อุดรธานี 12 มิ.ย. – ภรรยาช็อก สามีเสียชีวิตที่อิสราเอล นั่งคุยกับเพื่อนเรื่องลูกสาว จู่ๆ วูบดับคาโต๊ะกลางวงสังสรรค์ เชื่อทำงานต่างแดน โหมงานหนักจนเสียชีวิต
เมื่อวานนี้ (11 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฤษฎาง พูนเจ๊กมะดัน อายุ 39 ปี ชาวบ้านลานเต อ.ประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี เสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลว เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.68 ขณะไปทำงานที่อิสราเอล
เจ้าหน้าที่จากสำนักงานจัดหางานจังหวัดอุดรธานี ประกันสังคมจังหวัด แรงงานจังหวัด และผู้สื่อข่าว เดินทางลงพื้นที่ร่วมแสดงความเสียใจกับครอบครัว จากการตรวจสอบข้อมูล ทราบว่า นายกฤษฎาง เคยเดินทางไปทำงานในรัฐอิสราเอลเมื่อปี พ.ศ.2553 โดยบริษัทจัดหางานจัดส่ง ต่อมาได้เดินทางไปทำงานในประเทศไต้หวัน เมื่อวันที่ 6 พ.ค.67 ภายหลังได้รับการติดต่อจากนายจ้างในรัฐอิสราเอลให้เดินทางกลับไปทำงานอีกเป็นครั้งที่ 2 จึงได้ตัดสินใจเดินทางเข้าไปทำงานต่อในรัฐอิสราเอลเมื่อ ม.ค.68
ในส่วนข้อมูลประกันสังคมพบข้อมูลผู้เสียชีวิตสิ้นสุดการเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2551 และมีเงินสะสมกรณีบำเหน็จชราภาพ จำนวน 7,738.20 บาท สำหรับข้อมูลผู้เดินทางไปทำงานต่างประเทศ กรมการจัดหางานพบว่าแรงงานรายนี้ไม่ได้แจ้งการเดินทางไปทำงานต่างประเทศ
น.ส.ศิริญญา ภรรยา เล่าว่า ตนกับสามีอยู่กินกันมา 16 ปี สาเหตุที่เขาต้องไปทำงานต่างประเทศ เพราะต้องการเก็บเงินสักก้อนมาเป็นทุนให้ครอบครัว ตอนเกิดเหตุเท่าที่ฟังจากเพื่อนร่วมงานสามี ทราบว่า หลังจากเลิกงาน กลุ่มเพื่อนมีการตั้งวงนั่งดื่มกินสังสรรค์ร้องรำทำเพลงสนุกสนาน จากนั้นสามีก็วูบไปต่อหน้าต่อตาเพื่อนๆ คำพูดสุดท้ายที่คุยให้วงเพื่อน คือ เพื่อนถามว่ามีลูกสาวเหรอ สามีก็ตอบว่ามี ตอนนี้อายุ 16 ปี พอพูดจบไม่ทันขาดคำสามีก็วูบหมดสติในมือยังถือไมโครโฟน เพื่อนๆ ที่อยู่แถวนั้นก็ช่วยกันปั๊มหัวใจ โดยไม่มีปาฏิหาริย์สามีเสียชีวิตแล้ว โดยตนไม่ได้ติดใจสาเหตุ เพราะอาการวูบหมดสติและเสียชีวิตกะทันหันแบบนี้ก็มีให้เห็นหลายครั้ง
สำหรับศพของสามี ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่และญาติๆ กำลังทำเรื่องขอรับศพกลับมาบำเพ็ญกุศลที่ จ.อุดรธานี ส่วนสิทธิประโยชน์ เท่าที่รู้จะได้รับเงินจากประกันสังคมจำนวนหนึ่ง แต่สิทธิเรื่องการทำศพนั้น ก่อนไปสามีไม่ได้แจ้งการเดินทางไปทำงานต่างประเทศกับกรมจัดหางาน จึงไม่ได้รับสิทธิ จึงฝากถึงคนไทยที่ทำงานต่างแดน ขอให้ดูแลรักษาตัวเองดีๆ อย่าดื่มสังสรรค์เยอะ ทำงานเหนื่อยๆ ก็ขอให้พักผ่อน อย่าหักโหม.-สำนักข่าวไทย