สมุทรสาคร 15 ต.ค.-“อัจฉริยะ” เตรียมฟ้องโรงพยาบาลและแพทย์ทำคลอดเด็กเสียชีวิต หลังพาผู้เสียหายรายที่ 4 แจ้งความ ด้าน ผอ.โรงพยาบาล พร้อมชี้แจงต่อกระบวนการยุติธรรม
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางไปที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร พร้อมพานายกิตติพงษ์ เกรตจุ อายุ 34 ปี สามีของนางสาวธัญญาภรณ์ ไทยเจริญ อายุ 37 ปี ผู้เสียหายที่คลอดลูกแล้วเสียชีวิตเป็นรายที่ 4 แจ้งความกับพนักงานสอบสวน หลังได้ทำคลอดที่โรงพยาบาลสมุทรสาครแล้วเสียชีวิต ซึ่งถือเป็นรายที่ 4 พร้อมพาผู้เสียหาย 3 คนแรกมาให้ปากคำเพิ่มเติม
นายอัจฉริยะ บอกว่าตามที่โรงพยาบาล แจ้งว่ามีเด็กเสียชีวิตเดือนละ 4-5 ศพ ตนเองมองว่าเป็นจำนวนที่มาก ขณะที่ผู้เสียหายทุกรายในคดีฝากครรภ์กับ “หมอสยาม” โดยจ่ายพิเศษรายละ 5,000-7,000 บาท อย่างต่ำ อีกทั้งล่าสุดได้ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งว่า ข้อมูลจนถึงเดือนกันยายน 2563 มีการไปเก็บศพที่โรงพยาบาลสมุทรสาครถึง 40 ศพ จึงเชื่้อว่ามีโอกาสที่เด็กจะเสียชีวิตมากกว่า 60 รายใน 1 ปี หลังจากนี้เตรียมฟ้องละเมิดกับโรงพยาบาล โดยเฉพาะ ผอ.โรงพยาบาล ที่ต้องรับผิดชอบ รวมถึงฟ้องร้อง “หมอสยาม” ทั้งคดีอาญาและคดีแพ่ง
นายกิตติพงษ์ เกรตจุ สามีของนางสาวธัญญาภรณ์ ไทยเจริญ ผู้เสียหายที่คลอดลูกแล้วเสียชีวิต บอกว่าภรรยาคลอดบุตรวันที่ 11 กันยายน และเสียชีวิต 12 กันยายน โดยสาเหตุการเสียชีวิต แพทย์ระบุว่าเกิดจากติดเชื้อในกระแสเลือด ก่อนหน้านั้นได้พาภรรยาไปฝากครรภ์ที่คลินิก “หมอสยาม” พอตั้งครรภ์ได้ 8 เดือน เกิดมีภาวะความดันสูง “หมอสยาม” จึงให้มารักษาตัวที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน กระทั่งวันที่ 11 กันยายน มีแพทย์อีกคนมาผ่าคลอด ปรากฏว่าผ่านไปเพียง 1 วัน เด็กเสียชีวิต เพราะคลอดก่อนกำหนด ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีอาการปกติทุกอย่าง
ด้านนายแพทย์อนุกูล ไทยถานันดร์ ผอ.โรงพยาบาลสมุทรสาคร กล่าวถึงกรณีที่นายอัจฉริยะ เตรียมฟ้องร้องโรงพยาบาล และ”หมอสยาม” ว่าถือเป็นสิทธิ แต่โรงพยาบาลพร้อมชี้แจงข้อเท็จจริงตามกระบวนการ ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า ประกันสังคมจ่ายเงินเยียวยาผู้เสียหายรายที่ 1 แต่โรงพยาบาลไม่ยอมจ่ายให้นั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะจากการสอบถามสำนักงานประกันสังคมฯ ได้รับแจ้งว่ายังไม่มีการจ่ายเงินในเคสนี้เพราะอยู่ระหว่างอุทธรณ์ ส่วนกรณีที่มีการอ้างว่ามีเด็กเสียชีวิต 40 ศพนั้น นายอัจฉริยะ อาจเข้าใจผิดหรือได้รับข้อมูลผิด เพราะบางเดือนมีเพียง 1-2 รายเท่านั้น.-สำนักข่าวไทย