ผู้ว่าฯ ปราจีนบุรี ตั้งโต๊ะแจงตั้งคนจีนนั่งที่ปรึกษาฯ

ปราจีนบุรี 1 พ.ค.-ผู้ว่าฯ ปราจีนบุรี ตั้งโต๊ะชี้แจงคำสั่งแต่งตั้งคนจีนนั่งที่ปรึกษาฯ หวังประชาชนจะให้อภัย ด้านประธานหอการค้าจังหวัด ลาออกรับผิดชอบ

จากกรณีสื่ออนไลน์ มีการโพสต์ข้อความพร้อมหนังสือราชการแต่งตั้งชายชาวจีน เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯ ปราจีนบุรี ทำให้ถูกกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งนี้ มีการตั้งคำถาม ว่า ไม่มีคนไทย ที่มีความสามารถแล้วหรือ ถึงต้องให้ชาวจีนมานั่งใกล้ผู้ว่าฯ อีกทั้งตำแหน่งดังกล่าว เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ระดับจังหวัด ชาวต่างชาติจะมองถึงประโยชน์ของชาวไทยหรือของใคร และหากเป็นประเทศอื่น ชาวต่างชาติจะมีสิทธิดำรงตำแหน่งดังกล่าวหรือไม่ จน นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าฯ ปราจีนบุรี ได้ออกหนังสือ เพื่อยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งที่ปรึกษาชาวจีนคนดังกล่าวออกไป


ล่าสุด นายวีระพันธ์ ได้ตั้งโต๊ะชี้แจงกรณีมีการเผยแพร่คำสั่งจังหวัดปราจีนบุรี แต่งตั้งให้ Mr. Juncheng Zhu (จู เจิ้น เฉิน) ชาวจีน เป็นที่ปรึกษา เป็นเพียงการให้กำลังใจผู้ร่วมงานเท่านั้น ไม่มีประโยชน์อื่นใด และเมื่อพบว่ามีความไม่เหมาะสม จึงได้มีการยกเลิกคำสั่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ขอน้อมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และขอรับรองว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีก และหวังว่าประชาชนจะให้อภัย

นอกจากนี้ผู้ว่าฯ ยังได้ออกหนังสือชี้แจงประกอบกรณีการตั้งแต่งที่ปรึกษาชาวจีนด้วย โดยมีข้อความดังนี้ 1.จังหวัดปราจีนบุรีได้รับการประสานจากหอการค้า, สภาอุตสาหกรรม, สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และภาคเอกชนในพื้นที่เรื่องการพัฒนา ความสัมพันธ์บ้านพี่เมืองน้อง ระหว่างนครฉางชุน มณฑลจี๋หลิน สาธารณรัฐประชาชนจีน และเมืองตงกว่าน มณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นเมืองที่มีการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในด้าน การเกษตร การท่องเที่ยว และการผลิตสินค้าอุตสาหกรรม ที่สำคัญของสาธารณรัฐประชาชนจีน จึงทำให้ต้องมีผู้ที่มีความรู้ความสามารถ และสื่อสารภาษาไทยและภาษาจีนได้อย่างดี เพื่อทำหน้าที่ เป็นสื่อกลางประสานความสัมพันธ์ จังหวัดปราจีนบุรี จึงแต่งตั้งที่ปรึกษาผู้ว่าฯ โดยมีการแต่งตั้ง Mr.Juncheng Zhu (จู เจิ้น เฉิน) ผู้บริหารบริษัทปราจีน ลาเท็กซ์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรีด้วย


2.จังหวัดปราจีนบุรีกำลังเตรียมการรองรับการพัฒนาการเป็นเขตพัฒนาพิเศษ ภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) รวมทั้งการลงทุนจากต่างชาติ ภาคเอกชนเสนอให้มีการแต่งตั้งชาวต่างชาติที่มีความรู้ความสามารถเป็นที่ปรึกษาในการ ขับเคลื่อนการทำงานเพื่อรองรับการพัฒนาจังหวัดฯ ซึ่งไม่ได้มีเจตนาให้เกิดความเข้าใจ ที่คลาดเคลื่อน
3.จากการแต่งตั้งที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรีดังกล่าว พบว่า เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ของพี่น้องประชาชนในสื่อต่างๆ จังหวัดฯ จึงได้มีคำสั่งลงวันที่ 29 เมษายน 2568 เรื่องยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งที่ปรึกษาผู้ว่าฯ ดังกลาว และได้มีหนังสือรายงานกระทรวงมหาดไทยทราบ เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 เรียบร้อยแล้ว

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พูดถึงกรณี ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี ว่า สมควรถูกวิจารณ์ เพราะถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม กับการแต่งตั้งคนจีน มาเป็นที่ปรึกษา ซึ่งหลังจากตนได้รับรายงาน ก็ได้ฝากปลัดกระทรวงมหาดไทย ตำหนิไปว่า เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม “เป็นถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องมีวุฒิภาวะมากกว่านี้” พร้อมขอโทษประชาชน ที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ ส่วนจะต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนหรือไม่ นายอนุทิน บอกว่า ไม่ใช่ความผิด แต่เป็นเรื่องไม่เหมาะสม ก็มองว่าการแต่งตั้งที่ปรึกษา “เปลืองกระดาษราชการ” เพราะการปรึกษากัน สามารถใช้วิธีการพูดคุยกันได้

หลังเกิดเหตุการณ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติราชการแทน ปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงนามในหนังสือ ด่วนที่สุดที่ เรื่อง การรายงานข้อมูลการแต่งตั้งที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัด ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด พร้อมส่งแบบฟอร์มรายงานการแต่งตั้งที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัด และรายละเอียดระบุว่า ด้วยกระทรวงมหาดไทย จะดำเนินการสำรวจข้อมูลการแต่งตั้งที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดของแต่ละจังหวัด เพื่อจัดทำเป็นฐานข้อมูลของผู้บริหาร ดังนั้นจึงขอให้จังหวัดรายงานข้อมูลการแต่งตั้งที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดตามแบบฟอร์มที่กำหนด ส่งให้กระทรวงมหาดไทย ภายในวันที่ 30 เม.ย. เวลา 16.30 น.


และต่อมาเพจ CSI LA โพสต์ภาพเอกสารอีกฉบับ เป็นเอกสารแต่งตั้งที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งพบว่า มีการแต่งตั้งทั้งหมด 5 คน หนึ่งในนั้นมี mr.juncheng Zhu (จู เจิ้น เฉิน) และมี นายสมบัติ สิทธิมงคล ประธานหอการค้าจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งคนนี้ ที่ทางเพจตั้งคำถามว่า ผู้ว่าฯ ปราจีนบุรี ใช้หลักเกณฑ์อะไรในการแต่งตั้งที่ปรึกษา โดยเฉพาะในกรณีที่บุคคลนั้นเคยมีประวัติที่สังคมตั้งคำถามมากมาย

ล่าสุด นายสมบัติ สิทธิมงคล ประธานหอการค้าจังหวัดปราจีนบุรี โพสต์เอกสารในเฟซบุ๊ก ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานหอการค้าจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า “หอการค้าจังหวัดปราจีนบุรี มุ่งหวังสร้างสัมพันธไมตรีที่ดีระหว่างจังหวัดปราจีนบุรีกับมณฑลหนึ่งของจีน ตามวัตถุประสงค์ในหนังสือฉบับนี้เท่านั้นครับ เพียงหวังอาจเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการขับเคลื่อนจังหวัดปราจีนบุรีไปในทิศทางที่ดี เมื่อเกิดประเด็นและข้อห่วงใยดังกล่าว เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อการนำเสนอและทำให้ชาวจังหวัดปราจีนบุรีเกิดความไม่สบายใจและห่วงใยในผลกระทบและความเสียหายที่อาจเกิดต่อจังหวัดปราจีนบุรีได้ ผมขอประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานหอการค้าจังหวัดปราจีนบุรีนับจากบัดนี้ เป็นต้นไปครับ”.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา ปราบสแกมเมอร์

สระแก้ว 16 ก.ย.-วันนี้ที่จังหวัดสระแก้ว มีการประชุมสำคัญระหว่างไทยและกัมพูชา เพื่อหวังแนวทางร่วมมือในการปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสแกมเมอร์.-สำนักข่าวไทย

ผู้ค้าทองคำเสนอตั้งเคลียริ่งเฮาส์ ค้านเก็บภาษีเทรดทอง

กรุงเทพฯ 16 ก.ย. – ราคาทองคำนิวไฮตามตลาดโลก การค้าทองคึกคัก ผู้ค้าทองคำค้านแนวคิดภาครัฐเก็บภาษีเทรดทองคำออนไลน์ เพื่อป้องกันบาทแข็งค่า ระบุถอยหลังเข้าคลอง ทำลายการค้า เสนอ ธปท. “ตั้งเคลียริ่งเฮาส์-ปรับสูตรดูแลค่าเงิน” นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด (MTS Gold) กล่าวว่า ในการประชุมระหว่างผู้ค้าทองคำและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วานนี้ ทาง ธปท.มีการสอบถามความเห็นเรื่อง การที่กระทรวงการคลังอาจออกมาตรการเก็บภาษีในการซื้อ-ขายทองคำ โดยเฉพาะธุรกรรมออนไลน์และมีการชำระเป็นเงินบาท เพื่อลดผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่อเงินบาท ซึ่งทางผู้ค้าทองคำ คัดค้านเพราะจะกระทบต่อการค้าทองคำในองค์รวมของทั้งในและต่างประเทศ ทำลายระบบเศรษฐกิจ โดยในขณะนี้การค้าทองคำทั้งในและต่างประเทศแต่ละปีมีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านล้านบาท/ปี และความนิยมเทรดระบบออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจดิจิทัล ตอบสนองนพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ ที่นิยมเทรดออนไลน์ทั้งผ่านแอปฯ ต่างๆ และเทรดผ่าน Gold Futures ตลาด TFEX ซึ่งเป็นการเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำภายในประเทศ โดยยอดเทรดเติบโตอย่างมากราว 9-20 ตัน/วัน หรือ 20,000-35,000 สัญญาต่อวัน […]

รอลุ้นโฉมหน้า ครม.อนุทิน 1 คาดช้าสุดทูลเกล้าฯ พรุ่งนี้

พรรคภูมิใจไทย 16 ก.ย.-รอลุ้นโฉมหน้า ครม.อนุทิน 1 คาดช้าสุดทูลเกล้าฯ พรุ่งนี้ หลังนายกฯ ลั่นเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าการนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีอนุทิน 1 คาดว่าจะมีความชัดเจนเร็วสุดในเย็นวันนี้ (16 ก.ย.) หรืออย่างช้าวันพรุ่งนี้ (17 ก.ย.) ซึ่งต้องรอความชัดเจนจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ขณะที่บรรยากาศพรรคภูมิใจไทยในช่วงเช้าวันนี้ยังคงเงียบเหงา มีแกนนำพรรคเดินทางเข้าที่ทำการพรรค อาทิ นายทรงศักดิ์ ทองศรี ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เบื้องต้นยังไม่มีกำหนดการเดินทางเข้าพรรคในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นายอนุทิน ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ไว้ว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งจะสามารถทูลเกล้าฯ ถลายได้ภายในสัปดาห์นี้.-สำนักข่าวไทย

เตือนภาวะน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.

กรุงเทพฯ 16 ก.ย.-สทนช. ออกประกาศเตือน เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.นี้ คาดระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงจะสูงกว่าจุดวิกฤติ 0.20 เมตร เสี่ยงน้ำเอ่อล้นริมเจ้าพระยา-ท่าจีน-แม่กลอง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกประกาศเตือน เรื่อง “เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง” เตือนประชาชนและหน่วยงานในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง ให้เฝ้าระวังระดับน้ำเอ่อล้นตลิ่ง ระหว่างวันที่ 17–22 กันยายน 2568 ในช่วงเวลา 16.00–19.00 น. ของแต่ละวัน โดยเฉพาะพื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราว ซึ่งยังไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร หรือที่เรียกว่า “แนวฟันหลอ” นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสทนช. กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ร่วมกับกรมอุทกศาสตร์ คาดว่าช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงที่ระดับน้ำทะเลหนุนสูง โดยระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงอาจสูงถึง 1.70–1.90 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำวิกฤติประมาณ 0.20 เมตร ปัจจัยที่ส่งผลต่อการหนุนสูงของน้ำทะเลในช่วงนี้ได้แก่ ร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศไทย ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังปานกลาง ซึ่งยังคงพัดปกคลุมประเทศไทยและบริเวณอ่าวไทย ส่งผลให้บางพื้นที่ยังคงมีฝนตก และเมื่อรวมกับปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุน จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้น เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำ พื้นที่เสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ […]