ตร.ออกหมายเรียกรุ่นพี่สั่ง “น้องมิ้นท์” วิ่งจนช็อกเสียชีวิต

ภูเก็ต 23 ส.ค. – ตำรวจเตรียมเอาผิดรุ่นพี่สั่งลงโทษ “น้องมิ้นท์” นักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต วิ่งจนช็อกเสียชีวิต หลังพบความผิดชัดเจนเป็นการกระทำโดยประมาทของรุ่นพี่และหัวหน้าควบคุมการฝึกซ้อมเชียร์ลีดเดอร์


ความคืบหน้าคดีนางสาวพรพิพัฒน์ เอียดดำ หรือน้องมิ้นท์ นักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต เสียชีวิตหลังถูกรุ่นพี่ลงโทษให้วิ่งบริเวณลานจอดรถหน้าอาคารเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ภายในมหาวิทยาลัย จนเกิดอาการช็อกหมดสติ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา หลังมาร่วมฝึกซ้อมเชียร์ลีดเดอร์ช้า

พ.ต.อ.ธีระวัฒน์ เลี่ยมสุวรรณ ผกก.สภ.ภูเก็ต เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้สอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องไปแล้วกว่า 10 ปาก ซึ่งให้การว่าในวันเกิดเหตุ (19 ส.ค.) ได้ซ้อมเชียร์ลีดเดอร์กันตั้งแต่ช่วงเย็น มีรุ่นพี่ที่คุมการซ้อม 4 คน และหนึ่งในนั้นเป็นหัวหน้ากลุ่มของการฝึกซ้อม ในระหว่างทำการฝึกซ้อมได้มีข้อตกลงร่วมกันว่าหากทำไม่พร้อมกันจะต้องไปวิ่ง และหลังจากฝึกซ้อมเสร็จทั้งหมดได้ไปวิ่งตามข้อตกลง บริเวณลานจอดรถหน้าอาคารเทคโนโลยีอุตสาหกรรม เมื่อวิ่งไปได้ประมาณ 6 รอบเศษๆ นักศึกษาที่เสียชีวิตก็ล้มลง จากนั้นมีการนำตัวส่งโรงพยาบาล ก่อนเสียชีวิตในวันรุ่งขึ้น (20 ส.ค.)


ความผิดที่เกิดขึ้นชัดเจนน่าจะเป็นการกระทำโดยประมาทของรุ่นพี่ที่เป็นหัวหน้าควบคุมการฝึกซ้อม ขณะนี้ได้ออกหมายเรียกไปแล้ว ตามพยานหลักฐานที่มีในเบื้องต้น โดยพนักงานสอบสวนได้ประสานทางโทรศัพท์ เพื่อให้ผู้ปกครองนำตัวนักศึกษามารับทราบข้อกล่าวหา ส่วนรุ่นพี่อีก 3 คน ยืนยันว่าในช่วงที่เกิดเหตุไม่ได้อยู่ในบริเวณดังกล่าวได้มีการกันไว้เป็นพยาน

ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เจ้าหน้าที่จะเร่งคลี่คลายข้อสงสัยให้สิ้นกระแสความในทุกประเด็นตามกรอบระยะเวลาของกฎหมาย โดยอาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และพยานที่เชื่อมโยงทางคดีเป็นสำคัญ

ขณะที่ความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.หิรัญ ประสารการ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง มีอัยการสูงสุด ประจำสำนักงานอัยการสูงสุดจังหวัดภูเก็ต เป็นประธาน รองอธิการบดีฝ่ายบริหารคณะอาจารย์ และหน่วยงานราชการภายนอก รวมกันเป็นคณะกรรมการ ซึ่งได้ประชุมร่วมกันเพื่อเตรียมเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบถามข้อเท็จจริง ทั้งในส่วนของอาจารย์ รุ่นพี่ 4 คน เพื่อนนักศึกษา ซึ่งอยู่ในกลุ่มเชียร์ลีดเดอร์ โดยจะเริ่มทำการสอบสวนข้อเท็จจริงในวันพุธที่ 26 สิงหาคมนี้เป็นวันแรก และจะสอบอาจารย์ที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จก่อน เนื่องจากช่วงสัปดาห์หน้าเป็นช่วงที่นักศึกษาสอบกลางภาค จากนั้นในสัปดาห์ถัดไปจึงจะทำการสอบนักศึกษาที่เกี่ยวข้องได้ หากมีข้อมูลเชื่อมโยงไปถึงบุคคลใดอีกก็จะทำการสอบสวนเพิ่มเติม จึงยังไม่สามารถวางกรอบระยะเวลาที่ชัดเจนได้ว่าจะสอบเสร็จภายในกี่วัน แต่ยืนยันว่าทางมหาวิทยาลัยไม่ได้นิ่งนอนใจและให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สั่งย้ายครูแบทแมน

สั่งเด้ง “ครูแบทแมน” ถ่ายคลิปไม่เหมาะสมในโรงเรียน

กัน จอมพลัง บุก ก.ศึกษาธิการ ร้องเอาผิดครูชายสวมหน้ากากแบทแมน ถ่ายคลิปไม่เหมาะสมในโรงเรียน จ.อุทัยธานี ล่าสุดสั่งย้าย “ผอ.โรงเรียน-ครูแบทแมน” เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ด้าน “สส.ชาดา-กัน จอมพลัง” ลงพื้นที่ ขีดเส้นตายสอบเอาผิด

แม่อดีตครูสาว ยังติดใจสาเหตุ หลังพบศพในรถลานจอด รพ.

“น้องกิ๊ฟ” อดีตครูหายตัวไปเกือบ 1 เดือน พบอีกทีเป็นร่างไร้วิญญาณในรถยนต์บนลานจอดของโรงพยาบาล ญาติยังติดใจสาเหตุวอนตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิด ไขข้อสงสัย

สั่งจำคุก “อัจฉริยะ” 2 เดือน ไม่รอลงอาญา คดีละเมิดอำนาจศาล

ศาลอาญาสั่งจำคุก “อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” 2 เดือน ไม่รอลงอาญา ฐานละเมิดอำนาจศาล เผยแพร่เอกสารสรุปย่อคำพิพากษาต่อสื่อมวลชนโดยไม่ได้รับอนุญาต

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยตอนบน อุณหภูมิสูงขึ้น-ใต้ฝนลดลง

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบน อุณหภูมิสูงขึ้น แต่ยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้าบริเวณภาคเหนือ ภาคอีสาน ส่วนภาคใต้มีฝนลดลง กรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย

เคลื่อน 18 ศพเหยื่อบัสมรณะ ถึงบ้านเกิด ญาติร่ำไห้อาลัย

เจ้าหน้าที่กู้ภัยเคลื่อนร่างผู้เสียชีวิต 18 ราย จากเหตุรถบัสพลิกคว่ำ ถึงวัดป่าวิเวกธรรมคุณ อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของญาติที่รอรับศพ

สำรวจจุดเกิดเหตุรถบัสมรณะ 18 ศพ

ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุรถบัสมรณะ 18 ศพ พบว่ารถคันดังกล่าวฝ่าฝืนคำสั่งไม่ยอมจอดพักรถและลงชื่อก่อนจุดเกิดเหตุ 1 กิโลเมตร ทำให้รถเกิดเบรกแตกไหลลงเขาจนเกิดโศกนาฏกรรม

นายกฯ เรียก “รมต.จิราพร-ผบ.ตร.” ถกปราบบุหรี่ไฟฟ้า

“แพทองธาร” นายกฯ เรียก “รมต.จิราพร-ผบ.ตร.” ประชุมปราบปราม “บุหรี่ไฟฟ้า” ขีดเส้น 30 วัน ดำเนินการให้เด็ดขาด สั่งเข้มห้ามขายใกล้สถานศึกษา ต้องจัดการผู้นำเข้า