อ่างทอง 21 ส.ค.- คดีพบศพสาวโรงงานวัย 26 ปี ถูกฆ่าฝังดินหมกร่องสวนมะนาว หลังหายตัวนานกว่า 4 วัน รู้ตัวคนร้ายแล้วคือสามีผู้เสียชีวิต พลั้งมือฆ่า ตำรวจเร่งไล่ล่า ล่าสุด พ่อผู้ก่อเหตุเข้าพบตำรวจแล้ว สารภาพช่วยลูกชายขนศพมาฝัง
ตำรวจรับแจ้งพบศพถูกฝังอยู่ในร่องสวนมะนาว พื้นที่ อ.แสวงหา จ.อ่างทอง จึงพร้อมด้วยกองพิสูจน์หลักฐานและแพทย์ รุดไปยังที่เกิดเหตุ ในที่เกิดเหตุเป็นร่องน้ำด้านหลังสวนมะนาวของนายดนัยศักดิ์ ช่างบรรจง อายุ 65 ปี พบร่างของหญิงสาวถูกมัดด้วยผ้าพลาสติกสีดำฝังไว้ในร่องน้ำ นำร่างขึ้นมาเพื่อชันสูตรพลิกศพ
เบื้องต้นพบรอยแดงที่คอและบริเวณใบหน้าด้านซ้ายมีร่องรอยคล้ายถูกกระแทก ซึ่งขณะที่พบศพ มีญาติของ น.ส.วนิดา บุยเนตร หรือจ้อย อายุ 26 ปี สาวโรงงานใน จ.พระนครศรีอยุธยา มีบ้านอยู่ไม่ห่างจากจุดเกิดเหตุ หายตัวไปเมื่อ 4 วันก่อนมา มารอดูและเมื่อนำศพขึ้นมา นางบุญชู บุญเนตร อายุ 47 ปี ซึ่งเป็นมารดาของ น.ส.จ้อย ถึงกับร้องไห้โฮ จำได้ว่าเป็นบุตรสาวของตนเอง ก่อนเป็นลมหมดสติ ขณะที่บริเวณด้านหน้าสวน ซึ่งเป็นห้องพักของคนงานเฝ้าสวน มีร่องรอยนั่งดื่ม และพบจอบที่คาดว่าใช้ในการขุดฝังศพ
นางบุญชู มารดาของน้องจ้อย มั่นใจว่า นายเมฆ สุขคำ หรือนายตั้ม อายุ 27 ปี สามีของน้องจ้อยเป็นคนลงมือ เนื่องจากบุตรสาวเคยมาพูดให้ฟังว่า นายเมฆ ไม่ทำงานทำการ จึงอยากจะเลิก พอนายเมฆ ทราบเรื่องก็โกรธ ถึงขนาดเคยทำร้ายร่างกายกัน
นางสาวภคพร บุญเนตร น้องสาวผู้เสียชีวิตบอกว่า พี่สาวหายไปได้ 4 วันตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา หลังจากติดต่อกันไม่ได้ ก็เดินทางไปหานายเมฆ ซึ่งนายเมฆบอกว่า เพื่อนของน้องจ้อยขับรถมารับไปเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม แล้วติดต่อกันไม่ได้เลย
นายดนัยศักดิ์ ช่างบรรจง เจ้าของสวนเปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตนเองเข้ามาดูสวนมะนาว เมื่อเดินเข้าไปด้านในเห็นในร่องน้ำมีฝ้ามันสีเหลืองลอยอยู่เต็มร่อง และมีลักษณะคล้ายดินถูกขุดปิดไว้ จึงรีบไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านให้เข้ามาตรวจสอบ โดยใช้ไม้เขี่ยดู ก็พบว่ามีศพถูกฝังอยู่ จึงรีบแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบ
ตำรวจเร่งไล่ล่าสามีผู้เสียชีวิต
ขณะที่ตำรวจเร่งติดตามตัวนายเมฆ มาสอบสวน โดยเบื้องต้นพบว่า นายเมฆ พร้อมด้วยพ่อของนายเมฆ ซึ่งเป็นคนงานเฝ้าสวนมะนาวดังกล่าว หายตัวไปหลังมีคนพบศพ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีส่วนรู้เห็นในเรื่องดังกล่าว และเตรียมเรียกพยานมาสอบสวนเพื่อหาผู้ก่อเหตุในครั้งนี้
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านของนายเมฆ สามีของน้องจ้อย ไม่ห่างที่เกิดเหตุพบบ้านหลังดังกล่าวปิดเงียบ ภายในบริเวณบ้านยังมีผ้าที่ถูกซักกองไว้ จากการสอบถามแม่ค้าขายของที่อยู่บริเวณดังกล่าว น้องจ้อยและสามีอาศัยอยู่ด้วยกันมานานกว่า 8 ปีแล้ว ขณที่ นางเสวียง ตั้งจิตร อายุ 64 ปี มารดาของนายเมฆ ซึ่งออกตามหาลูกชายตั้งแต่เช้า โดยหายไปตั้งแต่พบศพน้องจ้อย เช่นเดียวกับนายวันชัย สุขขำ อายุ 57 ปี พ่อนายตั้ม ก็หายไปเช่นกัน อยากให้กลับมามอบตัวแสดงความบริสุทธิ์
น.ส.สุวิมล วิไลรัตน์ อายุ 24 ปี น้องสะใภ้ของนายเมฆ เชื่อว่านายเมฆ เป็นคนลงมือ เพราะเป็นคนอารมณ์ร้อน อยากให้กลับมามอบตัวว่าทำอะไรลงไปก็กลับมารับโทษที่ก่อขึ้น
ขอหมายจับสามีผู้เสียชีวิต
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่เชิญตัวนายสมชาย เกตุเกษตร เพื่อนของนายเมฆมาสอบสวน โดยนายสมชายเล่าว่า นายเมฆ ขับรถไปหา ก่อนที่จะเล่าว่าเป็นคนบีบคอน้องจ้อยจนเสียชีวิต แต่ไม่ได้ตั้งใจ ก่อนที่จะให้พาหลบหนี ซึ่งตนเองได้บอกปัดไป ทำให้นายเมฆ ขับรถออกจากบ้านมุ่งหน้าสุพรรณบุรีเมื่อช่วงเช้าวานนี้ นอกจากนี้ ตำรวจยังมีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดบริเวณตลาดแสวงหา จับภาพขณะที่นายเมฆ ขี่รถจักรยานยนต์อยู่ มีน้องจ้อยซ้อนท้าย ก่อนหายตัวไป เป็นหลักฐานสำคัญเป็นหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับนายเมฆ ซึ่งเชื่อว่าเป็นผู้ฆ่าอำพรางศพ ในข้อหาฆ่าผู้อื่น
เจอตัวแล้วพ่อสามีผู้เสียชีวิต
และล่าสุดเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา หลังถูกกดดันอย่างหนัก นายวันชัย พ่อของนายเมฆมือฆ่า ติดต่อเจ้าของสวนมะนาวที่เกิดเหตุพาเข้าพบกับตำรวจ สภ.แสวงหา โดยให้การรับสารภาพว่า ร่วมกับนายเมฆ ลูกชาย นำศพของน้องจ้อยมาฝังบริเวณดังกล่าวเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ประมาณเที่ยงวัน โดยก่อนหน้านั้น นายเมฆ ขับรถมาบอกว่าพลั้งมือฆ่าน้องจ้อยจนเสียชีวิตภายในบ้านพัก และไม่รู้จะทำอย่างไร จึงร่วมกันนำรถซาเล้งที่ใช้ในสวนไปบรรทุกศพมาจากบ้านผ่านทุ่งนามาฝังไว้ที่ร่องสวน ก่อนที่จะทำเหมือนปกติ จนกระทั่งมีผู้พบศพน้องจ้อย จึงหนีเข้าไปหลบในป่า ส่วนลูกชายไม่ทราบว่าหลบหนีไปไหน
ตำรวจจึงนำตัวนายวันชัย สอบปากคำเครียด เค้นหาที่ซ่อนตัวของนายเมฆ คาดว่าน่าจะหลบซ่อนตัวอยู่ไม่ไกลจากพื้นที่ เนื่องจากมีเงินติดตัวเพียงไม่กี่ร้อยบาทเท่านั้น.-สำนักข่าวไทย