ยะลา 16 เม.ย. – “ปูโล๊ะลือแม” ของอร่อยเมืองเบตง ใต้สุดแดนสยาม รสชาติหอมหวานพอดี จิ้มกินกับแกงมัสมั่นเนื้อ-ไก่-แพะ หรือนมข้นหวาน สังขยา ก็เข้ากันดี ไว้สำหรับรับแขก หลังวันฮารีรายออีฎิลฟิตริ
ช่วงหลังวันฮารีรายออีฎิลฟิตริ แต่ละบ้านจะจัดเตรียมอาหารมากมายกันอีกครั้ง เพื่อไว้ต้อนรับแขก โดยที่ อ.เบตง จ.ยะลา มีขนมที่ต้องทำกันเกือบทุกบ้านมาตั้งแต่โบราณ คือ “ปูโล๊ะลือแม” หรือ “ข้าวหลามบาซูก้า” ตามที่คนรุ่นหลังมักจะเรียกกัน เพราะข้าวหลามมีขนาดไม้ไผ่ใหญ่ ยาว และเหมือนปืนบาซูก้า นั่น
นางมลฤดี ดือรือมอ ชาวบ้านชุมชนจาเราะกางา อ.เบตง จ.ยะลา เล่าว่า ข้าวหลามบาซูก้า หรือปูโล๊ะลือแม ต้องใช้ไม้ไผ่พันธุ์สมาเลียนเท่านั้น และที่ อ.เบตง คือแหล่งของไม้ไผ่ชนิดดังกล่าวที่มีขนาดข้อยาว ตัวเนื้อไม้บาง มีกลิ่นหอม และน้ำหนักเบานั่นเอง ขั้นตอนในการทำ ปูโล๊ะลือแม มีความยุ่งยากพอสมควร เพราะต้องเข้าไปในป่า ขึ้นเขาไปหาไม้ไผ่ที่มีขนาดพอเหมาะ มีลำต้นตรง เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5-7 เซนติเมตร เพื่อนำกลับมาเลื่อยเป็นท่อน ท่อนละประมาณ 70-80 เซนติเมตร นำมาทำความสะอาด แล้วหยอดใบตองที่ม้วนเป็นบ้องยาวเข้าไปในกระบอกไม้ไผ่ โดยไม่ให้ใบกล้วยพับ หรือติดขัด และต้องให้ใบตองแนบกับกระบอกไม้ไผ่ ไม่เช่นนั้น เวลาย่างข้าวเหนียวจะติดกระบอกไม้ไผ่ ทำให้ผ่ายาก และที่สำคัญใบตองถือ เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ข้าวหลามไม่ติดกระบอก มัน สวย หอม ปอกง่าย และน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น
ส่วนประกอบในการทำที่เต้องตรียมไว้ ได้แก่ ข้าวเหนียว กะทิ น้ำตาล และ เกลือ จากนั้นก็นำไปใส่ใบตอง กรอกข้าวเหนียวแห้งที่ผ่านการล้างด้วยน้ำเย็น และสะเด็ดน้ำเรียบร้อย กรอกเข้าช่องกลางใบตองในกระบอกไม้ไผ่ จนเกือบเต็มกระบอก บางคนอาจชอบติดหวาน ก็ผสมถั่วดำต้มสุก หรือเผือกมันเข้าไปด้วย
หลังจากนั้น ก็กรอกกะทิสดที่ปรุงรสออกเค็มนิดๆ โดยกรอกให้ท่วมข้าวเหนียวนิดหน่อยเหมือนหุงข้าว จากนั้นก็เอาไปย่างไฟ โดยการปักหลัก 2 ข้าง แล้วนำไม้ หรือเหล็กพาดกลางทำเป็นราว เพื่อใช้พิงย่างกระบอกข้าวหลามที่เรียงเป็นแถวยาว ก่อไฟย่างข้าวหลามห่างกระบอกข้าวหลามประมาณ 30 เซนติเมตร และดูไฟให้ดี อย่าให้ไฟแรง หรือไฟอ่อนเกินไป เมื่อเริ่มย่างข้าวหลาม ให้เรียงตั้งพาดกระบอกกับราวในแนวตั้งมากที่สุด เกือบ 90 องศา แต่เมื่อข้าวหลามเริ่มเดือดได้ที่ก็ให้ตั้งเอียงประมาณ 60 องศา และเมื่อข้าวหลามตรงกลางสุกดีก็ให้เอียงประมาณ 45 องศา เพื่อย่างในส่วนปากกระบอกข้าวหลามให้สุก ใช้เวลาย่างประมาณ 4-5 ชั่วโมง จึงจะใช้ได้ โดยการย่างข้าวหลามครั้งหนึ่ง หากจำนวนกระบอกยิ่งมาก ก็จะยิ่งคุ้มค่าต่อการเสียเวลา
เมื่อข้าวหลามสุกดี ชาวบ้านก็จะเอาไปพักให้เย็น และสามารถปอกมารับประทานได้ทันทีเมื่อสุก รสชาติ และความหอมหวานก็จะพอดีโดยเฉพาะเมื่อนำมาเฉือนเป็นชิ้นบางๆ ชิ้นละ 3-5 เซนติเมตร จิ้มกับแกงมัสมั่นเนื้อ ไก่ แพะ หรือจะเป็นนมข้นหวาน สังขยา รับรองเข้ากันได้ดี และเมื่อใกล้ถึงวันฮารีรายออีฎิลฟิตริ หรือรายอปอซอ จะได้หวนคิดถึงเบตง คิดถึง “ปูโล๊ะลือแม” หรือ “ข้าวหลามบาซูก้า” ของดีเมืองเบตง ซึ่งไม่เหมือนใครที่ไหนอย่างแน่นอนเล่น.-สำนักข่าวไทย