เลย 22 ส.ค. – จ.เลย มีผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลมากที่สุดในประเทศ ประมาณ 30,000-40,000 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ค้าเร่ที่เดินทางไปขายทั่วประเทศ มีรายได้งวดละ 10,000-30,000 บาท แต่ในระยะหลัง ผู้ค้าเร่ประสบปัญหาสลากฯ ราคาแพง จึงเกิดข้อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือผู้ค้ารายย่อย เพราะไม่สามารถขายราคา 80 บาท ตามที่กฎหมายกำหนดได้
กำไรรายย่อยอยู่ตรงไหน ต้องการโควตาไม่ต้องการซื้อต่อมือ ขายเกินราคาเสี่ยงตำรวจจับ นี่คือส่วนหนึ่งของข้อความที่กลุ่มผู้ค้าเร่ขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ชูประท้วงที่หน้าศาลากลางจังหวัดเลย เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เรียกร้องขอโควตาจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และให้ผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบการขายต่อเกินราคาของผู้ที่ได้โควตาสูง จนผู้ค้าเร่เดือดร้อน
ผู้ค้าเร่สลากกินแบ่งรัฐบาลกว่าร้อยละ 80 คือ ผู้ไม่ได้รับโควตา ทั้งในโควตา 33 ล้านฉบับ และในระบบซื้อจอง 67 ล้านฉบับ ส่วนใหญ่ซื้อต่อจากผู้ได้โควตา หรือบรรดายี่ปั๊ว
แม้ที่ผ่านมา สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จัดทำโครงการซื้อจองล่วงหน้า ผ่านธนาคารกรุงไทย หรือระบบซื้อจอง เพื่อจัดสรรสลากฯ ให้ผู้จำหน่ายตัวจริงอย่างทั่วถึง โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง แต่ก็ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เพราะจากการตรวจสอบพบว่า ผู้ที่กดซื้อสั่งจองได้ ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ กลุ่มพ่อค้ารายใหญ่ ที่นำมาขายต่อให้ผู้ค้ารายย่อยเอากำไรเพิ่ม จากต้นทุนฉบับละ 70 บาท 40 สตางค์ เพิ่มเป็น 80-95 บาท ทำให้ผู้ค้าเร่ต้องขายเกินราคา และยิ่งช่วงนี้มีผู้ค้าหน้าใหม่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้สลากฯ ราคาสูงขึ้นอีก
กลุ่มผู้ค้าสลากฯ จ.เลย ร่วมกับกลุ่มเคลื่อนไหวต่อสู้ภาคประชาชน รวมตัวลงชื่อกว่า 30,000 คน ทำหนังสือถึงรัฐบาล เรียกร้องแก้ปัญหาราคาสลากฯ โดยช่วงนี้ขอให้ผ่อนผันการจับกุมการจำหน่ายสลากฯ เกินราคา เพราะต้นทุนสูงกว่า 80 บาท รื้อโควตาใหม่ทั้งหมด เพราะปัจจุบันสลากฯ ตกอยู่ในมือข้าราชการจำนวนมาก และขอให้จัดสรรโควตาใหม่
นอกจากนี้ ทางกลุ่มฯ ยังเสนอแนวทางแก้ปัญหาการจำหน่ายสลากฯ เกินราคา คือ ให้ผู้ได้รับโควตาลงทะเบียนแจ้งจังหวัดที่จะไปจำหน่ายสลากฯ แล้วนำสลากฯ ไปรายงานตัวที่จังหวัดนั้น ป้องกันการขายสลากฯ ต่อให้ยี่ปั๊ว. – สำนักข่าวไทย