ศรีสะเกษ 13 ก.ย.-ข้าราชการสาว อบต. ร้องสื่อถูกนายก อบต. ทำร้ายร่างกายลากคอลงบันได ทุ่มลงพื้น หลังแจ้งความตำรวจแล้ว แต่เกรงไม่ได้รับความเป็นธรรม ด้าน นายก อบต. ปัดไม่ได้ทำร้ายร่างกาย อ้างตกบันไดเจ็บเอง เผยปัญหาเรื่องส่วนตัวไม่ใช่เรื่องงาน
ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นางสาวนันทวดี อรรคบุตร อายุ 39 ปี ข้าราชการตำแหน่ง นักพัฒนาชุมชนชำนาญการ กองสวัสดิการสังคม ที่ อบต.แห่งหนึ่ง ใน อ.ราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ ถูกนายก อบต.ทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ เมื่อวันที่ 10 ก.ย.63 เวลาประมาณ 10.00 น. และได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร้อยตำรวจเอก ปรีชา นาคาแก้ว รองสารวัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรราษีไศล เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2563 แต่เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากคู่กรณีมีตำแหน่งเป็นนายก อบต.
น.ส.นันทวดี อรรคบุตร เล่าว่า เมื่อวันที่ 10 ก.ย.63 เวลา 09.00 น. ตนพร้อมเจ้าหน้าที่ไปเบิกเงินที่ธนาคารเพื่อมาจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุ กลับมาถึง อบต. เวลา 10.00 น. ก็พบนายก อบต. เดินขึ้นบันไดไปก่อนหน้าตน ซึ่งตนกับเจ้าหน้าที่ได้เดินตามขึ้นไป เมื่อนายก อบต.หันมาเห็นก็ได้เดินลงมาหาตน แล้วพูดว่า “มึงจะเอายังไงกับกู” พร้อมกับใช้มือจับคอตนลากลงบันไดไปถึงชั้นพักบันได จับตนทุ่มลงกับพื้น โดยมีเจ้าหน้าที่ของ อบต. หลายคนเห็นเหตุการณ์ ซึ่งขณะที่ น.ส.นันทวดี ล้มลงกองอยู่กับพื้น นายก อบต. จะเข้ามาทำร้ายอีก แต่ว่ามี ผอ.กองคลัง และเจ้าหน้าที่ชายหลายคนเข้ามาห้าม และดึงตัวของนายก อบต. ออกไป ซึ่งตนได้รับบาดเจ็บที่คอ มีแผลที่ข้อศอกขวา และเข่าขวา นิ้วก้อยเท้าข้างขวา สะโพกขวา ตอนแรกยังไม่รู้สึกเจ็บมากจึงไม่ได้ไปหาหมอ แต่พอรุ่งขึ้นวันที่ 11 ก.ย. รู้สึกปวดระบมทั้งตัวจึงไปโรงพยาบาล หมอตรวจและเข้าเฝือกอ่อนที่เท้าขวาไว้ให้
“ส่วนสาเหตุที่ตนถูกนายก อบต.ทำร้ายนั้น คาดว่าน่าจะมาจากที่ตนได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการตรวจรับงานจ้างทำถนนสายบ้านอุ่มแสง หมู่ 7-ไปบ้านครั่ง หมู่ 4 ระยะทาง 800 เมตร วงเงินงบประมาณ 1,100,35,928 บาท ผู้รับเหมาซึ่งเป็นญาติของนายก อบต.คนดังกล่าว เป็นผู้รับจ้าง เมื่องานเสร็จแล้ว คณะกรรมการเข้าตรวจงานพบว่าไม่ตรงตามแบบจึงไม่ลงนามตรวจรับงาน จึงน่าจะเป็นสาเหตุให้นายกโกรธแค้น จนทำร้ายร่างกายตน การที่ตนร้องเรียนสื่อมวลชน ก็เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากคู่กรณีผู้ก่อเหตุเป็นผู้มีตำแหน่งใหญ่โต”
ด้านคดี พ.ต.อ.ฉัตรพัฒน์ แก้วจันดี ผกก.สภ.ราษีไศล เปิดเผยว่า หลังจากที่ผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์แล้ว ตนได้สั่งการให้ พนักงานสอบสวน สอบปากคำผู้เสียหาย และพยานให้เสร็จโดยเร็ว พร้อมกับให้รวบรวมพยานหลักฐานจนครบถ้วน และให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ตอนนี้ทางพนักงานสอบสวนกำลังรอผลตรวจจากแพทย์อยู่ ซึ่งเมื่อได้รับผลตรวจจากแพทย์แล้วก็จะได้สอบปากคำแพทย์เพื่อเป็นพยาน และจะเชิญผู้ถูกกล่าวหามาสอบปากคำเพิ่มเติม
เมื่อวานนี้ (12 ก.ค.) ที่บ้านของ น.ส.นันทวดี มีบรรดาญาติพี่น้อง พากันมาจัดเวรยามรักษาความปลอดภัย คุมเข้มรอบบริเวณบ้าน และภายในบริเวณหมู่บ้านหนองดุมอย่างเข้มงวด โดยแต่ละคนได้นำเอาอาวุธจำพวกมีดอีโต้ มีดขอ และไม้กระบอง ออกมาใช้ป้องกันเหตุร้ายในการตรวจตราความสงบเรียบร้อย เนื่องจากชาวบ้านหนองดุมทุกคนทราบว่า นายก อบต.ที่ทำร้าย น.ส.นันทวดี นั้น เป็นผู้มีอิทธิพล มีนิสัยใจร้อน ชอบใช้ความรุนแรงในการตัดสินปัญหา และพกพาอาวุธปืนติดตัวตลอดเวลา
น.ส.นันทวดี กล่าวว่าขณะนี้ตนรู้สึกหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก หวาดกลัวตลอดเวลา เกรงว่าอาจจะโดน นายก อบต. เข้ามาทำร้ายอีก และอาจจะใช้อิทธิพลมืดมาทำร้ายตนและครอบครัว ทำให้ตนไม่กล้าที่จะเดินทางไปที่ใดเพียงลำพัง ส่วนในการไปทำงานที่ อบต.นั้น ช่วงนี้ตนได้ขอลาป่วยตามใบรับรองแพทย์สัปดาห์หน้าทั้งสัปดาห์ แต่ว่าคงจะไม่กล้าที่จะไปทำงานที่เดิมอีกต่อไป เพราะเกรงว่าอาจจะโดน นายก อบต. ทำร้ายอีก เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ นายก อบต.คนนี้ เข้ามาขู่จะทำร้ายตนถึงเสียชีวิตแล้ว โดยบอกว่าจะตายหรือจะย้ายไปที่อื่น ทำให้ตนรู้สึกหวาดกลัวมาก
ด้านนายกอบต.ที่ถูกกล่าวหา ซึ่งก็คือ นายพีรพงษ์ ศรีอนันต์กูล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดู่ อำเภอราศีไศล จังหวัดศรีสะเกษ วันนี้ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยว่า เดิมทีตนเอง กับนางสาวนันทวดี คบและกินอยู่กันเหมือนสามีภรรยา แต่ไม่ได้จดทะเบียน ก่อนที่จะเลิกกัน จากนั้นตนได้มาคบแต่งงานจดทะเบียนกับภรรยาคนปัจจุบัน ส่วนที่เป็นเรื่องขึ้นมานั้น ที่นางสาวนันทวดี อ้างว่าเพราะไม่ได้เซ็นตรวจรับงานสร้างถนน ไม่เป็นความจริง วันนั้นเรื่องเกิดขึ้น เพราะนางสาวนันทวดี มาทวงเงิน 3,000 บาท ที่ตนยืมไป แต่ตนมีเงินไม่พอ โดยจะออกไปเอาเงินเพิ่มกับภรรยา แต่นางสาวนันทวดี คงเข้าใจผิดคิดว่าตนจะหนี เลยทั้งด่าและใช้คำยาบคายพูดใส่ตน ก่อนจะพลาดตกบันไดบาดเจ็บเอง
โดยที่ผ่านมาตนมีปัญหากับ นางสาวนันทวดี อยู่หลายครั้ง คนใน อบต. รู้ดี และรู้นิสัยของ นางสาวนันทวดี ว่าเป็นคนอย่างไร ทั้งนี้ตนเตรียมไปปรึกษาทนายความ และเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนในวันจันทร์นี้ ยืนยันเรื่องทั้งหมดตนไม่ได้ทำร้ายร่างกายนางสาว นันทวดี และไม่ใช่ปัญหาเรื่องงาน แต่เป็นปัญหาเรื่องส่วนตัวมากกว่า.-สำนักข่าวไทย