พระนครศรีอยุธยา 17 ก.ย.-เกิดเหตุทะเลาะวิวาท เมื่อกลุ่มคู่อริบุกมาถึงบ้าน ผู้เป็นพ่อทนไม่ไหว คว้าปืนยิงใส่กลุ่มคู่อริได้รับบาดเจ็บหลายราย
ที่เกิดเหตุพบเป็นอู่ซ่อมรถแห่งหนึ่ง พบรถยนต์กระบะ 4 ประตู สีขาว ทะเบียน กร- 4689 ลพบุรี ที่ประตูและกระจกด้านข้างคนขับ มีรอยถูกยิงด้วยอาวุธปืน ข้างรถพบผู้ได้รับบาดเจ็บชาย 1 ราย มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ศีรษะ ทราบชื่อนายวิโรจน์ ชูสร้อย นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ทราบชื่อวิรัตน์ ชูสร้อย และ น.ส.กัลยา ไผ่ด้วง โดยในที่เกิดเหตุ พบนายฐิติพงศ์ ภาควัตร์ อายุ 56 ปี ยืนถืออาวุธปืนลูกซองยาว ยืนรอพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สอบถามนายฐิติพงศ์ ภาควัตร์ ทราบว่าตนเองได้ยินเสียงทะเลาวิวาทกัน จึงออกมาดูพบว่าลูกชายของตนเองกำลังจะถูกกลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้าย จึงคว้าอาวุธปืนลูกซอง ยิงไป 1 นัด ตนเองยอมไม่ได้เพราะวันก่อนก็มาทำร้ายลูกของตนมาแล้ว
ขณะที่นายพลวัฒน์ ภาควัตร์ ลูกชายผู้ก่อเหตุ เล่าว่าตนเองเป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถยนต์ กลุ่มของผู้ได้รับบาดเจ็บได้มาจอดรถอยู่ทางด้านฝั่งตรงข้าม จากนั้นก็เดินเข้ามาหาตนเอง จึงเกิดการโต้เถียงกัน ถ้าทายกัน หนึ่งในผู้บาดเจ็บจะเอามีดแทง จึงได้ตะโกนเรียกบิดา จึงได้เกิดการยิงปืนใส่กลุ่มผู้บาดเจ็บดังกล่าว ก่อนยืนรอพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ส่วนสาเหตุของการทะเลาะวิวาทนั้น มาจากกลุ่มผู้บาดเจ็บ เปิดอู่ซ่อมรถเหมือนกันและได้มีการโต้เถียงกันในเรื่องของการซ่อมรถยนต์ผ่านทาง Facebook นำมาซึ่งการเขม่นกัน บางครั้งกลุ่มผู้บาดเจ็บก็จะขับรถมาเบิ้ลเครื่องยนต์เสียงดังอยู่หน้าร้าน กระทั่งในวันนี้ที่กลุ่มผู้บาดเจ็บก็ขับรถมาหาเรื่องจึงเกิดการทะเลาะและมีการยิงกันจนมีผู้บาดเจ็บ
ล่าสุด ตำรวจภูธรบางปะอิน สาขาสินทิวาธานี ได้เรียกตัวนางสาวกัลยา ไผ่ด้วง ซึ่งเป็นผู้ได้รับบาดเจ็บ มาทำการสอบสวน จากการสอบสวน นางสาวกัลยา ยอมรับว่า สาเหตุเกิดจากการโต้เถียงกันใน Facebook ถึงเรื่องการซ่อมเครื่องยนต์ พร้อมยอมรับว่าพวกตนเองได้ขับรถยนต์เก๋งมาที่อู่ของนายพลวัฒน์ และมีการเบิ้ลเครื่องยนต์จริง เนื่องจากเกิดการโมโห แต่นายพลวัฒน์ ก็ได้ขับรถยนต์ขับตามและปาดหน้า และในวันเกิดเหตุ พวกตนเองได้ไปที่อู่ของคู่กรณี ก่อนจะเข้าไปเคาะประตูเรียก จากนั้นนายพลวัฒน์ ก็เดินออกมา เกิดการโต้เถียงกันอยู่สักพัก จากนั้นนายพลวัฒน์จะเรียกพ่อให้ลงมา พร้อมกับหยิบปืนลงมาด้วย ซึ่งพ่อของคู่กรณีก็ไม่พูดพร่ำ ยิงปืนเข้าใส่กลุ่มตนทันที
ยืนยันว่าวันที่เกิดเหตุนั้นพวกตนเองตั้งใจจะไปเคลียร์ แต่คู่กรณีคิดว่าไปหาเรื่อง จึงอยากร้องขอความเป็นธรรมในส่วนของตนเอง แต่ก็ยอมรับว่าพวกตนเองก็ใจร้อนที่ขับรถยนต์ไปที่อู่ของนายพลวัฒน์ หลายครั้ง แต่ตั้งใจว่าจะไปเจรจาและปรับความเข้าใจกัน แต่ก็เกิดเรื่องเสียก่อน โดยในช่วงบ่ายจะมีการนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ.-สำนักข่าวไทย