมภ์ค้ำจุนช่วยเหลือดูแลให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนในชุมชนเพิ่มมากขึ้น


อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวด้วยว่าปัญหาอุทกภัย หรือภาวะน้ำท่วมในฤดูฝน และปัญหาภัยแล้ง หรือภาวการณ์ขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง รวมถึงสภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาวะภูมิอากาศ ได้ทำความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนคนไทยเป็นอย่างมาก และมีแนวโน้มว่าจะรุนแรงมากขึ้น การบุกรุกทำลายป่าพื้นที่ต้นน้ำลำธารและการใช้ประโยชน์ที่ดินที่ไม่เหมาะสม เป็นหนึ่งในสาเหตุที่สำคัญของปัญหาการเสื่อมโทรมของระบบนิเวศน์ จึงจำเป็นที่จะต้องเร่งฟื้นฟูพื้นที่ป่าต้นน้ำให้มีความอุดมสมบูรณ์ มีความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อลดความรุนแรง และบรรเทาปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในทุกรูปแบบ

ทั้งนี้ วิธีการหนึ่งที่สำคัญและได้ผลดี คือ “ฝาย” ซึ่งเป็นแนวพระราชดำริทฤษฎีการพัฒนาและฟื้นฟูป่าไม้ ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานให้กับปวงชนชาวไทย ดังนั้นรัฐบาลจึงได้ผลักดันและสนับสนุนให้ชุมชนและประชาชนทั่วประเทศได้เห็นความสำคัญแล้วหันมา “สร้างฝาย” ในพื้นที่ชุมชนของตนเองให้มากที่สุด ซึ่งจะช่วยป้องกันและแก้ปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งยังช่วยฟื้นฟูรักษาระบบนิเวศน์ป่าไม้ด้วยการใช้วัสดุจากธรรมชาติ

นอกจากเรื่องของการทำฝายมีชีวิตแล้ว ยังมีเรื่องของหลุมขนมครก การปลูกป่า 5 ระดับ ซึ่งการปลูกต้นไม้จะช่วยทำให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล ขณะที่รากของต้นไม้ก็ทำหน้าที่เป็นธนาคารน้ำใต้ดินระบบปิด ช่วยทำให้น้ำไม่ไหลไปอย่างรวดเร็ว โดยเมื่อน้ำซึมลงไปที่รากแล้วโคนต้นไม้ก็ช่วยให้น้ำใต้ดินอุดมสมบูรณ์ รวมถึงการบริหารจัดการด้วยการใช้หญ้าแฝกที่จะช่วยป้องกันการพังทลายหน้าดินด้วย


นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เคยกล่าวตอนหนึ่งในรายการ “ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” เมื่อค่ำวันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2561 ความตอนหนึ่งว่า การสร้าง “ฝายมีชีวิต” ที่เป็นการผสมผสาน “หลักการทรงงาน” ของในหลวง รัชกาลที่ 9 เช่น การมีส่วนร่วม การระเบิดจากภายใน การปลูกป่าในใจคน การให้ใช้ธรรมชาติช่วยธรรมชาติ ไปจนถึงการพัฒนาที่ต้องคำนึงถึง “ภูมิศาสตร์ ภูมิสังคม” เป็นกลไกบรรเทาความรุนแรงน้ำหลากและเก็บน้ำไว้ใช้ยามแล้ง และยังเป็นการเติมน้ำใต้ดิน หรือ “ชลประทานใต้ดิน” ด้วยกลไกทางธรรมชาติ ทำให้พื้นที่โดยรอบตัวฝายมีความชุ่มชื้น ฝายมีชีวิตวัดช้าง อำเภอบ้านนา เป็นฝายที่เกิดจากพลังความสามัคคีของทุกภาคส่วนที่มารวมกัน ณ สถานที่แห่งนี้

“ผมกราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณท่านเจ้าคณะอำเภอบ้านนา พัฒนาการจังหวัดนครนายก นายอำเภอบ้านนา ผู้นำท้องถิ่น พี่น้องประชาชนทุกตำบลของอำเภอบ้านนา ตลอดจน ข้าราชการทหาร ตำรวจ ภาคเอกชน ผู้มีจิตศรัทธาที่สนับสนุนบริจาคทุนทรัพย์ ในการจัดหาวัสดุ ทราย เชือก ไม้ไผ่ กระสอบทราย น้ำ อาหาร และอื่นๆ ในการสร้างฝายมีชีวิตที่มีขนาดใหญ่สุดของจังหวัด โดยไม่ได้ใช้งบประมาณของทางราชการ เพื่อป้องกันและแก้ปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งยังช่วยฟื้นฟูรักษาระบบนิเวศน์ของวัดช้าง และเทศบาลตำบลบ้านนา ต่อยอดเป็นตลาดริมน้ำ การท่องเที่ยววิถีพุทธ วิถีธรรมชาติ เพิ่มช่องทางการตลาดให้กับผลิตภัณฑ์ชุมชน สินค้า OTOP สินค้าการเกษตร นำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากมั่นคงและชุมชนพึ่งตนเองได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ด้วยพลังของคนอำเภอบ้านนา บารมีของเจ้าคณะอำเภอบ้านนา การประสานงานของจังหวัดนครนายก โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครนายก กรมการพัฒนาชุมชน และจิตใจอันแข็งแกร่ง สู้ไม่ถอยของครูฝาย ผู้เข้าถึงจิตวิญญาณของการเป็นครูฝาย….ศรัทธาที่เดินได้” อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนกล่าวทิ้งท้าย

โอกาสนี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ได้มอบประกาศเกียรติคุณบัตรแก่ผู้มีส่วนร่วมในการสร้างฝายมีชีวิต จำนวน 27 คน และร่วมกิจกรรมปลูกต้นไทรบริเวณหูช้างของฝายมีชีวิต เพื่อให้รากยึดโยงตัวฝายสร้างความแข็งแรง และร่วมกิจกรรมลอยกระทงขอขมาพระแม่คงคา นอกจากนี้ยังได้จัดการแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP เด่นของจังหวัดนครนายก.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านหนักสุดเป็นประวัติการณ์

น่าน 24 ก.ค. – ยังน่าห่วง น้ำท่วมเขตเศรษฐกิจและตัวเมืองน่าน หนักสุดเป็นประวัติการณ์ บางจุดท่วมสูงถึงชั้น 2 ของบ้าน ประชาชนติดอยู่ในบ้านกลางน้ำ ยิ่งค่ำยิ่งลำบาก .-สำนักข่าวไทย

ไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือด “ไทย-กัมพูชา”

24 ก.ค. – ไล่เรียงไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นในวันนี้ (24 ก.ค.) มีที่มาที่ไปอย่างไร พลันที่ชุดลาดตระเวน กองพันทหารราบที่ 14 เหยียบกับระเบิดที่ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อเย็นวานนี้ (23 ก.ค.) ทำให้ทหาร 1 นาย บาดเจ็บสาหัสขาขาด อีก 4 นาย บาดเจ็บ ซ้ำรอยเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาดในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ทำให้สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตึงเครียดถึงขีดสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยกระดับมาตรการตอบโต้สั่งปิดด่าน 4 แห่ง คือ ช่องอานม้า, ช่องสะงำ, ช่องจอม และช่องสายตะกู พร้อมปิดสถานที่ท่องเที่ยว 2 แห่ง คือ ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควายทันที 07.35 น. วันนี้ (24 ก.ค.) ความรุนแรงเริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม รายงานว่าได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ […]

ไม่พลาดเป้า! เอฟ-16 ทิ้งบอมบ์รอบ 2 กลับฐานปลอดภัย

24 ก.ค.- ทอ.เปิดปฏิบัติการ ส่งเอฟ-16 ทิ้งบอมบ์ฝั่งกัมพูชาไม่พลาดเป้า กลับฐานแล้วอย่างปลอดภัย เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 24 ก.ค.68 กองทัพอากาศ เปิดปฏิบัติการ ส่ง F-16 รอบ 2 ของวันนี้ 4 เครื่อง ในการโจมตีทางอากาศตอบโต้กองทัพกัมพูชา ในจุดสำคัญ ทางทิศใต้ของปราสาทตาเมือนธม ไม่พลาดเป้า โดยล่าสุด 17.00 น. F-16 ทั้ง 4 เครื่อง กลับฐานบิน ปลอดภัย หลังสนับสนุน เปิดปฏิบัติการ “ยุทธบดินทร์” -สำนักข่าวไทย