fbpx

เปิดใจผู้รอดชีวิต เหตุรถบัสชนท้ายรถพ่วง ดับ7

ภูมิภาค 26 ก.ย.-เปิดใจผู้โดยสารรอดชีวิต เหตุรถบัสนำเที่ยวชาวบ้านในตำบลน้ำใส ชนท้ายรถพ่วงที่โคราช เสียชีวิต 7 ราย บาดเจ็บกว่า 50 คน ขณะนี้ยังไม่ชัดว่าหน่วยงานใดพาชาวบ้านไปเที่ยว

เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงเช้ามืด หลังพนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์กลาง อำเภอเมืองนครราชสีมา รับแจ้งอุบัติเหตุรถบัสชนรถบรรทุกมันสำปะหลัง บริเวณแยกถนนตัดใหม่ไชยมงคล ถนนสาย 304 นครราชสีมา – กบินทร์บุรี พื้นที่ตำบลไชยมงคล โดยเจ้าหน้าที่ได้เร่งเข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บที่ยังติดค้างภายในรถ จากนั้นได้ลำเลียงผู้เสียชีวิตออกมาจากจุดเกิดเหตุ ขณะที่รถบัสนำเที่ยว ทะเบียน 30-0288 กาฬสินธุ์ อยู่ในสภาพพังยับเยิน และพลิกตะแคงที่บริเวณแยก ส่วนรถคู่กรณีเป็นรถพ่วง 22 ล้อ ทะเบียน 82-3913 ลพบุรี ในสภาพพังเสียหาย มันสำปะหลังกระจายเกลื่อน


สอบสวนเบื้องต้นทราบข้อมูลว่า รถบัสคันดังกล่าวเดินทางมาจากอำเภอจตุรพักตรพิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อไปทัศนศึกษาที่ชลบุรี แต่เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นแยกไฟแดงและเป็นไฟกะพริบ จู่ๆ รถบัสคันนี้ได้พุ่งชนรถพ่วงที่กำลังจะพ้นแยก

ส่วนข้อมูลจากชาวบ้านคนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์และเป็นผู้สอบถามผู้บาดเจ็บทราบว่า ก่อนเกิดเหตุคนขับรถบัสนำเที่ยวได้ขับรถมาด้วยความเร็วสูงและมีอาการเหมือนจะหลับใน ซึ่งผู้โดยสารพยายามบอกให้นอนพักผ่อน แต่คนขับไม่ยอมฟัง


สำหรับรายชื่อผู้เสียชีวิต 7 ราย ประกอบด้วยเพศชาย 5 ราย และ หญิง 2 ราย ทราบชื่อ นายพินิช เกณฑ์สาคู นางเพ็ญจันทร์ อนุไพร นายเอกพล สิงโบราณ (ผู้ช่วยคนขับรถ) นางศรีสุรัตน์ กระจ่างจันทร์ นายพิทักษ์ ช่ำชอง (คนขับรถ) นายวรงกรณ์ บุตรใส และนายธานินทร์ อินทรพาณิชย์

หลังจากนั้นนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมนายกเหล่ากาชาดจังหวัดฯ เดินทางเข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา พร้อมสั่งตั้งศูนย์ประสานงานและจัดเตรียมที่พักคอยอำนวยความสะดวกญาติพี่น้องของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต

สำหรับผู้บาดเจ็บทั้งหมด 50 คน กระจายตัวรักษาตามโรงพยาบาลในจังหวัดฯ ส่วนใหญ่อยู่ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โรงพยาบาลปักธงชัย และโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี โดยแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านแล้ว 2 คน ส่วนที่เหลือ 48 คนยังต้องพักรักษาตัว และในจำนวนนี้มีอาการสาหัสรวม 5 คน ขณะที่ คปภ.จังหวัดนครราชสีมา กำลังเร่งตรวจสอบสิทธิต่างๆ ของผู้ประสบเหตุทั้งหมด


ผู้สื่อข่าว สำนักข่าวไทย ได้สอบถามผู้บาดเจ็บที่เดินทางมารับรถทัวร์คนหนึ่งให้ข้อมูลว่า รถคันนี้ขับมาด้วยความเร็วสูง ส่วนตนเองนั่งอยู่บนชั้น 2 โดยพยายามบอกให้คนขับรถให้ลดความเร็วแต่ไม่ได้ผล จึงตัดสินใจข่มตานอน กระทั่งพบว่ารถเกิดอุบัติเหตุเสียงดังสนั่น และพอตั้งสติได้จึงพยายามตามหาญาติพี่น้องเพื่อมุดออกจากรถ

ด้านพนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์กลาง ให้ข้อมูลว่า กำลังอยู่ระหว่างสอบปากคำพยานที่เป็นผู้โดยสาร 2-3 คนที่นั่งใกล้กับคนขับรถมากที่สุด เพื่อยืนยันว่าขณะเกิดเหตุใครเป็นคนขับระหว่างนายพิทักษ์ และ นายเอกพล เนื่องจากทั้งคู่อาจสลับกันขับแต่เสียชีวิตทั้งคู่ พร้อมเตรียมตรวจหาสารเสพติด หรือปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดของคนขับ เพื่อประกอบสำนวนอีกครั้ง

สำนักข่าวไทยรวบรวมข้อมูลเหตุการณ์ครั้งนี้ พบว่ารถบัสคันประสบเหตุ เดินทางมาจากอำเภอจตุรพักตรพิมาน โดยโครงการนำเที่ยวนี้ได้พาชาวบ้าน 4 หมู่บ้านในตำบลน้ำใสไปชลบุรีและพัทยา มากันทั้งหมด 4 คันรถออกเดินทางเมื่อคืน โดย 3 คันแรกออกเดินทางล่วงหน้าไปก่อน และใช้เส้นทางผ่านนครราชสีมา เข้าสู่ถนนมิตรภาพ ก่อนนัดพบกันที่เขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ส่วนรถบัสคันประสบเหตุเดินทางทีหลัง เพราะต้องตีรถมาจากกาฬสินธุ์ จากนั้นรถคันประสบเหตุใช้ความเร็วสูงเพื่อพยายามตามอีก 3 คันให้ทัน อีกทั้งไม่ได้ใช้เส้นทางเดียวกัน แต่เลี่ยงมาใช้เส้นทางสาย 304 กระทั่งประสบเหตุบริเวณทางเลี่ยงเมืองนครราชสีมา

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลหลังจากเกิดเหตุการณ์พบว่ายังสับสน เพราะมีกระแสข่าวว่าเป็นรถบัสนำเที่ยวของคณะ อสม. ในโครงการ “เที่ยวปันสุข” และ “กำลังใจ” เนื่องจากพบว่ามีผู้บาดเจ็บเป็น อสม. 3 คนจากทั้งหมด 6 คนที่เดินทางไปพร้อมคณะ (อีก 3 คนที่ไม่บาดเจ็บเพราะอยู่คนละคัน) แต่ปรากฏว่ามีคำยืนยันจากประธาน อสม.จังหวัดร้อยเอ็ด ระหว่างลงพื้นที่ให้กำลังใจญาติของผู้เคราะห์ร้ายว่า การทัศนศึกษาครั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับโครงการของ อสม. แต่ไม่แน่ชัดว่าเป็นโครงการนำเที่ยวของหน่วยงานใด

ส่วนญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง 7 รายทั้งพื้นที่บ้านขุมดิน และบ้านน้ำใส ตำบลน้ำใส ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดเตรียมสถานที่เพื่อประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลตามหลักศาสนา ซึ่งทั้งหมดยังทำใจกับเหตุการณ์ไม่ได้ ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่บอกว่า ไม่ทราบข้อมูลว่าหน่วยงานใดเป็นคนพาไป แต่มีองค์กรท้องถิ่นในพื้นที่เป็นผู้ประสานมา แต่หากใครไม่มี ID Line จะไม่สามารถเข้าร่วมได้ เพราะต้องมีการสแกนข้อมูลบางอย่าง และแต่ละคนจะได้เงิน 3,000 บาท หักค่าเดินทาง 2,000 บาท ที่เหลืออีก 1,000 บาทจะเป็นเงินที่ให้ใช้จ่ายขณะเที่ยว

ข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้สื่อข่าว สำนักข่าวไทย รายงานว่า ตามกำหนดการคือ รถบัส 4 คันได้ออกเดินทางเมื่อคืน เดินทางไปท่องเที่ยวชลบุรีและพัทยา จากนั้นจะส่งถึงบ้านในวันพรุ่งนี้เช้า (27 ก.ย.) สรุป คือ ไปเที่ยว 2 วัน 1 คืน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบว่าหน่วยงานใดพาไป และมีความโปร่งใสหรือไม่.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชี้อิสราเอล-อิหร่านส่งสัญญาณหาทางถอยจากสงคราม

เยรูซาเล็ม 19 เม.ย.- สื่ออิสราเอลมองว่า การที่อิหร่านพยายามปฏิเสธว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอิหร่านวันนี้ไม่ใช่การโจมตีแก้แค้นของอิสราเอล และการที่อิสราเอลยังคงนิ่งเฉยไม่ออกตัวว่าเป็นผู้กระทำ เป็นการส่งสัญญาณว่าทั้ง 2 ฝ่ายกำลังหาทางล่าถอยจากการทำสงครามในขณะที่นานาชาติกดดันให้ใช้ความอดกลั้น เว็บไซต์ไทมส์ออฟอิสราเอลรายงานว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันจากทางการอิสราเอลว่า ได้โจมตีอิหร่านในเช้าวันนี้ ขณะที่สื่อทางการอิหร่านรายงานเพียงว่า มีการเปิดใช้งานระบบป้องกันภัยทางอากาศ และปฏิเสธรายงานข่าวเรื่องมีการโจมตีที่ตั้งทางทหารในเมืองอิสฟาฮาน ที่อยู่ห่างจากกรุงเตหะรานลงไปทางใต้ 315 กิโลเมตร โดยระบุว่าเหตุการณ์ปกติ แต่เจ้าหน้าที่อิสราเอลและสหรัฐที่ขอสงวนนามเผยกับสื่อในสหรัฐว่า เป็นฝีมือของอิสราเอล หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ของสหรัฐอ้างแหล่งข่าวอิหร่าน 3 คนว่า ฐานทัพอากาศในเมืองอิสฟาฮานถูกโจมตีแต่ไม่มีข้อมูลเรื่องความเสียหาย ไทมส์ออฟอิสราเอลมองว่า ลักษณะของการโจมตีอย่างจำกัด ซึ่งมีรายงานว่าเป็นการใช้โดรน ไม่ใช่ขีปนาวุธหรือปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ประกอบกับการที่อิสราเอลไม่ได้ยอมรับอย่างเป็นทางการ น่าจะเปิดทางให้รัฐบาลอิหร่านสามารถปฏิเสธเรื่องความจำเป็นที่จะต้องขู่โจมตีอิสราเอลเป็นครั้งที่ 2 หลังจากระดมยิงขีปนาวุธและโดรนมากกว่า 300 ลูกใส่อิสราเอลเมื่อเช้ามืดวันที่ 14 เมษายนตามเวลาอิสราเอล เป็นสัญญาณเบื้องต้นว่า ทั้ง 2 ประเทศอาจกำลังหาทางล่าถอยจากการทำสงคราม ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่า อิสราเอลจะแก้แค้นอิหร่านตามที่แสดงท่าทีมาตลอดทั้งสัปดาห์ว่า จะไม่ยอมปล่อยให้อิหร่านโจมตีโดยไม่ตอบโต้ จุดกระแสวิตกว่า การโจมตีตอบโต้กันไปมาจะบานปลายกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ดี มีสัญญาณว่ากองกำลังป้องกันอิสราเอลได้ลดความุรนแรงของแผนการโจมตีตามที่นานาชาติกดดันให้ใช้ความอดกลั้น.-814.-สำนักข่าวไทย  

ผงะ! พบศพหนุ่มเมียนมาในแท็งก์น้ำ ดาดฟ้าหอพัก

ผงะ! พบศพหนุ่มเมียนมาสภาพเปลือย ในแท็งก์น้ำบนดาดฟ้าหอพัก ย่านมีนบุรี เสียชีวิตมาแล้ว 2 วัน คาดลงไปเล่นน้ำคลายร้อน

ระทึก! สารแอมโมเนียจากโรงน้ำแข็งรั่ว บาดเจ็บนับร้อย

ระทึกกลางดึก สารแอมโมเนียรั่วในโรงน้ำแข็ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ชาวบ้านสูดดม ได้รับผลกระทบกว่า 100 คน ต้องกระจายส่งตาม รพ. ต่างๆ

จับแล้ว! ชายอินเดียฆ่าปาดคอหญิงวัย 51 ปี

เกิดเหตุฆ่าปาดคอหญิงอายุ 51 ปี ในโรงแรมท้องที่ สน.ตลาดพลู ผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวอินเดียที่อยู่ด้วยกันในโรงแรม กว่า 1 สัปดาห์ ก่อนหายตัวไปหลังเกิดเหตุ ล่าสุดตามจับได้แล้ว สารภาพอ้างแค้นผู้ตายไม่คืนเงิน

ข่าวแนะนำ

“บิ๊กโจ๊ก” ถอนคำร้องเอาผิด “เศรษฐา” อ้างไม่ติดใจแล้ว

“บิ๊กโจ๊ก” ยื่น ป.ป.ช. ขอถอนคำร้องเอาผิด “นายกฯ เศรษฐา” กรณีปฏิบัติหน้าที่มิชอบตาม ม.157 อ้างไม่ติดใจดำเนินคดีแล้ว

ครม.ฉลุยหลักการดิจิทัล วอลเล็ต

นายกฯ นำ รมต.แถลงยืนยันทุกพรรคเห็นชอบหลักการของโครงการเติมเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท พร้อมถามกฤษฎีกา ประเด็นอำนาจหน้าที่ ธ.ก.ส.

นายกฯ เชิญ 4 ธนาคารใหญ่ ถกลดดอกเบี้ยบ้านกลุ่มเปราะบาง

นายกฯ เชิญผู้บริหาร 4 ธนาคารใหญ่ เข้าหารือ ขอให้ทั้ง 4 ธนาคาร ช่วยลดราคาดอกเบี้ยเงินกู้บ้านให้กับประชาชน ส่วนความเคลื่อนไหวทางด้านการเมือง เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เผยส่งชื่อรัฐมนตรีให้นายกฯ พิจารณาแล้ว

สถานการณ์ชายแดนแม่สอดยังไม่น่าไว้วางใจ มีเสียงปืน-ระเบิดจากฝั่งเมียนมา

สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก ยังไม่น่าไว้วางใจ หลังเช้านี้ได้ยินเสียงปืนและระเบิดจากการปะทะของกองกำลังกะเหรี่ยงกับทหารเมียนมา ดังขึ้นในรอบ 3 วัน ขณะที่บ่ายนี้ (23 เม.ย.) รมว.ต่างประเทศ เตรียมลงพื้นที่