นครราชสีมา 20 มิ.ย. – มีคำเตือน “ไข้หูดับ” หรือ “ไข้หมูดิบ” กลับมาระบาดอีกครั้ง โดยเฉพาะ 4 จังหวัดอีสานใต้ พบผู้ป่วย 89 ราย เสียชีวิตแล้ว 5 ราย
นพ.ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 จ.นครราชสีมา กล่าวว่า โรคไข้หูดับ มีหมูเป็นพาหะนำโรค เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย “สเตรปโตคอกคัส ซูอิส” อยู่ในทางเดินหายใจของหมูและเลือดของหมูที่กำลังป่วย
ติดต่อได้ 2 ทาง คือ 1. การบริโภคเนื้อหมูและเลือดหมูที่ปรุงแบบดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ และ 2. ทางการสัมผัสกับหมูที่ติดเชื้อ ทั้งเนื้อหมู เครื่องใน และเลือดหมูที่เป็นโรค เชื้อจะเข้าทางบาดแผล รอยขีดข่วนตามร่างกาย หรือทางเยื่อบุตา หลังได้รับเชื้อประมาณ 1-14 วัน ผู้ป่วยจะมีไข้สูง ปวดศีรษะอย่างรุนแรง เวียนศีรษะจนทรงตัวไม่ได้ อาเจียน คอแข็ง

ตอนนี้ “ไข้หูดับ” หรือ “ไข้หมูดิบ” กำลังระบาดใน 4 จังหวัดอีสานใต้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 19 มิถุนายน 2568 พบผู้ป่วย 89 ราย และมีผู้เสียชีวิตสะสมแล้ว 5 ราย จ.นครราชสีมา มีผู้ป่วยมากสุด 47 ราย มีผู้เสียชีวิต 3 ราย รองลงมา คือ จ.ชัยภูมิ มีผู้ป่วย 17 ราย จ.สุรินทร์ มีผู้ป่วย 13 ราย และ จ.บุรีรัมย์ มีผู้ป่วย 12 ราย และมีผู้เสียชีวิต 2 ราย กลุ่มอายุที่ป่วยสูงสุด คือ 65 ปีขึ้นไป
วิธีป้องกันไข้หูดับ คือ
- รับประทานเนื้อหมู หรือเลือดหมูที่ปรุงสุกเท่านั้น คือ ต้องผ่านความร้อนอย่างน้อย 60-70 องศาเซลเซียส ในเวลา 10 นาที
- สำหรับคนที่ชอบอาหารปิ้งย่าง ควรใช้อุปกรณ์ในการคีบเนื้อหมูดิบ และเนื้อหมูสุก แยกจากกัน และขอให้ยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด”
- ไม่ควรรับประทานหมูดิบ ร่วมกับการดื่มสุรา
- เลือกซื้อเนื้อหมูจากแหล่งที่มีมาตรฐาน เชื่อถือได้ เนื้อหมูไม่มีกลิ่นคาว สีไม่คล้ำ
- ไม่สัมผัสเนื้อหมูและเลือดดิบด้วยมือเปล่า โดยเฉพาะผู้เลี้ยงหมู ผู้ที่ทำงานในโรงฆ่าสัตว์ ผู้ที่ชำแหละเนื้อหมู สัตวบาล สัตวแพทย์ หากมีบาดแผลต้องปิดแผลให้มิดชิด และล้างมือหลังสัมผัสหมูทุกครั้ง
- หากมีอาการป่วย มีไข้สูง ปวดศีรษะ ร่วมกับประวัติเสี่ยง ขอให้รีบไปพบแพทย์ทันที. – สำนักข่าวไทย