เปิดใจผู้รอดชีวิต เหตุรถบัสชนท้ายรถพ่วง ดับ7

ภูมิภาค 26 ก.ย.-เปิดใจผู้โดยสารรอดชีวิต เหตุรถบัสนำเที่ยวชาวบ้านในตำบลน้ำใส ชนท้ายรถพ่วงที่โคราช เสียชีวิต 7 ราย บาดเจ็บกว่า 50 คน ขณะนี้ยังไม่ชัดว่าหน่วยงานใดพาชาวบ้านไปเที่ยว

เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงเช้ามืด หลังพนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์กลาง อำเภอเมืองนครราชสีมา รับแจ้งอุบัติเหตุรถบัสชนรถบรรทุกมันสำปะหลัง บริเวณแยกถนนตัดใหม่ไชยมงคล ถนนสาย 304 นครราชสีมา – กบินทร์บุรี พื้นที่ตำบลไชยมงคล โดยเจ้าหน้าที่ได้เร่งเข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บที่ยังติดค้างภายในรถ จากนั้นได้ลำเลียงผู้เสียชีวิตออกมาจากจุดเกิดเหตุ ขณะที่รถบัสนำเที่ยว ทะเบียน 30-0288 กาฬสินธุ์ อยู่ในสภาพพังยับเยิน และพลิกตะแคงที่บริเวณแยก ส่วนรถคู่กรณีเป็นรถพ่วง 22 ล้อ ทะเบียน 82-3913 ลพบุรี ในสภาพพังเสียหาย มันสำปะหลังกระจายเกลื่อน


สอบสวนเบื้องต้นทราบข้อมูลว่า รถบัสคันดังกล่าวเดินทางมาจากอำเภอจตุรพักตรพิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อไปทัศนศึกษาที่ชลบุรี แต่เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นแยกไฟแดงและเป็นไฟกะพริบ จู่ๆ รถบัสคันนี้ได้พุ่งชนรถพ่วงที่กำลังจะพ้นแยก

ส่วนข้อมูลจากชาวบ้านคนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์และเป็นผู้สอบถามผู้บาดเจ็บทราบว่า ก่อนเกิดเหตุคนขับรถบัสนำเที่ยวได้ขับรถมาด้วยความเร็วสูงและมีอาการเหมือนจะหลับใน ซึ่งผู้โดยสารพยายามบอกให้นอนพักผ่อน แต่คนขับไม่ยอมฟัง


สำหรับรายชื่อผู้เสียชีวิต 7 ราย ประกอบด้วยเพศชาย 5 ราย และ หญิง 2 ราย ทราบชื่อ นายพินิช เกณฑ์สาคู นางเพ็ญจันทร์ อนุไพร นายเอกพล สิงโบราณ (ผู้ช่วยคนขับรถ) นางศรีสุรัตน์ กระจ่างจันทร์ นายพิทักษ์ ช่ำชอง (คนขับรถ) นายวรงกรณ์ บุตรใส และนายธานินทร์ อินทรพาณิชย์

หลังจากนั้นนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมนายกเหล่ากาชาดจังหวัดฯ เดินทางเข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา พร้อมสั่งตั้งศูนย์ประสานงานและจัดเตรียมที่พักคอยอำนวยความสะดวกญาติพี่น้องของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต

สำหรับผู้บาดเจ็บทั้งหมด 50 คน กระจายตัวรักษาตามโรงพยาบาลในจังหวัดฯ ส่วนใหญ่อยู่ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โรงพยาบาลปักธงชัย และโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี โดยแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านแล้ว 2 คน ส่วนที่เหลือ 48 คนยังต้องพักรักษาตัว และในจำนวนนี้มีอาการสาหัสรวม 5 คน ขณะที่ คปภ.จังหวัดนครราชสีมา กำลังเร่งตรวจสอบสิทธิต่างๆ ของผู้ประสบเหตุทั้งหมด


ผู้สื่อข่าว สำนักข่าวไทย ได้สอบถามผู้บาดเจ็บที่เดินทางมารับรถทัวร์คนหนึ่งให้ข้อมูลว่า รถคันนี้ขับมาด้วยความเร็วสูง ส่วนตนเองนั่งอยู่บนชั้น 2 โดยพยายามบอกให้คนขับรถให้ลดความเร็วแต่ไม่ได้ผล จึงตัดสินใจข่มตานอน กระทั่งพบว่ารถเกิดอุบัติเหตุเสียงดังสนั่น และพอตั้งสติได้จึงพยายามตามหาญาติพี่น้องเพื่อมุดออกจากรถ

ด้านพนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์กลาง ให้ข้อมูลว่า กำลังอยู่ระหว่างสอบปากคำพยานที่เป็นผู้โดยสาร 2-3 คนที่นั่งใกล้กับคนขับรถมากที่สุด เพื่อยืนยันว่าขณะเกิดเหตุใครเป็นคนขับระหว่างนายพิทักษ์ และ นายเอกพล เนื่องจากทั้งคู่อาจสลับกันขับแต่เสียชีวิตทั้งคู่ พร้อมเตรียมตรวจหาสารเสพติด หรือปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดของคนขับ เพื่อประกอบสำนวนอีกครั้ง

สำนักข่าวไทยรวบรวมข้อมูลเหตุการณ์ครั้งนี้ พบว่ารถบัสคันประสบเหตุ เดินทางมาจากอำเภอจตุรพักตรพิมาน โดยโครงการนำเที่ยวนี้ได้พาชาวบ้าน 4 หมู่บ้านในตำบลน้ำใสไปชลบุรีและพัทยา มากันทั้งหมด 4 คันรถออกเดินทางเมื่อคืน โดย 3 คันแรกออกเดินทางล่วงหน้าไปก่อน และใช้เส้นทางผ่านนครราชสีมา เข้าสู่ถนนมิตรภาพ ก่อนนัดพบกันที่เขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ส่วนรถบัสคันประสบเหตุเดินทางทีหลัง เพราะต้องตีรถมาจากกาฬสินธุ์ จากนั้นรถคันประสบเหตุใช้ความเร็วสูงเพื่อพยายามตามอีก 3 คันให้ทัน อีกทั้งไม่ได้ใช้เส้นทางเดียวกัน แต่เลี่ยงมาใช้เส้นทางสาย 304 กระทั่งประสบเหตุบริเวณทางเลี่ยงเมืองนครราชสีมา

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลหลังจากเกิดเหตุการณ์พบว่ายังสับสน เพราะมีกระแสข่าวว่าเป็นรถบัสนำเที่ยวของคณะ อสม. ในโครงการ “เที่ยวปันสุข” และ “กำลังใจ” เนื่องจากพบว่ามีผู้บาดเจ็บเป็น อสม. 3 คนจากทั้งหมด 6 คนที่เดินทางไปพร้อมคณะ (อีก 3 คนที่ไม่บาดเจ็บเพราะอยู่คนละคัน) แต่ปรากฏว่ามีคำยืนยันจากประธาน อสม.จังหวัดร้อยเอ็ด ระหว่างลงพื้นที่ให้กำลังใจญาติของผู้เคราะห์ร้ายว่า การทัศนศึกษาครั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับโครงการของ อสม. แต่ไม่แน่ชัดว่าเป็นโครงการนำเที่ยวของหน่วยงานใด

ส่วนญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง 7 รายทั้งพื้นที่บ้านขุมดิน และบ้านน้ำใส ตำบลน้ำใส ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดเตรียมสถานที่เพื่อประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลตามหลักศาสนา ซึ่งทั้งหมดยังทำใจกับเหตุการณ์ไม่ได้ ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่บอกว่า ไม่ทราบข้อมูลว่าหน่วยงานใดเป็นคนพาไป แต่มีองค์กรท้องถิ่นในพื้นที่เป็นผู้ประสานมา แต่หากใครไม่มี ID Line จะไม่สามารถเข้าร่วมได้ เพราะต้องมีการสแกนข้อมูลบางอย่าง และแต่ละคนจะได้เงิน 3,000 บาท หักค่าเดินทาง 2,000 บาท ที่เหลืออีก 1,000 บาทจะเป็นเงินที่ให้ใช้จ่ายขณะเที่ยว

ข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้สื่อข่าว สำนักข่าวไทย รายงานว่า ตามกำหนดการคือ รถบัส 4 คันได้ออกเดินทางเมื่อคืน เดินทางไปท่องเที่ยวชลบุรีและพัทยา จากนั้นจะส่งถึงบ้านในวันพรุ่งนี้เช้า (27 ก.ย.) สรุป คือ ไปเที่ยว 2 วัน 1 คืน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบว่าหน่วยงานใดพาไป และมีความโปร่งใสหรือไม่.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

ส่องความเสียหายน้ำท่วมหล่มสัก ชาวบ้านหวั่นท่วมซ้ำซาก

เพชรบูรณ์ 21 ก.ย. – แม้ว่าน้ำที่ท่วมชุมชนและย่านการค้าในเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ จะลดลงจนเกือบเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายเป็นวงกว้าง บ้านเรือนร้านค้าหลายร้อยหลังเจอน้ำท่วมซ้ำเป็นรอบที่ 2 ในช่วง 3 สัปดาห์ ทำให้ชาวบ้านกังวลหล่มสักจะกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก.-สำนักข่าวไทย

ไรเดอร์ร้องถูกชายอ้างเป็นตำรวจ ขี่รถประกบ-ข่มขู่

กทม. 21 ก.ย. – ไรเดอร์หนุ่ม สุดงง ถูกชายอ้างเป็นตำรวจสายสืบขี่รถตามประกบ ข่มขู่ดำเนินคดีเป็นไรเดอร์เถื่อน ขณะ สน.หนองแขม ยันไม่ใช่ตำรวจในสังกัด “ต๊ะ” ไรเดอร์วัย 27 ปี โพสต์คลิปบนเฟซบุ๊ก และนำมาร้องสื่อ โดยบอกว่า ชายคนนี้อ้างตัวเป็นตำรวจ ขี่รถมาประกบ และจอดขวางขณะกำลังขี่รถมาถึงปากซอยเพชรเกษม 81/5 เพื่อไปรับงานส่งลูกค้า ส่วนตอนคนที่อ้างเป็นตำรวจ เดินลงจากรถจักรยานยนต์ ก็อ้างว่าที่เรียกตรวจ เพราะเห็นว่าเป็นไรเดอร์ แต่ไม่มีกล่องใส่อาหารอยู่ท้ายรถ ซึ่งชายคนนี้ตามตัวมีครบทั้งวิทยุสื่อสาร ไฟฉาย และเสื้อที่ปักว่า “สืบ” มีอย่างเดียวที่ไม่เหมือนคือนิสัยที่ไม่เหมือนตำรวจ ทำให้ “ต๊ะ” ตัดสินใจถ่ายคลิปไว้ป้องกันตัวเอง เพราะเหตุเกิดขึ้นช่วงเที่ยงคืน หลังเกิดการโต้เถียงกัน สุดท้ายชายคนที่แอบอ้างเป็นตำรวจก็ไล่ “ต๊ะ” บอกจะไปไหนก็ไป เดี๋ยวโดนร้องเรียนเอง “ต๊ะ” จึงขี่รถกลับบ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ เพราะที่จะไปรับลูกค้าก็ไปไม่ได้แล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อขี่รถออกมา ชายที่อ้างตัวเป็นตำรวจยังขี่รถตามมา “ด่า” จนถึงปากซอยทางเข้าบ้าน แล้วก็ขี่รถฉีกออกไปมุ่งหน้าไปทางอ้อมใหญ่ ทำให้ “ต๊ะ” ค่อนข้างมั่นใจว่า ชายคนนี้ไม่ใช่ตำรวจ […]

“อนุทิน” ขึ้นรถอีแต๊ก ยกทัพภูมิใจไทย หาเสียงรอบตลาดภูสิงห์

ศรีสะเกษ 21 ก.ย.-“อนุทิน” ขึ้นรถอีแต๊ก ยกทัพภูมิใจไทย หาเสียงรอบตลาดภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ประเทศ มั่นใจชนะแน่ ไม่ต้องรบกวนให้ท่านช่วย ด้าน “จ๋า ธนนนท์” ภรรยา ขอสานฝันวัยเด็ก อยากเป็นนางงามขึ้นรถแห่ช่วยหาเสียง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ภายหลังจากเสร็จสิ้นการปราศรัยช่วยหาเสียงให้ นางสาวจินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล หรือครูอีฟ ผู้สมัคร สส.ภูมิใจไทย ในการเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5 ได้ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำอำเภอภูสิงห์ อาทิ เทพารักษ์ ศาลหลักเมืองประจำอำเภอ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ขอพรอะไรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นายอนุทิน เผยว่า ได้ขอพรให้ประเทศไทยร่มเย็นเป็นสุข เข้มแข็ง มีแต่ชัยชนะ ประชาชนอยู่ดีกินดี จริงๆ ก็ขอแค่นี้ เมื่อถามว่าได้ขอพรให้ชนะเลือกตั้งซ่อมหรือไม่ นายอนุทิน เผยด้วยความมั่นใจว่า ภูมิใจไทยชนะ ไม่รบกวนท่าน ไม่รบกวนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าจะขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ขอให้ประเทศไทยเข้มแข็ง ขอให้ประชาชนอยู่ดีมีสุขแค่นี้ ต่อมานายอนุทิน ได้เดินหาเสียงที่ตลาดภูสิงห์ ช่วยนางสาวจินณ์ตวรรณ […]

ทบ.ชี้ข้อมูลหลักเขตแดนที่ 42-43 เป็นไปตามกรอบ JBC

กทม. 21 ก.ย.-กองทัพบก ชี้ข้อมูลหลักเขตแดนที่ 42-43 เป็นไปตามกรอบ JBC พร้อมเรียกร้องกัมพูชาหยุดบิดเบือนความจริง และให้ชาวกัมพูชาที่รุกล้ำเขตไทยย้ายออกนอกพื้นที่ กรณีสำนักงานเลขาธิการว่าด้วยกิจการชายแดนกัมพูชา แถลงการณ์เมื่อ 21 ก.ย. 68 ว่า “พบการเผยแพร่ข้อมูลผ่านบัญชี Facebook Page ชื่อ “Royal Thai Army: Update” เมื่อ 19 กันยายน 2568 โดยใช้แผนผังที่แสดงลักษณะภูมิศาสตร์และตำแหน่งหลักเขตแดน ซึ่งเป็นบันทึกการประชุมลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2017 (พ.ศ. 2560) และภาคผนวกของบันทึกการประชุมลงวันที่ 28 ธันวาคม 2016 (พ.ศ. 2559) ของคณะกรรมการรังวัดร่วมกัมพูชา–ไทย ซึ่งเป็นผลจากการสำรวจหาตำแหน่งที่แท้จริงของหลักเขตแดนหมายเลข 42 และหมายเลข 43 ในพื้นที่หมู่บ้านไปรจัน โดยมีการบิดเบือนให้เข้าใจผิดไปว่า คณะผู้บริหารของสำนักงานเลขาธิการว่าด้วยกิจการพรมแดน (ฯพณฯ ลาย เซียงลี) ได้ลงนามยอมรับเส้นเขตแดนอย่างเป็นทางการในพื้นที่หมู่บ้านไปรจัน ซึ่งอยู่ระหว่างหลักเขตแดนหมายเลข 42 และหมายเลข […]