ผู้ว่าฯ ปราจีนบุรี ตั้งโต๊ะแจงตั้งคนจีนนั่งที่ปรึกษาฯ

ปราจีนบุรี 1 พ.ค.-ผู้ว่าฯ ปราจีนบุรี ตั้งโต๊ะชี้แจงคำสั่งแต่งตั้งคนจีนนั่งที่ปรึกษาฯ หวังประชาชนจะให้อภัย ด้านประธานหอการค้าจังหวัด ลาออกรับผิดชอบ

จากกรณีสื่ออนไลน์ มีการโพสต์ข้อความพร้อมหนังสือราชการแต่งตั้งชายชาวจีน เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯ ปราจีนบุรี ทำให้ถูกกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งนี้ มีการตั้งคำถาม ว่า ไม่มีคนไทย ที่มีความสามารถแล้วหรือ ถึงต้องให้ชาวจีนมานั่งใกล้ผู้ว่าฯ อีกทั้งตำแหน่งดังกล่าว เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ระดับจังหวัด ชาวต่างชาติจะมองถึงประโยชน์ของชาวไทยหรือของใคร และหากเป็นประเทศอื่น ชาวต่างชาติจะมีสิทธิดำรงตำแหน่งดังกล่าวหรือไม่ จน นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าฯ ปราจีนบุรี ได้ออกหนังสือ เพื่อยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งที่ปรึกษาชาวจีนคนดังกล่าวออกไป


ล่าสุด นายวีระพันธ์ ได้ตั้งโต๊ะชี้แจงกรณีมีการเผยแพร่คำสั่งจังหวัดปราจีนบุรี แต่งตั้งให้ Mr. Juncheng Zhu (จู เจิ้น เฉิน) ชาวจีน เป็นที่ปรึกษา เป็นเพียงการให้กำลังใจผู้ร่วมงานเท่านั้น ไม่มีประโยชน์อื่นใด และเมื่อพบว่ามีความไม่เหมาะสม จึงได้มีการยกเลิกคำสั่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ขอน้อมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และขอรับรองว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีก และหวังว่าประชาชนจะให้อภัย

นอกจากนี้ผู้ว่าฯ ยังได้ออกหนังสือชี้แจงประกอบกรณีการตั้งแต่งที่ปรึกษาชาวจีนด้วย โดยมีข้อความดังนี้ 1.จังหวัดปราจีนบุรีได้รับการประสานจากหอการค้า, สภาอุตสาหกรรม, สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และภาคเอกชนในพื้นที่เรื่องการพัฒนา ความสัมพันธ์บ้านพี่เมืองน้อง ระหว่างนครฉางชุน มณฑลจี๋หลิน สาธารณรัฐประชาชนจีน และเมืองตงกว่าน มณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นเมืองที่มีการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในด้าน การเกษตร การท่องเที่ยว และการผลิตสินค้าอุตสาหกรรม ที่สำคัญของสาธารณรัฐประชาชนจีน จึงทำให้ต้องมีผู้ที่มีความรู้ความสามารถ และสื่อสารภาษาไทยและภาษาจีนได้อย่างดี เพื่อทำหน้าที่ เป็นสื่อกลางประสานความสัมพันธ์ จังหวัดปราจีนบุรี จึงแต่งตั้งที่ปรึกษาผู้ว่าฯ โดยมีการแต่งตั้ง Mr.Juncheng Zhu (จู เจิ้น เฉิน) ผู้บริหารบริษัทปราจีน ลาเท็กซ์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรีด้วย


2.จังหวัดปราจีนบุรีกำลังเตรียมการรองรับการพัฒนาการเป็นเขตพัฒนาพิเศษ ภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) รวมทั้งการลงทุนจากต่างชาติ ภาคเอกชนเสนอให้มีการแต่งตั้งชาวต่างชาติที่มีความรู้ความสามารถเป็นที่ปรึกษาในการ ขับเคลื่อนการทำงานเพื่อรองรับการพัฒนาจังหวัดฯ ซึ่งไม่ได้มีเจตนาให้เกิดความเข้าใจ ที่คลาดเคลื่อน
3.จากการแต่งตั้งที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรีดังกล่าว พบว่า เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ของพี่น้องประชาชนในสื่อต่างๆ จังหวัดฯ จึงได้มีคำสั่งลงวันที่ 29 เมษายน 2568 เรื่องยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งที่ปรึกษาผู้ว่าฯ ดังกลาว และได้มีหนังสือรายงานกระทรวงมหาดไทยทราบ เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 เรียบร้อยแล้ว

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พูดถึงกรณี ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี ว่า สมควรถูกวิจารณ์ เพราะถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม กับการแต่งตั้งคนจีน มาเป็นที่ปรึกษา ซึ่งหลังจากตนได้รับรายงาน ก็ได้ฝากปลัดกระทรวงมหาดไทย ตำหนิไปว่า เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม “เป็นถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องมีวุฒิภาวะมากกว่านี้” พร้อมขอโทษประชาชน ที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ ส่วนจะต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนหรือไม่ นายอนุทิน บอกว่า ไม่ใช่ความผิด แต่เป็นเรื่องไม่เหมาะสม ก็มองว่าการแต่งตั้งที่ปรึกษา “เปลืองกระดาษราชการ” เพราะการปรึกษากัน สามารถใช้วิธีการพูดคุยกันได้

หลังเกิดเหตุการณ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติราชการแทน ปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงนามในหนังสือ ด่วนที่สุดที่ เรื่อง การรายงานข้อมูลการแต่งตั้งที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัด ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด พร้อมส่งแบบฟอร์มรายงานการแต่งตั้งที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัด และรายละเอียดระบุว่า ด้วยกระทรวงมหาดไทย จะดำเนินการสำรวจข้อมูลการแต่งตั้งที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดของแต่ละจังหวัด เพื่อจัดทำเป็นฐานข้อมูลของผู้บริหาร ดังนั้นจึงขอให้จังหวัดรายงานข้อมูลการแต่งตั้งที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดตามแบบฟอร์มที่กำหนด ส่งให้กระทรวงมหาดไทย ภายในวันที่ 30 เม.ย. เวลา 16.30 น.


และต่อมาเพจ CSI LA โพสต์ภาพเอกสารอีกฉบับ เป็นเอกสารแต่งตั้งที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งพบว่า มีการแต่งตั้งทั้งหมด 5 คน หนึ่งในนั้นมี mr.juncheng Zhu (จู เจิ้น เฉิน) และมี นายสมบัติ สิทธิมงคล ประธานหอการค้าจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งคนนี้ ที่ทางเพจตั้งคำถามว่า ผู้ว่าฯ ปราจีนบุรี ใช้หลักเกณฑ์อะไรในการแต่งตั้งที่ปรึกษา โดยเฉพาะในกรณีที่บุคคลนั้นเคยมีประวัติที่สังคมตั้งคำถามมากมาย

ล่าสุด นายสมบัติ สิทธิมงคล ประธานหอการค้าจังหวัดปราจีนบุรี โพสต์เอกสารในเฟซบุ๊ก ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานหอการค้าจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า “หอการค้าจังหวัดปราจีนบุรี มุ่งหวังสร้างสัมพันธไมตรีที่ดีระหว่างจังหวัดปราจีนบุรีกับมณฑลหนึ่งของจีน ตามวัตถุประสงค์ในหนังสือฉบับนี้เท่านั้นครับ เพียงหวังอาจเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการขับเคลื่อนจังหวัดปราจีนบุรีไปในทิศทางที่ดี เมื่อเกิดประเด็นและข้อห่วงใยดังกล่าว เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อการนำเสนอและทำให้ชาวจังหวัดปราจีนบุรีเกิดความไม่สบายใจและห่วงใยในผลกระทบและความเสียหายที่อาจเกิดต่อจังหวัดปราจีนบุรีได้ ผมขอประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานหอการค้าจังหวัดปราจีนบุรีนับจากบัดนี้ เป็นต้นไปครับ”.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

กัมพูชายืนยันไม่รับแผนที่ 1 : 50,000

15 มิ.ย. – กัมพูชาแถลงปฏิเสธแผนที่ 1 ต่อ 50,000 อย่างเด็ดขาด อ้างไทยเขียนขึ้นฝ่ายเดียว ยึดมั่นแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ตาม MOU43 เท่านั้น พร้อมยินดีร่วมมือกับไทยด้วยกลไกทวิภาคี ยกเว้น 4 จุดที่นำขึ้นศาลโลก เว็บไซต์ข่าว Khmer Times รายงานภายหลังเสร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม หรือ JBC ที่กรุงพนมเปญ ว่า ฝ่ายกัมพูชาแสดงจุดยืนปฏิเสธอย่างหนักแน่นที่จะรับรองแผนที่ที่ฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำใช้อ้างอิงอันเป็นที่มาหลักของปัญหาข้อพิพาทชายแดนที่เรื้อรังมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต ทั้งนี้ แผนที่ที่กัมพูชาอ้างว่าฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาทเขตแดนไม่สิ้นสุดนั้นคือแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 ซึ่งมีความละเอียดแม่นยำมากกว่าแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่กัมพูชายึดถือ Khmer Times อ้างตามเอกสารข่าวเผยแพร่จากสำนักเลขาธิการกิจการชายแดนเกี่ยวกับการประชุม JBC ที่จัดขึ้นระหว่างฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทย ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายฬำ เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักกิจการชายแดนและประธาน JBC ฝ่ายกัมพูชา และนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศของไทย และประธาน JBC ฝ่ายไทย […]

“ลูกหมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ย

สำนักงานกฎหมายทนายคลายทุกข์ 13 มิ.ย. – “ลูกหมี รัศมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้ 2 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ด้าน “ทนายเดชา” เผยหาก 30 วัน ไม่ใช้หนี้ เตรียมยื่นเรื่องยึดทรัพย์-ฟ้องล้มละลาย นางสาวรัศมี ทองสิริไพรศรี หรือลูกหมี นางแบบชื่อดัง พร้อมนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา และนางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกรณีลูกหนี้ ซึ่งเป็นอดีตดารานักแสดงชื่อดัง ได้ทำการกู้ยืมเงิน พร้อมจ่ายเช็คเด้ง จำนวน 2 ล้านบาท โดยไม่ยอมชำระคืนตามที่ได้ตกลงทำสัญญากันไว้ ทนายเดชา กล่าวว่า คดีนี้คุณลูกหมีฟ้องลูกหนี้ในความผิดเกี่ยวกับเรื่องสัญญากู้ยืมเงิน โดยเงินต้นจำนวน 2 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ศาลพิพากษาว่า สัญญากู้เงินต้น 2 ล้านบาท เป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมาย ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด […]

อิสราเอลและอิหร่านโจมตีตอบโต้กันในระลอกใหม่

เทลอาวีฟ 15 มิ.ย. – อิสราเอลและอิหร่านได้เปิดฉากโจมตีตอบโต้กันอีกครั้งในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ซึ่งจุดชนวนความกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งในวงกว้างขึ้น หลังจากที่อิสราเอลได้ขยายการโจมตีอิหร่าน ด้วยการโจมตีแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก อิหร่านได้ยกเลิกการเจรจานิวเคลียร์ที่สหรัฐเคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเป็นหนทางเดียวที่จะหยุดยั้งการทิ้งระเบิดของอิสราเอลได้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นจนถึงขณะนี้ยังถือว่าไม่มีอะไรที่จะเทียบเคียงกับสิ่งที่อิหร่านจะได้เห็นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การโจมตีของอิหร่านล่าสุดเริ่มต้นขึ้นไม่นานหลังเวลา 23:00 น. ของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกัล 03.00 น.ตามเวลาในประเทศไทย เมื่อเสียงสัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นในนครเยรูซาเลมและเมืองไฮฟา ทำให้ผู้คนราวหนึ่งล้านคนต้องรีบเข้าไปในสถานที่หลบภัย หน่วยบริการพยาบาลกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ซึ่งมีเด็กวัย 10 ขวบและหญิงสาววัยราว ๆ  20 ปีรวมอยู่ด้วย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 140 คนจากการโจมตีที่เกิดขึ้นหลายครั้ง สื่ออิสราเอลรายงานว่ามีผู้สูญหายอย่างน้อย 35 คน หลังจากที่ขีปนาวุธพุ่งเป้าไปที่เมืองบัตยัม ซึ่งเป็นเมืองทางใต้ของกรุงเทลอาวีฟ โฆษกหน่วยบริการฉุกเฉินกล่าวว่าขีปนาวุธลูกหนึ่งพุ่งชนอาคาร 8 ชั้นในเมืองนั้น และในขณะที่ผู้คนจำนวนมากได้รับการช่วยเหลือ แต่ก็มีผู้เสียชีวิตด้วยเช่นกัน ขณะนี้่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีอาคารกี่หลังที่ถูกโจมตีเมื่อคืนนี้ จนถึงขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอลล่าสุดอยู่ที่อย่างน้อย 9 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 ราย นับตั้งแต่อิหร่านเปิดฉากโจมตีตอบโต้อิสราเอลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พยาบาลเกษียณร้องไซเบอร์ ถูกโรแมนซ์สแกม สูญ 12 ล้าน

16 มิ.ย. – พยาบาลเกษียณ วัย 65 ปี ร้องตำรวจไซเบอร์ ถูกหลอกสร้างความสัมพันธ์เชิงชู้สาว หรือโรแมนซ์สแกม ชวนลงทุนคริปโต สูญเงิน 12 ล้าน นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พาพยาบาลเกษียณอายุราชการวัย 65 ปี ผู้เสียหาย ถูกมิจฉาชีพหลอกหลอกให้รัก (Romance Scam) และชักชวนให้ลงทุนในระบบคริปโตผ่านแพลตฟอร์มเทรดปลอม สูญเงินเกือบ 12 ล้านบาท เข้าร้องทุกข์กับตำรวจไซเบอร์ โดยมี พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 รับเรื่อง นางสาวอ้อ อายุ 65 ปี อดีตพยาบาลผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2567 มิจฉาชีพหรือ นางสาวพร (นามสมมติ) ทักข้อความมาหาตนผ่านแอพ TikTok และชวนพูดคุยในลักษณะเชิงชู้สาว และต้องการหาคู่ชีวิต และชวนคุยเรื่องส่วนตัวจนเตนเชื่อใจ จนผ่านไป 2 […]

“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000

ก.ต่างประเทศ 16 มิ.ย.-“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000 แฉ “กัมพูชา” ถูกสั่งห้ามคุยปม 4 พื้นที่พิพาทในวง JBC แต่เสียดาย ไม่มีในบันทึกการประชุม เพราะหารือในวงเล็ก ยัน JBC รอบนี้ราบรื่นที่สุด บอกแต่ก่อนทะเลาะกันเยอะกว่านี้ นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC แถลงชี้แจงผลการประชุม JBC ว่า ตนเข้าร่วมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 แล้ว จากระดับเจ้าหน้าที่ และครั้งนี้ไปประชุมในฐานะประธาน ถือว่าราบรื่นที่สุดเท่าที่เคยประชุมมา แต่ก่อนทะเลาะกันแรงกว่านี้เยอะ และครั้งนี้ ประสบความสำเร็จทางด้านเทคนิค พร้อมอธิบายภารกิจของ คณะกรรมการ JBC ว่า ประกอบไปด้วย 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการตรวจหาหลักเขตที่ปักปันตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ปี 2462-2463 ซึ่งมีการปักหลักเขตไปแล้ว 73 หลัก ตอนนี้เห็นชอบไปแล้ว 45 หลัก อีก […]

นายกฯ เผย กต.เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ลั่นไทยเคารพกรอบทวิภาคี

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – นายกฯ เผย กต. เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ทำความเข้าใจกรณีไทย-กัมพูชา ย้ำไทยให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ลั่นการเคลื่อนไหวนอกเหนือจากการเจรจาถือเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ ประกาศกร้าว จะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ข่มขู่ เราก็เป็นประเทศที่มีศักดิ์ศรีเช่นกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ ก.ต่างประเทศ เรียกประชุมทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยให้ได้รับทราบ ถ้าไม่เคารพกติกา ทั่วโลกก็จะไม่ยอมรับ ยอมรับไทยมีการสื่อสารที่เป็นสาธารณะน้อยมาก เพราะให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ทั้งไทยและกัมพูชาจะต้องยึดตามกรอบการเจรจาทวิภาคี การเคลื่อนไหวที่นอกเหนือจากการเจรจาถือว่าเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ นอกจากนี้ระหว่างความสัมพันธ์ของรัฐบาลกับกองทัพ มีการพูดคุยอย่างต่อเนื่อง ว่าท่าทีของไทยจะเป็นอย่างไร อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ เพื่อรักษาอธิปไตยของไทย และยืนยันว่าไม่มีปัญหากันแน่นอน.-สำนักข่าวไทย

Hun Sen delivers speech in Cambodia's Senate

“ฮุน เซน” ขู่ให้ไทยเปิดด่านทั้งหมดภายในวันนี้

พนมเปญ 16 มิ.ย.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชาประกาศว่า ไทยต้องเปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดภายใน 24 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมด และห้ามสินค้าไทยทุกอย่างเข้ากัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายฮุน เซนยื่นคำขาดระหว่างกล่าวสุนทรพจน์พิเศษก่อนการประชุมวุฒิสภาในเช้าวันนี้ว่า เดิมกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมดในวันนี้ แต่รัฐบาลได้เลื่อนการตัดสินใจออกไป หลังจากที่เขาและนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีแพรทองธาร ชินวัตรของไทย หากไทยไม่เปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดอีกครั้งตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป กัมพูชาจะห้ามผักและผลไม้ผ่านจุดผ่านแดนทั้งหมดของกัมพูชา นอกจากนี้กัมพูชาจะยกเลิกมาตรการจำกัดการผ่านแดนกับไทยที่ใช้อยู่ในขณะนี้ หากทางการไทยกลับมาเปิดจุดผ่านแดนตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น.ตามเดิม นายฮุน เซนประกาศชัดเจนว่า ทางการกัมพูชาจะไม่มีวันนั่งโต๊ะเจรจากับทางการไทยเรื่องการจำกัดการผ่านแดน เนื่องจากไทยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน โดยได้ตั้งคำถามว่า กองทัพไทยเป็นฝ่ายจำกัดการผ่านแดน และเมื่อกัมพูชาทำเช่นเดียวกัน ก็ต้องการเจรจาเพื่อรักษาหน้าเช่นนั้นหรือ พร้อมกับสำทับว่า กัมพูชาจะไม่ปล่อยให้ชื่อเสียงประเทศตกอยู่ในความเสี่ยงเพราะความผิดพลาดของคนอื่น.-814.-สำนักข่าวไทย