โกลาหล! กลุ่มผู้ปกครองบุกห้องประชุม รร.สารสาสน์ฯ

นนทบุรี 29 ก.ย. – ที่โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ เป็นไปด้วยความโกลาหล หลังกลุ่มผู้ปกครองเดินทางมารับฟังคำชี้แจงจากตัวแทนโรงเรียนฯ แต่ปรากฏว่าในการหารือไม่ได้เปิดให้ผู้ปกครองเข้าร่วมรับฟัง จึงมีการบุกเข้าไปในห้องประชุม


นี่เป็นภาพกลุ่มผู้ปกครองนักเรียนนับร้อยคนไม่พอใจ เหตุโรงเรียนฯ นัดผู้ปกครองมาประชุมหาทางออก แต่มีเพียงผู้บริหารของโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ นายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และตำรวจ สภ.ชัยพฤกษ์ ประชุมร่วมกันเท่านั้น โดยไม่เชิญผู้ปกครองเข้าร่วมรับฟัง จึงสร้างความไม่พอใจ ก่อนที่ผู้ปกครองจะเดินไปเคาะประตูห้องประชุมให้โรงเรียนฯ เปิดห้อง จากนั้นเมื่อห้องประชุมอีกฝั่งเปิด ผู้ปกครองได้กรูเข้าไปถามถึงปัญหาทั้งหมด ก่อนจะได้รับการบ่ายเบี่ยงว่า ให้ไปสอบถามเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ซึ่งเดินออกไปด้านนอกแล้ว

จากนั้นเวลา 11.40 น. โรงเรียนฯ จึงเปิดห้องประชุมใหญ่ให้ผู้ปกครองและสื่อฯ เข้ารับฟังข้อสรุป โดยมีนายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และนายกมล รอดคล้าย ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมแถลงด้วย รวมทั้งผู้บริหารโรงเรียนฯ บางส่วน


นายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ชี้แจงเหตุที่ไม่ได้เชิญผู้ปกครองเข้าร่วม เพราะตนเข้ามาเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเท่านั้น และจากการตรวจสอบพบโรงเรียนฯ มีปัญหาต้องแก้ไขหลายอย่าง ทั้งเรื่องการเก็บค่าธรรมเนียมการเรียนที่พบมีการเรียกเก็บปีละ 80,000 บาท (ไม่เกี่ยวกับค่าเทอม) ซึ่งโรงเรียนฯ รับปากว่าจะคืนเงินส่วนเกินให้ผู้ปกครองทั้งหมด นอกจากนี้ยังพบว่า จำนวนนักเรียนต่อห้องที่กำหนดไว้ต้องไม่เกิน 25 คน แต่โรงเรียนกลับเปิดรับ 34 คน/ห้อง ซึ่งต้องแก้ไขภายใน 15 วัน พร้อมกันนี้จะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง 12 คน เพื่อตรวจสอบโรงเรียนในเครือสารสาสน์ทั้ง 34 แห่ง ที่ได้รับการร้องเรียน

ต่อมาในเวลา 12.00 น. นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เดินทางมายังโรงเรียนฯ พร้อมเปิดเผยว่า จะให้เลขาธิการคุรุสภา ร้องทุกข์กล่าวโทษผู้บริหารโรงเรียนฯ รวมทั้งครูที่เกี่ยวข้อง กรณีนำคนที่ไม่ถูกต้องมาดูแลเด็กนักเรียน รวมถึงไม่มีใบประกอบวิชาชีพครู ในวันพรุ่งนี้ (30 ก.ย.) ที่ สภ.ชัยพฤกษ์ และเตรียมส่งหนังสือขอหารือกับนายพิบูลย์ ยงค์กมล ผู้ถือใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนฯ

ด้านตัวแทนผู้บริหารโรงเรียนฯ ย้ำว่าจะปรับโครงสร้างผู้บริหารใหม่ทั้งหมด พร้อมเยียวยาด้านต่างๆ หากผู้ปกครองต้องการนำนักเรียนย้ายออก ก็ยินดีคืนค่าเล่าเรียนในเทอม 1 ของปี 2563 อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครองยังคงไม่มั่นใจ และต้องการพบผู้อำนวยการโรงเรียนฯ พร้อมเรียกร้องหามาตรการเยียวยา


ท้ายสุดจากการหารือนานกว่า 4 ชั่วโมง ระหว่างรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เลขาธิการ กช. คณะกรรมการบริหารโรงเรียนฯ และผู้ปกครอง นานเกือบ 4 ชั่วโมง จึงได้ข้อสรุปว่า โรงเรียนฯ ยอมรับ 7 ข้อเสนอ จากทั้งหมด 14 ข้อเสนอ โดยพร้อมจะดำเนินการทันที ประกอบด้วย

  1. ผู้ปกครองจะเข้าถึงกล้องวงจรปิด ทั้งที่อยู่ในห้องนอน ห้องน้ำ และห้องเรียนได้ แต่ต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครองของนักเรียนในห้องด้วยกันเอง โดยโรงเรียนจะจัดการเรื่องนี้ภายใน 10 วัน
  2. โรงเรียนฯ จะจัดนักจิตวิทยาเข้าเยียวยาสภาพจิตใจ และประเมินระดับจิตวิทยาทุก 6 เดือน คาดว่าดำเนินการได้ในสัปดาห์หน้า
  3. ปรับปรุงคุณภาพอาหารกลางวันใหม่ให้เหมาะสมและเป็นไปตามตารางที่ได้แจ้งไว้กับผู้ปกครอง และขยายเวลารับประทานอาหาร 40 นาที
  4. ปรับปรุงความสะอาดห้องน้ำ ห้องเรียน อุปกรณ์การเรียนการสอน และระบบสาธารณูปโภค
  5. ปรับปรุงรถโรงเรียนให้ได้มาตรฐาน เนื่องจากผู้ปกครองร้องเรียนว่า รถกับจำนวนนักเรียนไม่เพียงพอ และมีรายงานรถโรงเรียนขับเร็ว
  6. จัดเวลาดื่มน้ำและเข้าห้องน้ำของเด็กทุกๆ 2 ชั่วโมง เพราะมีกรณีเด็กเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบและท้องผูก
  7. จัดประชุมผู้ปกครองทุกปีการศึกษา เพื่อแก้ปัญหาต่างๆ

สำหรับข้อเรียกร้องเกี่ยวกับการชดเชยค่าเสียเวลาและค่าน้ำมันของผู้ปกครองในการเดินทาง ค่าทำขวัญนักเรียน รวมทั้งค่าเทอมสำหรับนักเรียนที่ตัดสินใจเรียนต่อ ยังไม่ลงตัว โดยเอกสารและข้อเรียกร้องอื่นๆ จะนำเข้าหารือกับผู้มีอำนาจตัดสินใจของโรงเรียนฯ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ที่กระทรวงศึกษาธิการ ในวันพรุ่งนี้ (30 ก.ย.)

สอบถามผู้กำกับการ สภ.ชัยพฤกษ์ เปิดเผยว่า กล้องวงจรปิดทั้งหมดได้อายัดไว้ที่ สภ.ชัยพฤกษ์ ทั้ง 2 เซิร์ฟเวอร์ โดยตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและแคปเจอร์ภาพทั้งหมด ซึ่งผู้ปกครองสามารถไปขอดูภาพได้ และให้ช่วยตรวจสอบด้วย ส่วนคืบหน้าคดีในภาพรวม “ครูจุ๋ม” และ “ครูเปิ้ล” เข้ารับทราบข้อหาแล้ว “ครูนิด” เตรียมเข้ารับทราบข้อหาพรุ่งนี้ ขณะที่ “ครูมาวิน” ถูกส่งฟ้องและศาลสั่งปรับแล้ว เตรียมอายัดตัวมาดำเนินคดีอาญา

สำหรับโรงเรียนในเครือสารสาสน์ จัดตั้งขึ้นโดยบริษัท แสงเงินพัฒนาการ จำกัด โดยมีนายพิบูลย์ ยงค์กมล เป็นกรรมการผู้ลงนาม แรกเริ่มมีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท เมื่อปี 2524 ล่าสุดมีรายได้รวมในปี 2562 ทั้งสิ้น 1,452 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิประมาณ 367 ล้านบาท ขณะที่สินทรัพย์รวมมีประมาณ 7,157 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นสินทรัพย์เกี่ยวกับที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ประมาณ 5,000 ล้านบาทเศษ. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน-ตอ.-ใต้ตะวันตก ฝนฟ้าคะนอง

กรุงเทพฯ 14 ส.ค. – กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณ จ.บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดบึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร […]

EOD ลุยค้นหาจรวด หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง

13 ส.ค. – EOD ลุยค้นหา-เก็บกู้จรวดในพื้นที่บุรีรัมย์-ศรีสะเกษ หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง ขณะที่คณะ ICRC ลงพื้นที่เก็บข้อมูลผลกระทบเหตุปะทะ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด EOD ลงพื้นที่ตรวจสอบไร่ยางพาราของชาวบ้านและอีกหลายจุด ในเขต ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบหลุมต้องสงสัยอยู่ในที่ดินของตัวเอง จากการตรวจสอบพบสะเก็ดระเบิด และอีกหลายจุดพบเป็นหลุมคล้ายหลุมจรวด BM21 ที่ตกลงมา เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และต้องใช้ความระมัดระวัง ขณะที่ชาวบ้านที่เพิ่งเข้ามาอยู่บ้าน ยังไม่มั่นใจกับสถานการณ์ โดยเฉพาะหลังมีทหารเหยียบทุ่นระเบิดเป็นรายที่ 5 EOD เร่งตรวจสอบ–กู้ระเบิดกระสุนปืนใหญ่ชายแดน ส่วนที่ศรีสะเกษเจ้าหน้าที่ EOD สนธิกำลัง ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีพบกระสุนปืนใหญ่ตกในเขต ต.เสาธงชัย และ ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดน เบื้องต้นพบ 7 จุด บริเวณสวนยางพาราและใกล้เขตชุมชน โดยส่วนใหญ่เป็นลูกกระสุนปืนใหญ่ขนาด 100 มิลลิเมตร เจ้าหน้าที่ได้ทำการขุดตรวจพิสูจน์ พบว่าหลายลูกระเบิดไปแล้ว เหลือเพียงเศษซาก และยังพบอีก 1 จุดในพื้น […]

อึ้งพระอยู่กับสีกา เปิดบนรถเจอกองทิชชูใช้แล้ว

สกลนคร 13 ส.ค. – วงการผ้าเหลืองฉาวอีก ตำรวจตรวจรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทาง พบพระกับสีกาอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 คุยไปคุยมา สุดท้ายไปจบที่ลาสิกขา หลังตำรวจ สภ.ขมิ้น จ.สกลนคร ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน พบรถเก๋งต้องสงสัยสีดำ จอดผิดปกติบริเวณ ริมคลอง บ.พาน ต.ขมิ้น อ.เมือง จ.สกลนคร เมื่อเข้าไปตรวจสอบ ตำรวจต้องอึ้ง เมื่อเจอพระอยู่กับสีกา 2 ต่อ 2 ในรถ ต่อมาทราบว่า คือ พระชัยณรงค์ อายุ 53 ปี สังกัด วัดแห่งหนึ่ง อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ จึงเชิญตัวไปยังวัดใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เพื่อทำพิธีลาสิกขา และนำตัวมาตรวจปัสสาวะ ผลไม่พบสารเสพติด แต่รถที่พระเเละสีกาดังกล่าวอยู่ด้วยกัน พบเป็นรถที่ถูกสวมทะเบียน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ คืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง สภ.ขมิ้น พบรถเก๋งคันดังกล่าวจอดอยู่บริเวณสถานที่เก็บของกลาง กระจกด้านข้างและด้านหลังติดฟิล์มดำสนิท แต่ด้านหน้าฟิล์มใสมองเห็นถึงภายใน ที่เบาะนั่งข้างคนขับ ยังพบกองจีวรของทิดชัยณรงค์ […]

สถานการณ์ชายแดนสุ่มเสี่ยงปะทะรอบ 2

สุรินทร์ 13 ส.ค. – กระแสข่าวจากหลายฝ่ายยืนยันตรงกันว่าระยะ 2 วันนี้ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะเพิ่มความตึงเครียด สุ่มเสี่ยงที่จะมีการปะทะรอบ 2 ฝ่ายปกครอง จ.สุรินทร์ จึงแจ้งเตือนไปยังกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ให้ลูกบ้านเตรียมพร้อมรองรับเหตุฉุกเฉิน ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศ ในหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือน พบว่า หลายครอบครัวเพิ่งกลับเข้าพื้นที่ 1-2 วัน หลังอพยพหนีภัยการสู้รบในห้วงวันที่ 24 – 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ได้รับข่าวไม่สู้ดีนัก เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง แจ้งให้เตรียมความพร้อม เก็บสัมภาระไว้เพื่อรองรับสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงการปะทะ รอบ 2 ซึ่งอาจรุนแรงมากกว่ารอบแรก ทำให้ชาวบ้านหลายคนต่างตื่นตระหนก ต้องการอพยพไปอยู่นอกพื้นที่ แต่เมื่อผู้นำหมู่บ้านทำความเข้าใจ ก็คลายความกังวลลงบ้าง โดยสื่อสารข้อความจากนายอำเภอพนมดงรักว่า รอให้มีเสียงปะทะกันเกิดขึ้นก่อน จึงให้อพยพ ซึ่งชาวบ้านก็เชื่อฟัง เพราะส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าจะอพยพไปที่ไหน เพราะยังไม่มีการเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะที่หญิงคนหนึ่งติดอยู่ในพื้นที่สู้รบ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือนตลอดห้าวัน เพราะเป็นห่วงวัวที่เลี้ยงไว้ จึงอาศัยอยู่ในกระต๊อบพร้อมญาติรวมสี่คน และประเมินสถานการณ์ว่า น่าจะปลอดภัย เพราะวิถีกระสุนไปตกไกลกว่า จึงได้ยินเสียงปะทะอย่างชัดเจน […]